[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

นั่งเล่นหลังสวน => สุขใจ ไปเที่ยว => ข้อความที่เริ่มโดย: Kimleng ที่ 25 เมษายน 2564 18:43:27



หัวข้อ: วัดธรรมิกราช ถนนอู่ทอง อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 25 เมษายน 2564 18:43:27
(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/30454034358262_1._Copy_.jpg)

(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/90707361573974_1_Copy_.jpg)
วัดธรรมิกราช
ถนนอู่ทอง อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา    

วัดธรรมิกราช เป็นวัดหลวงเก่าแก่ที่สร้างขึ้นก่อนการสถาปนากรุงศรีอยุธยา ตั้งอยู่ติดกับพระราชวังโบราณด้านทิศตะวันออกและวัดพระศรีสรรเพชญ์ โดยตามตำนานพงศาวดารเหนือ กล่าวไว้ว่า พระเจ้าธรรมิกราช พระราชบุตรแห่งพระเจ้าสายน้ำผึ้ง โปรดให้สร้างวัดนี้ขึ้นที่บริเวณเมืองเก่า แต่ไม่ปรากฏหลักฐานปีการก่อสร้าง เมื่อแรกสถาปนานั้นขนานนามว่า “วัดมุขราช” ต่อมาภายหลังได้เปลี่ยนชื่อเป็นวัดธรรมิกราช

โบราณสถานของวัดธรรมิกราชที่สำคัญมี ๖ แห่ง ได้แก่
๑.พระเจดีย์ทรงระฆังคว่ำมีสิงห์ล้อม
๒.พระวิหารหลวง
๓.พระอุโบสถ
๔.วิหารพระพุทธไสยาสน์
๕.พระวิหาร (ทิศเหนือ) และ
๖.กลุ่มพระเจดีย์ทางด้านทิศตะวันออก

จากการเสียกรุงศรีอยุธยาเมื่อปี พ.ศ.๒๓๑๐ กรุงศรีอยุธยาถูกเพลิงเผาผลาญวอดวายเป็นเถ้าถ่าน ปราสาทราชวัง วัดวาอาราม บ้านเรือนราษฎรต้องพินาศเสียหายยับเยิน  วัดธรรมิกราชซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับพระบรมมหาราชวัง ได้ถูกทำลายจนเสียหายเช่นเดียวกัน และไม่ปรากฏหลักฐานการปฏิสังขรณ์เลยตั้งแต่กรุงศรีอยุธยามีสภาพเป็นเมืองร้าง

ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ ๕ ได้มีการบูรณปฏิสังขรณ์ซากปรักหักพังของวัดธรรมิกราช โดยก่ออิฐถือปูนศาสนสถาน ไม่ว่าจะเป็นกุฎีสงฆ์หรือเสนาสนะต่างๆ ดังนั้น วัดธรรมิกราชจึงเป็นวัดที่มีพระสงฆ์จำพรรษามาโดยตลอดสืบมาจนทุกวันนี้ และเมื่อราวต้นปีงบประมาณ ๒๕๓๐ รัฐบาลได้อนุมัติงบพัฒนาโครงการอุทยานประวัติศาสตร์ของกรมศิลปากร จำนวน ๔ แห่ง  

๑ ใน ๔ แห่ง นั้นคือการปรับปรุงและพัฒนาวัดธรรมิกราช เนื่องจากเป็นวัดที่มีความสำคัญและชำรุดทรุดโทรมลงไปมาก เกรงว่าหลักฐานที่ยังปรากฏอยู่จะสูญเสื่อมสลายลงไปตามกาลเวลา
 

(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/86015075776312_16.jpg)
จากการปรับปรุงและพัฒนาวัดธรรมิกราช มีการพบเศียรพระธรรมิกราช ซึ่งนับเป็นเศียรพระพุทธรูปสำริด
ที่มีขนาดใหญ่สุดและมีความสำคัญมากที่สุดองค์หนึ่งในประเทศไทย ปัจจุบันได้เก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑ -
สถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา
(ภาพจาก วิกิพีเดียสารานุกรมเสรี)

การขุดแต่งพระเจดีย์องค์ประธาน ได้พบหลักฐานหลายชิ้น หลักฐานที่เก่าแก่ที่สุดคือ เศียรพระพุทธรูปสำริดที่มีขนาดใหญ่สุดและมีความสำคัญมากที่สุดองค์หนึ่งในประเทศไทย เป็นศิลปะแบบอู่ทอง หรือศิลปะยุคก่อนกรุงศรีอยุธยา คือพระพักตร์เป็นสี่เหลี่ยม แลดูเคร่งเครียด จนชาวบ้านเรียกกันทั่วไปว่า “หลวงพ่อแก่”  คล้ายคลึงกับพระพุทธไตรรัตนนายก วัดพนัญเชิง ซึ่งในพระราชพงศาวดารฉบับหลวงประเสริฐ กล่าวไว้ว่า พระพุทธไตรรัตนนายก วัดพนัญเชิง สร้างก่อนการสถาปนากรุงศรีอยุธยา ถึง ๒๖ ปี  

