หัวข้อ: พระราชสิทธิวราจารย์" (อุดม สุทธสีโล) วัดประสิทธิเวช อ.องครักษ์ จ.นครนายก เริ่มหัวข้อโดย: ใบบุญ ที่ 30 มิถุนายน 2563 14:03:28 (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/43258693400356_view_resizing_images_1_320x200.jpg) พระราชสิทธิวราจารย์" (อุดม สุทธสีโล) วัดประสิทธิเวช อ.องครักษ์ จ.นครนายก พระราชสิทธิวราจารย์" (อุดม สุทธสีโล) เจ้าอาวาสวัดประสิทธิเวช อ.องครักษ์ จ.นครนายก และเจ้าคณะอำเภอองครักษ์ จะมีอายุครบรอบ 78 ปี เหล่าศิษย์ผู้ใกล้ชิดและญาติโยมผู้เลื่อมใสจะร่วมกันจัดงานมุทิตาจิตฉลองอายุวัฒนมงคล เป็นพระเถระชั้นผู้ใหญ่ที่ชาวเมืององครักษ์ให้ความเลื่อมใสศรัทธาอย่างยิ่ง ปัจจุบัน สิริอายุ 78 ปี พรรษา 57 นามเดิมชื่อ อุดม ยิ้มย่อง เกิดเมื่อวันศุกร์ที่ 19 มิ.ย.2485 ที่บ้านเลขที่ 6 หมู่ 10 ต.บางปลากด อ.องครักษ์ จ.นครนายก เป็นบุตรของนายโชติ-นางเริ่ม ยิ้มย่อง ช่วงวัยเยาว์ สำเร็จการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จากโรงเรียนวัดประสิทธิเวช ต.บางปลากด อายุครบ 21 ปีบริบูรณ์ เข้าพิธีอุปสมบทเมื่อวันที่ 24 มิ.ย.2506 ที่พัทธสีมาวัดประสิทธิเวช โดยมีพระครูวิจิตรธรรมประภาต เป็นพระอุปัชฌาย์, พระครูอรุณธรรมประโชติ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระครูปล้อง อุตตโร เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า "สุทธสีโล" แปลว่าผู้มีศีลบริสุทธิ์ มุ่งมั่นศึกษาพระปริยัติธรรม พ.ศ.2514 สามารถสอบได้นักธรรมชั้นเอก ช่วยแบ่งเบาภาระงานคณะสงฆ์หลวงพ่อปล้อง เจ้าอาวาสและเจ้าคณะตำบลบางปลากดในขณะนั้น ทั้งการปกครองเผยแพร่สาธารณสงเคราะห์ สาธารณูปการ อีกทั้งเข้ารับการฝึกอบรมหลักสูตรพระสังฆาธิการที่โรงเรียนพระสังฆาธิการส่วนภูมิภาค ที่วัดอุดมธานี และยังทำหน้าที่ถ่ายทอดธรรมความรู้แก่ศิษย์ภายในสำนักเรียนอย่างขันแข็ง ต่อมาวันที่ 11 มิ.ย.2536 หลวงพ่อปล้อง ขณะอายุ 85 ปี 15 วัน ละสังขารด้วยอาการสงบ ต่อมาได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสสืบแทน ในระยะแรก วัดประสิทธิเวชไม่แตกต่างจากวัดในชนบทที่มีแต่กุฏิและศาลาบำเพ็ญบุญไม่กี่หลัง อาณาบริเวณวัดยังขาดการทำนุบำรุงส่งเสริมและบูรณปฏิสังขรณ์ ท่านก็เร่งปรับปรุงให้สวยงามเป็นระเบียบ ด้วยระยะเวลาเพียง 10 ปีเท่านั้น วัดประสิทธิเวชที่รกร้างว่างเปล่ากลับแลดูงดงามร่มเย็นท่ามกลางพื้นนาอันกว้างใหญ่ กลายเป็นศูนย์กลางการศึกษาของชุมชน และมีสิ่งอำนวยประโยชน์แก่ชาวบ้านรอบวัด ด้วย อ.องครักษ์ แม้จะอยู่ใกล้เมืองหลวง แต่ยังห่างไกลความเจริญ ขาดสาธารณูปโภค จนปี พ.ศ.2536 ได้รับยกย่องเป็นวัดพัฒนาตัวอย่างจากกรมการศาสนา และปีถัดมาได้รับยกย่องเป็นวัดพัฒนาตัวอย่างที่มีผลงานดีเด่น แม้จะได้รับยกย่องแล้วก็ตาม แต่ก็ยังพัฒนาวัดต่อไปอีกตามเป้าหมายของการเป็นศูนย์กลางการศึกษาธรรมของชุมชน จนพระผู้ใหญ่เห็นผลงานจึงนำเสนอ มส.ให้มีมติจัดตั้งเป็นอุทยานการศึกษา และได้รับคัดเลือกเข้าโครงการ "ลานวัด ลานใจ ลานกีฬา ต้านยาเสพติด" ประจำปี 2540 ผลงานด้านการศึกษา พ.ศ.2518 เป็นครูสอนพระปริยัติธรรม สำนักเรียนวัดประสิทธิเวช พ.ศ.2528 เป็นกรรมการตรวจธรรมสนามหลวงแผนกธรรม พ.ศ.2530 เป็นกรรมการศึกษาและผู้อุปถัมภ์โรงเรียนวัดประสิทธิเวช เกียรติคุณที่ได้รับ อาทิ พ.ศ.2542 ได้รับรางวัลเสมาธรรมจักร บุคคลผู้ทำคุณประโยชน์ต่อสังคม สาขาส่งเสริมผู้ปฏิบัติธรรม จากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พ.ศ.2543 ได้รับปริญญาพุทธศาสตรบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาสังคม สงเคราะห์ จากมหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย พ.ศ.2551 ได้รับปริญญาพุทธศาสตรมหาบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาสังคมสงเคราะห์ จากมหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย ลำดับงานปกครองคณะสงฆ์ พ.ศ.2515 เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พ.ศ.2536 เป็น เจ้าอาวาสวัดประสิทธิเวช พ.ศ.2541 เป็นเจ้าคณะ ตำบลบางปลากด พ.ศ.2542 เป็นพระอุปัชฌาย์ พ.ศ.2543 เป็นเจ้าคณะอำเภอองครักษ์ ลำดับสมณศักดิ์ พ.ศ.2516 เป็นพระปลัด ฐานานุกรมในพระศรีวิสุทธิดิลก วัดประยุรวงศาวาส กรุงเทพฯ พ.ศ.2538 เป็นพระครูสัญญาบัตร เจ้าอาวาสวัดราษฎร์ชั้นโท ที่พระครูสุทธิศีลคุณ พ.ศ.2543 เป็นพระครูสัญญาบัตร เจ้าคณะอำเภอชั้นโท ในราชทินนามเดิม พ.ศ.2546 เป็นพระครูสัญญาบัตร เจ้าคณะอำเภอชั้นเอก ในราชทินนามเดิม วันที่ 12 ส.ค.2547 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่ พระพิมลศีลาจาร วันที่ 5 ธ.ค.2554 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะชั้นราชที่ พระราชสิทธิวราจารย์ กล่าวได้ว่าเป็นพระเถระที่ควรแก่การยกย่องรูปหนึ่ง ข่าวสดออนไลน์ |