หัวข้อ: ที่มา วันโกน - วันพระ ก็เป็นคำที่เราเรียกกันคู่กัน เริ่มหัวข้อโดย: ฉงน ฉงาย ที่ 26 สิงหาคม 2563 21:39:40 ที่มา วันโกน - วันพระ ก็เป็นคำที่เราเรียกกันคู่กัน แต่เดิม คำว่า วันโกน วันพระ นั้น ไม่มีปรากฏในคัมภีร์ เพราะเป็นคำที่เราชาวพุทธในประเทศไทยกำหนดขึ้นมา ในคัมภีร์ก็มีระบุไว้ ถึงการถืออุโบสถศีล และเป็นวันที่พระท่านจะมาประชุมกันทำสังฆกรรม เช่นใน 15 ค่ำ ทีนี้เมื่อพระท่าน มาประชุมทำสังฆกรรม ชาวไทยก็เลยถือเอาว่า เป็นวันพระ ส่วนคำว่าวันโกนนั้น ก็คงจะถือเอาว่า พระสงฆ์ท่านจะปลงผม ในวันก่อน วันพระ พอวันขึ้น 14 ค่ำ พระท่านก็ปลงผม ชาวบ้านก็ถือเอาว่าวันนี้เป็นวันโกน แต่การที่จะระบุให้ชัดลงไปว่าพระท่านจะปลงผมวันไหนแน่นอนนั้น ก็ไม่สามารถระบุได้ตรงๆ ในพระวินัยนั้นไม่ได้ระบุว่า พระสงฆ์ท่านจะต้องมาปลงผมในวันนั้นวันนี้ แต่ระบุว่าไม่ควรให้ผมยาวเกิน 2 นิ้ว ทีนี้พอผ่านไปได้สัก 1 เดือน ผมก็ยาวพอ สมควร ทีนี้ถ้าแต่ละรูปจะปลงผมกันแบบตัวใครตัวมัน ทำนองว่า รูปนั้นเห็นว่าผมยาวพอสมควรแล้ว ก็ปลง รูปนี้ก็เห็นว่า ยังไม่ยาวนัก เอาไว้ค่อยปลงวันหลัง เวลามาทำสังฆกรรมร่วมกัน ก็จะดูแปลกๆกันไป ไม่ค่อยเข้ากัน อาจจะเป็นเพราะเหตุนี้ก็ได้ จึงได้มีการกำหนดให้วันใดวันหนึ่ง เป็นวันสำหรับปลงผม พระในวัดท่านก็จะปลงผมในวันนั้น เมื่อถึงวันต่อมา ก็เป็นวันทำอุโบสถ สังฆกรรม จะได้เป็นรูปแบบเหมือนๆกัน ชาวบ้านเห็นว่าพระท่านปลงผมในวัน ๑๔ ค่ำ ก็เลยถือเอาว่า เป็นวันโกน แล้วก็ถือเอา วันขึ้น - แรม 7 ค่ำ ให้เป็นวันโกนด้วย นี่ก็เป็นที่มาของคำว่า วันโกน - วันพระ ที่มา เพจเจาะเวลาหาอดีต |