จากการขุดแต่งเจดีย์สิงห์ล้อม พบว่า เจดีย์องค์ที่เห็นสภาพอยู่ในปัจจุบันได้ถูกสร้างครอบทับเจดีย์ทรงระฆังแบบเก่าไว้ภายใน เมื่อนำเอาลักษณะของเจดีย์ไปเปรียบเทียบกับเจดีย์ที่มีลักษณะเช่นเดียวกันแล้ว ส่วนใหญ่มีหลักฐานอ้างถึงว่า มีอายุเก่าขึ้นไปถึงสมัยอยุธยาตอนต้น

สำรับพระวิหารหลวงหรือพระวิหารทรงธรรม ตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันตกของพระเจดีย์ทรงระฆังคว่ำมีสิงห์ล้อม สันนิษฐานว่าคงสร้างขึ้นในสมัยอยุธยาตอนต้น  ลักษณะทางสถาปัตยกรรมของพระมหาวิหารนี้ เป็นอาคารขนาดใหญ่ มีมุขหน้าหลัง ตั้งอยู่บนฐานไพทีรูปสี่เหลี่ยมย่อมุมไม้สิบสอง มีประตูทางเข้าหน้าหลัง ด้านในสุดมีฐานชุกชีขนาดใหญ่ ๒ ห้องเสา เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปประธานเนื้อสำริดขนาดใหญ่ ศิลปะอู่ทอง  พระพุทธรูปองค์นี้คงถูกทำลายจากสงครามครั้งเสียกรุงศรีอยุธยา เมื่อปี พ.ศ.๒๓๑๐

ส่วนพระวิหารพระพุทธไสยาสน์ ภายในมีพระพุทธไสยาสน์ก่ออิฐถือปูน ศิลปะแบบอยุธยา ขนาดยาว ๑๒ เมตร ที่ฝ่าพระบาททำเป็นรอยพระพุทธบาทปิดทองประดับกระจก ลักษณะมงคล ๑๐๘ ประการ ปัจจุบันหลุดร่วงไปจนเกือบหมดสิ้น  พระวิหารหลังนี้ได้รับการบูรณะครั้งใหญ่ เมื่อ พ.ศ.๒๔๙๙ และมาได้รับการบูรณะโดยเฉพาะองค์พระพุทธรูปอีกครั้งหนึ่งใน พ.ศ.๒๕๓๐ ตามโครงการปรับปรุงอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา  

สำหรับพระอุโบสถ มีสภาพชำรุดทรุดโทรมมาก ทำให้ภาพจิตรกรรมฝาผนังที่มีอยู่เดิมเลอะเลือนจางหายไปจนเกือบหมดสิ้น ด้านนอกมีแทนพัทธสีมาและแนวกำแพงแก้วกั้นขอบเขตของพระอุโบสถ
 


วัดธรรมิกราช เป็นวัดที่ตั้งอยู่ทางด้านหน้าของพระบรมมหาราชวัง (วังหลวง) ที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะต้องเสด็จพระราชดำเนินมาประกอบพิธีกรรมทางศาสนาอยู่เนืองๆ เพราะยังปรากฏแนวทางเดิน (ฉนวน) ปูอิฐเชื่อมต่อระหว่างมหาวิหาร (วิหารทรงธรรม) เชื่อมต่อมายังวิหารพระพุทธไสยาสน์ ผ่านหมู่เจดีย์ใหญ่น้อยไปเลียบแนวกำแพงวัด.

(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/24059365193049_2_Copy_.jpg)
สิงห์
หัตถกรรมปูนปั้น "คม ชัด ลึก" งดงามด้วยศิลปะสมัยโบราณ


(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/86952484192119_3_Copy_.jpg)
สิงห์ล้อมปูนปั้น ประดับพระเจดีย์ทรงระฆังคว่ำ บนฐานแปดเหลี่ยม ปัจจุบันเหลือเพียง ๒๐ ตัว กล่าวกันว่าของเดิมมีถึง ๕๒ ตัว

(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/37141686015658_4_Copy_.jpg)
สิงห์ล้อม ความแปลกตาหรือเป็นที่แตกต่างจากวัดทั่วไปที่จะเป็นช้างล้อมวิหาร

(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/64664412952131_5_Copy_.jpg)
พระวิหารหลวง วัดธรรมิกราช เป็นมหาวิหารขนาดใหญ่ที่สุดในสมัยกรุงศรีอยุธยา

(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/18092132939232_6_Copy_.jpg)
พระพุทธไสยาสน์วัดธรรมิกราช

(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/78578220100866_7_Copy_.jpg)

(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/99515040839711_9_Copy_.jpg)

(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/66166860072149_10_Copy_.jpg)

(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/86957992737491_13_Copy_.jpg)
ในช่วงท้ายของแผ่นดินกรุงศรีอยุธยา  เหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ได้บันทึกถึงตำแหน่งพระราชาคณะรูปหนึ่งที่วัดธรรมิกราช
คือ พระธรรมโคดม ที่กรมขุนพรพินิต (เจ้าฟ้าอุทุมพร) อาราธนาให้เข้าไปว่ากล่าวเจ้าสามกรมให้สมัครสมานสามัคคีด้วยกัน
ตามพระราชโอวาทที่พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศตรัสสั่งไว้ก่อนจะเสด็จสวรรคต

(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/51378481090068_14_Copy_.jpg)

(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/55956107253829_8_Copy_.jpg)