[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => เกร็ดศาสนา => ข้อความที่เริ่มโดย: Kimleng ที่ 04 ธันวาคม 2563 16:15:01



หัวข้อ: ม้ากัณฐกะ
เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 04 ธันวาคม 2563 16:15:01
.

(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/89480527159240_129153322_2700638733521948_232.jpg)

ม้ากัณฐกะ

ม้ากัณฐกะ เป็นม้าพระที่นั่งของเจ้าชายสิทธัตถะ

เป็นม้าสหชาติ คือ เกิดวันเดียวกับเจ้าชายสิทธัตถะ

สหชาติกับเจ้าชายสิทธัตถะมี ๗ อย่าง คือ
๑. กาฬุทายีอำมาตย์
๒. นายฉันนะ
๓.พระอานนท์
๔. พระนางยโสธรา
๕. ม้ากัณฐกะ
๖. ขุมทรัพย์ มุมเมือง
๗. ต้นอัสสัตถพฤกษ์(ต้นพระศรีมหาโพธิ์)

ม้ากัณฐกะมีความจงรักภักดีต่อเจ้าชายสิทธัตถะมาก เมื่อตายแล้วไปเกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์  มีชื่อว่ากัณฐกะเทวบุตร มีวิมานและอุทยานอันโอฬารพร้อมยานพาหนะและบริวารเป็นอันมาก

สมบัติเหล่านี้บังเกิดขึ้นด้วยบุญจากการนำพระโพธิสัตว์เสด็จออกบวชด้วยความยินดี

กัณฐกะมีความรักและกตัญญูต่อเจ้าชายเป็นอันมาก หลังจากเจ้าชายออกบวช ต้องพลัดพรากจากกัน ม้ากัณฐกะตายด้วยหัวใจสลาย ได้บังเกิดเป็นเทพบุตร ในพระไตรปิฎกมีกล่าวไว้

พระมหาโมคคัลลานเถระ ได้ถามเทพบุตรตนหนึ่งว่า  พระจันทร์ในวันเพ็ญ อันหมู่ดาวนักษัตรแวดล้อมแล้ว เป็นใหญ่กว่าหมู่ดาว มีรูปกระต่าย ย่อมหมุนเวียนไปโดยรอบฉันใด วิมานของท่านนี้ก็มีอุปไมยฉันนั้น ย่อมไพโรจน์ยิ่งด้วยรัศมี อยู่ในเทพบุรี ดุจพระอาทิตย์อุทัยฉะนั้น พื้นวิมานของท่านน่ารื่นรมย์ใจ วิจิตรแล้วด้วยไพฑูรย์ ทองคำ แก้วผลึก รูปียะ มรกต มุกดา และแก้วทับทิม ลาดด้วยแก้วไพฑูรย์ ปราสาททั้งหลายของท่านงามน่ารื่นรมย์ ปราสาทของท่านอันบุญกรรมเนรมิตดีแล้ว

อนึ่ง สระโบกขรณีของท่าน เป็นสถานน่ารื่นรมย์กว้างขวาง อันหมู่ปลาเป็นอันมากอาศัยแล้ว มีน้ำใสสะอาดพื้นลาดด้วยทรายทอง ดารดาษด้วยปทุมชาตินานา เป็นที่รวมอยู่แห่งบัวขาบ ครั้นลมรำเพยพัด กลิ่นหอมฟุ้งชื่นใจ ที่สองข้างแห่งสระโบกขรณีของท่านนั้น มีพุ่มไม้อันบุญกรรมเนรมิตไว้ให้เป็นอย่างดี ประกอบด้วยหมู่ไม้ดอกและไม้ผล

หมู่นางเทพอัปสรปกคลุมด้วยสรรพาภรณ์ ทัดทรงมาลาต่างๆ พากันมาบำรุงท่านผู้มีฤทธิ์มากผู้นั่งบนบัลลังก์เชิงทองคำอ่อนนุ่ม อันบุญกรรมลาดแล้วด้วยผ้าโกเชาว์ ให้รื่นรมย์ใจดุจท้าววสวดีเทวราช ท่านสมบูรณ์ด้วยความยินดีในการฟ้อนรำ ขับร้อง และการประโคม รื่นเริงด้วยกลอง สังข์ ตะโพน พิณ และบัณเฑาะว์ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ อันเป็นทิพย์อันท่านประสงค์แล้ว น่ารื่นรมย์ใจ มีอยู่พร้อมในวิมานของท่าน ท่านมีรัศมีรุ่งเรืองยิ่งกว่าเทพบุตรผู้มีรัศมีรุ่งเรืองในวิมานอันประเสริฐนั้น ดุจพระอาทิตย์อุทัย

นี้เป็นผลแห่งทาน ศีลหรืออัญชลีกรรมของท่าน อาตมาถามแล้ว ขอจงบอกผลนั้น แก่อาตมา?

