หัวข้อ: พระเจ้า ๕๐๐ ชาติ เรื่องที่ ๓๕ ปุฏภัตตชาดก : พระโอรสกลับใจ เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 17 ตุลาคม 2563 20:40:37 (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/13576513404647__500_320x200_.jpg) พระเจ้า ๕๐๐ ชาติ เรื่องที่ ๓๕ ปุฏภัตตชาดก พระโอรสกลับใจ ในอดีตกาลครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ในกรุงพาราณสี พระโพธิสัตว์เกิดในตระกูลอำมาตย์ ครั้นเจริญวัยได้เป็นผู้สอนอรรถและธรรมของพระเจ้าพรหมทัต ครั้งนั้นพระราชาทรงระแวงโอรสของพระองค์ว่าจะกบฏต่อพระองค์ จึงทรงเนรเทศออกเสียจากอาณาจักรนั้น พระโอรสพาพระชายาออกจากนครไปอาศัยอยู่ที่หมู่บ้านแคว้นกาสีแห่งหนึ่ง ต่อมาพระโอรสทรงทราบข่าวว่าพระบิดาสวรรคตแล้วคิดว่า เราจักไปครองราชสมบัติอันเป็นสมบัติของตระกูล จึงกลับมาสู่เมืองพาราณสี ระหว่างทาง พระโอรสเจอชาวบ้านคนหนึ่ง ให้ห่อข้าวมากินระหว่างทาง และบอกให้แบ่งภรรยาด้วย แต่พระโอรสไม่ยอมแบ่งกินคนเดียวหมด ภรรยาจึงคิดว่า ชายคนนี้ใจดำนัก พระโอรสนั้นครองราชสมบัติในกรุงพาราณสีแล้ว แต่งตั้งนางไว้ในตำแหน่งอัครมเหสี มิได้ประทานเครื่องประดับและให้การยกย่องสมกับตำแหน่งเลย โดยทรงเห็นว่าเท่านั้นก็พอแล้วสำหรับนาง ไม่ได้ตรัสถามถึงความเป็นอยู่ของพระนางแม้สักคำ อาจารย์คิดว่าพระเทวีนี้มีอุปการะมาก มีความจงรักภักดีต่อพระราชา แต่พระราชามิได้สนพระทัยพระนางแม้แต่น้อย เราจักให้พระองค์ทรงประทานเครื่องประดับและให้การยกย่องพระนาง จึงเข้าไปเฝ้าพระเทวี ไว้ระยะพอสมควรแล้วยืนอยู่ ณ ส่วนข้างหนึ่ง พระเทวีถามว่า “มีอะไรหรือพ่อคุณ” จึงทูลเพื่อต่อเรื่องราวขึ้นว่า “ข้าแต่พระเทวี ข้าพระองค์รับราชการบำรุงพระองค์ควรจะได้ท่อนผ้าหรือก้อนข้าวเพื่อนำไปมอบให้มารดาบิดาผู้แก่เฒ่าบ้างหรือ” พระเทวีตรัสว่า “แม้ตัวเราเองยังไม่ได้อะไรเลย เราจะเอาอะไรให้ท่านเล่า ในเวลาที่ได้อะไรมาเราก็ให้ท่านทุกครั้งมิใช่หรือ แต่บัดนี้พระราชามิได้พระราชทานอะไรให้เราเลย การพระราชทานอย่างอื่นจงยกไว้เถิด พระองค์เมื่อกำลังเสด็จเพื่อจะรับราชสมบัติ ได้ข้าวห่อหนึ่งในระหว่างทาง ยังมิได้ประทานแม้แต่อาหารแก่เรา พระองค์เสวยเสียเองหมด” อำมาตย์ทูลถามว่า “ข้าแต่พระแม่เจ้า พระองค์จักกล้าทูลอย่างนี้เมื่ออยู่ต่อหน้าพระราชาไหม” “กล้าซิ พ่อคุณ” อำมาตย์จึงวางแผนให้พระเทวีกับตน ยืนคุยกันในเรื่องราวที่เคยผ่านมาให้พระราชาได้ยิน จะได้เห็นความดีของพระนางบ้าง เมื่อพระราชาเสด็จมาทั้งคู่ทำทีเป็นยืนคุยเรื่องจะขอความช่วยเหลือ อำมาตย์ “พระแม่เจ้าทรงใจดำนัก ควรจะมอบอะไรให้พ่อแม่เพียงแค่ข้าว ๑ ถังไม่ได้หรือ” พระมเหสี “เจ้าจะเอาอะไรขนาดเรายังไม่เคยได้อะไรจากพระราชาเลย ไม่มีการยกย่องตำแหน่งอัครมเหสี เราจะทำสิ่งใดได้” พระราชาได้ยินที่ทั้ง ๒ คุยกันก็คิดว่าจริงอย่างที่ทั้งสองพูด เราไม่เคยให้ความรักความเมตตากับนางที่อยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาไม่เคยทิ้งเราไปไหน ก็ทรงแสดงอาการรับทราบในความรู้สึกของพวกเขา อำมาตย์เห็นได้โอกาสจึงทูลพระราชาว่า “บุคคลควรนอบน้อมต่อผู้ที่นอบน้อมตน ควรคบกับผู้ที่คบตน ควรทำกิจตอบแทนแก่ผู้ที่ช่วยทำกิจของตน ไม่ควรทำประโยชน์แก่ผู้ปรารถนาความฉิบหายให้ และไม่ควรคบกับผู้ที่ไม่คบตน บุคคลควรละทิ้งผู้ที่ละทิ้งตน ไม่ควรทำความอาลัยรักใคร่ในบุคคลเช่นนั้น ไม่ควรสมาคมกับคนที่เขาไม่ใฝ่ใจกับตน นกรู้ว่าต้นไม้หมดแล้วก็ละทิ้งไปหาต้นไม้อื่น เพราะโลกเป็นสิ่งกว้างใหญ่” พระเจ้าพาราณสีทรงสดับดังนั้นแล้ว ได้พระราชทานอิสริยยศทั้งปวงแก่พระเทวี ตั้งแต่นั้นมาก็อยู่กันอย่างพร้อมเพรียงชื่นชมกันและกันมีความสุขตลอดมา ธรรมนิทานชาดกเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า “ควรคบกับผู้ที่อยากคบกับตน” พุทธศาสนสุภาษิตประจำเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ภเช ภชนฺตํ ปุริสํ อภชนฺตํ น ภชฺชเย ควรคบคนที่คบด้วย คนที่ไม่คบ ก็อย่าไปคบ (๒๘/๑๓๒) คัดจาก : หนังสือ พระเจ้า ๕๐๐ ชาติ ฉบับสมบูรณ์ / จัดพิมพ์เพื่อเผยแพร่พระพุทธศาสนาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดย สถาบันบันลือธรรม |