[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => เกร็ดศาสนา => ข้อความที่เริ่มโดย: Kimleng ที่ 25 ตุลาคม 2563 19:11:26



หัวข้อ: อานิสงส์กฐินทาน...ติณณปาลบุรุษ
เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 25 ตุลาคม 2563 19:11:26

(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/42542998451325_qg3zx0ot6y0wrXu5wKf_o_1_Copy_.jpg)

อานิสงส์กฐินทาน...ติณณปาลบุรุษ

ในครั้งศาสนาพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้ามาอุบัติในโลก มีบุรุษเข็ญใจไร้ญาติพี่น้อง ทั้งทรัพย์สินเงินทองก็ขาดแคลน อาศัยเลี้ยงชีพอยู่ในเมืองพาราณสี

ไปหาสิริธรรมมหาเศรษฐีมีทรัพย์ ๘๐ โกฏิ แล้ววิงวอนขออยู่เป็นลูกจ้าง ท่านเศรษฐีมีความสงสารจึงถามว่ามีความรู้อะไรบ้าง

บุรุษเข็ญใจบอกว่า ข้าพเจ้าไม่มีความรู้อะไรเลย มีแต่กำลังกายเท่านั้น ท่านเศรษฐีกล่าวว่า ถ้าเช่นนั้นเจ้าจงไปรักษาหญ้าเราจะให้ข้าววันละหม้อ

ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา บุรุษก็รักษาหญ้าจนมีชื่อว่า ติณณปาละ

อยู่มาวันหนึ่ง ติณณปาละมาคิดว่าตัวเรานี้ ในชาติปางก่อนคงจะไม่ได้ทำบุญกุศลอันใดไว้เลย มาถึงชาติ นี้เราจึงได้ลำบากยากแค้น แม้แต่อาหารจะรับประทานไปวันหนึ่งๆ ก็ทั้งยาก

แต่นี้ต่อไปเราจะต้องขวนขวายให้ทานทุกๆ วัน 

เมื่อมีความตั้งใจอย่างนี้แล้ว ก็แบ่งอาหารออกเป็น ๒ ส่วนๆ...หนึ่ง ถวายแก่พระภิกษุสงฆ์ อีกส่วนหนึ่งไว้บริโภคเอง ทำอย่างนี้มาตลอดทุกๆ วันมิได้ขาด

ด้วยอำนาจบุญกุศล ที่ติณณปาละทำนั้น ก็ทราบไปถึงสิริธรรมเศรษฐีผู้เป็นนายจ้าง จึงสั่งให้เพิ่มอาหารขึ้นอีกเป็นสองหม้อ

ติณณปาละก็แบ่งออกไปอีกเป็น ๓ ส่วน ส่วนหนึ่งถวายภิกษุสามเณร อีกส่วนหนึ่งให้แก่ยาจก อีกส่วนตนเก็บไว้บริโภค ทำอยู่อย่างนี้เป็นลำดับมา จนถึงฤดูออกพรรษาประชาชน และท่านสิริธรรมเศรษฐีได้พากันทำกฐินทาน เพื่อจะถวายแก่ภิกษุสงส์ ผู้อยู่จำพรรษาด้านไตรมาส สามเดือน

ติณณปาละได้ทราบข่าวดังนี้แล้ว ก็เข้าไปหาสิริธรรมเศรษฐีถามถึงอานิสงส์ผลของกฐินทาน ว่าการถวายทานอย่างนี้คงจะมีผลเป็นอันมาก เพราะประชาชนไม่นิ่งนอนใจ ช่วยกันหลายคน เศรษฐีบอกถึงคุณานุภาพของกฐินทานโดยละเอียด จนติณณปาละเกิดศรัทธาแก่กล้า

ก็ถามว่าอีกเมื่อไรจะถึงกำหนดถวาย

เศรษฐีบอกว่าอีก ๗ วัน

ติณบาลได้ฟังก็ดีใจยิ่งนัก เขามีความศรัทธายินดีเต็มใจที่จะร่วมทำบุญกฐินนี้ด้วย แต่ตนเองเป็นคนยากจนไม่มีเงินทองข้าวของเครื่องใช้จะอนุโมทนากับเศรษฐี จะมีแต่ก็ผ้าผืนเดียวที่นุ่งอยู่ ในที่สุดก็ตัดสินใจเปลื้องผ้าที่นุ่งอยู่ไปซักฟอกให้สะอาด เอาใบไม้มาเย็บนุ่งแทนผ้า แล้วเอาผ้านั้นไปเร่ขายในตลาด ชาวตลาดพากันหัวเราะลั่น เมื่อเห็นอาการนั้น

ติณบาลประกาศว่า “ท่านทั้งหลายหยุดก่อน อย่าหัวเราะข้าพเจ้าเลย ข้าพเจ้ายากจน ไม่มีผ้าจะนุ่ง จะขอนุ่งใบไม้แต่ในชาตินี้เท่านั้น ชาติหน้าจะนุ่งผ้าทิพย์” ในที่สุด เขาขายผ้านั้นได้ในราคา ๕ มาสก (๑ บาท) แล้วนำไปอนุโมทนากับเศรษฐี  ก็พอดีกับบริวารกฐินทุกอย่างบริบูรณ์ เว้นแต่ขาดด้ายเย็บผ้าอย่างเดียวสำหรับเย็บไตรจีวร

เศรษฐี ได้นำเงินนั้นซื้อด้ายเย็บไตรจีวร

ในกาลครั้งนั้นเกิดโกลาหลไปทั่วในหมู่ชนตลอดจนเทพเทวาในสรวงสวรรค์ ต่างพากันแซ่ซ้องสรรเสริญทานของติณบาล เสียงสาธุการความเสียสละในทานของติณบาลดังลั่นเข้าไปถึงพระราชวัง พระเจ้าพาราณสีทรงทราบเหตุผล รับสั่งให้นำติณบาลให้เข้าเฝ้า แต่ติณบาลไม่กล้าเข้ามาเพราะไม่มีผ้านุ่ง พระองค์ทรงตรัสถามความเป็นมาของเขาโดยตลอด

ให้ราชบุรุษนำผ้าสาฎกราคาแสนตำลึงไปพระราชทานแก่ติณบาล นอกจากนั้นได้พระราชทานบ้านเมือง

ทรัพย์สมบัติ ช้าง ม้า วัว ควาย ทาสี ทาสา เป็นอันมาก และโปรดให้ดำรงตำแหน่งเศรษฐีในเมืองพาราณสี

มีชื่อว่า “ ติณบาลเศรษฐี ” จำเดิมแต่นั้นเป็นต้นไป

กาลต่อมา ติณบาลเศรษฐี เมื่อดำรงชีวิตอยู่พอสมควรแก่อายุขัยแล้ว ก็จุติไปจากโลกมนุษย์ไปเป็นเทพบุตรในดาวดึงส์สวรรค์ เสวยทิพยสมบัติอยู่ในวิมานแก้ว สูง ๕ โยชน์ (๑ โยชน์ = ๑๖ กิโลเมตร) มีนางเทพอัปสร หนึ่งหมื่นเป็นบริวาร

ส่วนสิริธรรมเศรษฐี ครั้นจุติจากโลกมนุษย์แล้วไปเกิดเป็นเทพบุตรบนดาวดึงส์สวรรค์ มีนางฟ้าเป็นบริวาร เช่นเดียวกับติณบาลเศรษฐี ดังนี้

นี่คือ อานิสงส์ของกฐินทานที่ติณบาลได้ตั้งใจกระทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ ในทานมัยในเขตบุญของพระพุทธศาสนา


ที่มา เพจพระพุทธศาสนา