เทพบุตรนั้น อันพระมหาโมคคัลลานเถระถามแล้ว มีความปลาบปลื้มใจ จึงพยากรณ์ปัญญาแห่งผลกรรมที่ถูกถามนั้นว่า ข้าพเจ้าเป็นพญาม้าชื่อกัณฐกะ เป็นสหชาติของพระโอรสของพระเจ้าสุทโธทนะ ผู้เป็นใหญ่กว่าเจ้าศากยะทั้งหลายในกรุงกบิลพัสดุ์ เมื่อพระราชโอรสนั้น เสด็จออกมหาภิเนษกรมณ์ในมัชฌิมยามเพื่อความตรัสรู้ เอาฝ่าพระหัตถ์อันอ่อนเล็บแดงจางสุกใส ตบอกข้าพเจ้าเบาๆ แล้วตรัสกะข้าพเจ้าว่า จงพาฉันไปเถิดสหาย ฉันได้บรรลุพระโพธิญาณอันอุดมแล้ว จักยังโลกให้ข้ามพ้นจากห้วงน้ำใหญ่คือสงสาร

เมื่อข้าพเจ้าฟังพระดำรัสนั้นแล้ว ได้มีความร่าเริงยินดีเบิกบาน บันเทิงใจเป็นอันมาก ข้าพเจ้าจึงได้รับคำของท่านโดยความเคารพ ครั้นข้าพเจ้ารู้ว่าพระมหาบุรุษผู้เป็นพระโอรสแห่งศากยราชผู้เรืองยศประทับนั่งบนหลังของข้าพเจ้าแล้ว มีจิตเบิกบานบันเทิงใจ นำพระมหาบุรุษออกไปจากพระนครไปจนถึงแว่นแคว้นของกษัตริย์เหล่าอื่น เมื่อพระอาทิตย์ขึ้นแล้ว พระมหาบุรุษมิได้มีความอาลัย ละทิ้งข้าพเจ้ากับฉันนะอำมาตย์ไว้ ทรงหลีกไป ข้าพเจ้าได้เลียพระบาททั้ง ๒ ของพระองค์ซึ่งมีเล็บอันแดงด้วยลิ้น ร้องไห้ แลดูพระลูกเจ้าผู้มีความเพียรอันยิ่งใหญ่เสด็จไปอยู่ ข้าพเจ้าป่วยอย่างหนักเพราะมิได้เห็นพระมหาบุรุษศากโยรสผู้มีศิริพระองค์นั้น ข้าพเจ้าได้ตายลงอย่างรวดเร็ว ด้วยอานุภาพแห่งปีติและโสมนัสนั้น ข้าพเจ้าจึงได้มาอยู่ยังวิมานนี้ อันประกอบด้วยกามคุณอันเป็นทิพย์ ดุจท้าวสักกเทวราชผู้เป็นใหญ่ในเทพบุรี ฉะนั้น ความยินดีและความร่าเริงได้เกิดมีแก่ข้าพเจ้า เพราะได้ฟังเสียงว่า เพื่อพระโพธิญาณก่อนกว่าสิ่งอื่นๆ ฉันจักบรรลุความสิ้นไปแห่งอาสวะ เพราะกุศลกรรมนั้นนั่นแล

ข้าแต่พระคุณเจ้าผู้เจริญ ถ้าพระคุณเจ้าพึงไปในสำนักของพระพุทธเจ้าผู้ศาสดาไซร้ ขอพระคุณเจ้าจงทูลถึงการถวายบังคมด้วยเศียรเกล้ากะพระองค์ตามคำของข้าพเจ้า แม้ข้าพเจ้าก็จักไปเฝ้าพระชินเจ้าผู้หาบุคคลอื่นเปรียบมิได้ การได้เห็นพระโลกนาถเจ้าเช่นนั้น หาได้ยาก.

พระสังคีติกาจารย์ได้รจนาคาถาไว้ ๒ คาถา ความว่า

ก็กัณฐกเทพบุตรนั้น เป็นผู้กตัญญูกตเวที ได้เข้าเฝ้าพระศาสดาฟังพระดำรัสของพระศาสดาผู้มีพระจักษุแล้ว ได้บรรลุธรรมจักษุกล่าวคือโสดาปัตติผล ได้ชำระทิฏฐิและวิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาสของตนให้บริสุทธิ์ถวายบังคมพระบาททั้งสองของพระศาสดา แล้วอันตรธานไปในที่นั้น นั่นเอง •


ขออนุโมทนาบุญกุศล กับท่านเจ้าของบทความ และภาพถ่าย
(Fb.พระพุทธศาสนา)