[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => เกร็ดศาสนา => ข้อความที่เริ่มโดย: Kimleng ที่ 18 กันยายน 2563 16:46:09



หัวข้อ: คณะสงฆ์ธรรมยุตใน “พระราชพิธีสารท"
เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 18 กันยายน 2563 16:46:09
(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/28706613307197_96412928_795696447504728_59744.jpg)

คณะสงฆ์ธรรมยุตใน “พระราชพิธีสารท"

หนึ่งในพิธีสำคัญในพระราชพิธีสารท คือ การกวนข้าวปายาสหรือข้าวทิพย์ ตลอดจนทำยาคู ด้วยข้าวที่ออกรวงใหม่ เปรียบเสมือนการนำเอาผลผลิตใหม่ในฤดูกาล มาถวายพระภิกษุสงฆ เพื่อความเป็นสวัสดิมงคล และความบริบูรณ์ของข้าวกล้าในนา

พิธีเลี้ยงพระในพระราชพิธีสารทนี้ ปรากฏหลักฐานในพระราชพิธีสิบสองเดือน พระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ครั้งนั้น โปรดให้มีการตั้งพระแท่นมณฑล ประดิษฐานพระชัยวัฒน์ประจำรัชกาลที่ ๕

พระแท่นสำหรับพระสงฆ์สวดเป็นที่ตั้งสิ่งของต่างๆ ซึ่งจะใช้ในการกวนข้าวทิพย์ พระสงฆ์ที่สวดมนต์เปลี่ยนกันทั้ง ๓ วัน ประกอบด้วย พระราชาคณะ พระครูเจ้าวัด พระครูนิตยภัตร พระมหาดเล็กบางองค์ ซึ่งได้รับพุ่มเทียนในวันเข้าพรรรษา ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือที่ได้บิณฑบาตในพระบรมมหาราชวัง แบ่งออกเป็น ๓ พวก ได้แก่

วันแรก (แรม ๑๓ ค่ำ) คณะใต้ สวดจุลราชปริต

วันกลาง (แรม ๑๔ ค่ำ) คณะเหนือ สวดมหาราชปริตร

วันหลัง (แรม ๑๕ ค่ำ) คณะกลาง และคณะธรรมยุต สวดธรรมจักกัปปวัตนสูตรและมหาสมัยสูตร

โดยเริ่มการสวดในเวลาบ่าย เช้าวันวัดมาถึงมีพิธีเลี้ยงพระ โดยแบ่งเวรกันได้แก่

วันแรกเป็นโถยาคูข้าราชการ

วันกลางเป็นของพระบรมวงศานุวงศ์ฝ่ายหน้า

วันหลังเป็นของพระบรมวงศานุวงศ์ฝ่ายใน

ลักษณะของโคยาคูนี้ ใช้ฟักเหลืองกลึงเป็นรูปต่างๆ ประดับด้วยดอกไม้ฟักทองมะละกอย้อมสีเครื่องสด ในส่วนของพระบรมวงศานุวงศ์ฝ่ายใน เมื่อจักยกมาถวายพระจึงเปลี่ยนเป็นดอกไม้สดแทน

โดยเฉพาะในวันขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ เป็นวันสดับปกรณ์กาลานุกาล แต่พระสงฆ์ซึ่งฉันในพระราชพิธีสารทมาก จึงได้แบ่งพระสงฆ์ซึ่งจะมาสดับปกรณ์กาลานุกาลนั้น ให้ได้รับข้าวกระทงจัดตั้งบนโต๊ะลาว มีผ้าเช็ดปากแดง ผ้าเช็ดหน้าขาว ทำเป็นธงปักยอดฝาชี ให้เข้าเรื่องข้าวกรู (ข้าวชนิดที่ทำเพื่ออุทิศให้ปรทัตตูปชีวีเปรตในพิธีสารท) ของที่สดับปกรณ์ ประกอบด้วย ผ้าสบงผืนหนึ่ง กาน้ำซึ่งกรอกน้ำไว้ด้วย ร่ม รองเท้า

การเริ่มทำขึ้นนั้น คือ พระสงฆ์ฉันโถยาคูนั้นเป็นเวลาฉันเช้า เมื่อพระสงฆ์ที่ฉันในการพระราชพิธีกลับแล้ว จึงได้สดับปกรณ์ทรงประเคนข้าวกระทงกล่องข้าวปัดและกาน้ำ ร่ม รองเท้า เพื่อจะให้รับไปฉันเพลที่วัดหรือในพระบรมมหาราชวังแห่งใดแห่งหนึ่งตามอัธยาศัย แต่ครั้นเวลาล่าลงมาเป็นเลี้ยงพระสาย ก็กลายเป็นต้องส่งข้าวกระทงนั้นไปถวายพระฉันเสียก่อน แต่กาน้ำซึ่งกรอกน้ำแล้วนั้นไม่ได้ถวายด้วย กาน้ำยกมาไว้ประเคนพร้อมกับร่ม รองเท้า

ดังปรากฏหลักฐานที่สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปรเวศวริยาลงกรณ์ และสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส เสด็จในการพระราชพิธีสารทในครั้งนั้น ปรากฏในจดหมายเหตุพระราชกิจรายวัน พระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ความว่า

“วันอังคาร ขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ ปีมะแมเบ็ญจศก จุลศักราช ๑๒๔๕ (ตรงกับวันที่ ๒ ตุลาคม พ.ศ.๒๔๒๖)  เวลาเช้า ๕ โมงเศษ เสด็จออกพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ทรงจุดเทียนนมัสการทรงศีล แล้วเสด็จทรงประเคน แล้วเสด็จมาทรงปักตั๋วชื่อพระที่โถยาคู โปรดให้ยกโถไปตั้งถวายพระ โถพระองค์เจ้ายิ่งเยาวลักษณ์เป็นทรงประเคนถวายกรมพระปวเรศร โถพระองค์เจ้าโสมาวดีถวายกรมหมื่นวชิรญาณ นอกนั้นก็เรียงเป็นลำดับพระสงฆ์ไปตามควรทั่วกัน โถวันนี้เป็นปานกลาง ได้โปรดให้ถ่ายรูปเหมือนกัน พระสงฆ์รับพระราชทานฉันแล้ว เสด็จทรงประเคนผ้าเหลือง พระสงฆ์ถวายอนุโมทนาถวายพระพรลาไป พระมหาราชครูพิธีถวายน้ำพระมหาสังข์ตามพระราชพิธีซึ่งเคยมา เสด็จประทับมุขเหนือ พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการเฝ้าทูลละอองธุลีพระบากครู่หนึ่งเสด็จขึ้น วันนี้สดัปกรณ์พระบรมอัฐิ พระอัฐิที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ตามเคย”  หรือ  “วันเสาร์ ขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖ (ตรงกับวันที่ ๒๐ กันยาน พ.ศ.๒๔๒๗)

เวลาเช้า ๓ โมงเศษ เสด็จออกประทับพระที่นั่งบรมราชสถิตยมโหฬาร โปรดให้นิมนต์พระที่สวดสะเดาะ ๕ รูปขึ้นไป ทรงจุดเทียนนมัสการทรงศีลแล้ว พระสงฆ์ถวายพรพระจบแล้ว เสด็จทรงประเคนพระสงฆ์รับพระราชทานฉัน เสด็จทรงจุดเทียนสักการะสังเวยเทวดาและเทียนพระสยามและเทียนบูชาเครื่องเบญจราชกกุธภัณฑ์ แล้วพระยาศรีสุนทรอ่านสังเวยเทวดา พระสงฆ์รับพระราชทานฉันแล้วเสด็จทรงประเคนบริกขารเป็นอันมาก พระสงฆ์ถวายอนุโมทนาอติเรก ถวายพระพรลาไป เสด็จขึ้นข้างใน

เวลาเช้า ๔ โมงเศษ เสด็จออกพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ทรงจุดเทียนนมัสการแล้ว เสด็จมาทอดพระเนตรโถฟักเหลืองๆ วันนี้ของเจ้านายข้างในทำฉลองพระเดชพระคุณ ทรงปักฉลากโถยาคูพระราชทานพระสงฆ์ที่รับพระราชทานฉัน โถพระองค์แม้นเขียนเป็นข้าวพระ โถสมเด็จพระนางเจ้า(สว่างวัฒนา) พระบรมราชเทวีถวายกรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ โถพระองค์เจ้าเสาวภาค(ย์นารีรัตน์)ถวายกรมหมื่นวชิรญาณ(วโรรส) โถพระองค์อัชรพรรณี(รัชกัญญา)พระราชทาน(หม่อม)เจ้าพระธรรมุณหิศ(ธาดา) โถพระองค์จามรีพระราชทาน(หม่อม)เจ้าพระอรุณ(นิภาคุณากร) โถหม่อมเจ้าเข่งพระราชทานเจ้าพระประภากร(บวรวิสุทธิวงศ์) โถพระองค์ศรีนาค(สวาดิ)พระราชทานพระศรีวิสุทธิวงศ์ นอกนั้นก็พระราชทานองค์ละโถทั่วกันทั้ง ๓๗ รูป พระสงฆ์ถวายพรพระแล้วเสด็จทรงประเคนพระสงฆ์รับพระราชทานฉัน เสด็จประทับทรงปิดทองพระ แล้วพระมหาราชครูพิธีถวายน้ำพระมหาสังข์ตามพระราชพิธี เจ้าพนักงานภูษามาลาเชิญพระบรมอัฐิและพระอัฐิขึ้นราชยานมาแต่ประตูสนามราชกิจ มีกลองชนะแตรสังข์มโหรทึกประโคมไป เชิญขึ้นประดิษฐานบนพระที่นั่งเศวตรฉัตรและโต๊ะจีน ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พอพระสงฆ์รับ พระราชทานฉันแล้วโปรดให้สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เสด็จทรงประเคนผ้าเหลืองพระสงฆ์ ๓๗ รูป ถวายอนุโมทนาอติเรก ถวายพระพรลาไป โปรดให้นิมนต์พระราชาคณะพระครูถานาสำหรับกาลานุการ ๒๔ รูปขึ้นไป ทรงทอดผ้าสบงและอื่นๆ สดัปกรณ์ตามเช่นเคย ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลในสมัยสารทนี้ทุกปีมา แล้วเสด็จขึ้น โปรดให้สดัปกรณ์เรือนร้อย ๕๐๐ เจ้าพนักงานเชิญพระบรมอัฐิพระอัฐิกลับ โปรดให้แจกข้าวทิพย์ปายาสพระบรมวงศานุวงศ์ข้าราชการตามเคย”


ที่มา (เรื่อง/ภาพ) : f. เล่าเรื่อง...วัดบวรฯ