[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

วิทยาศาสตร์ทางจิต เรื่องลี้ลับ => เครื่องราง ของขลัง พุทธคุณ => ข้อความที่เริ่มโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 08 มิถุนายน 2564 21:46:26



หัวข้อ: ว่าด้วย ศิวลึงค์ เคยสงสัยหรือไม่ ว่าทำไมคนอินเดียถึงบูชาพระศิวะแบบนี้ ?
เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 08 มิถุนายน 2564 21:46:26
ว่าด้วย “ศิวลึงค์”

(https://www.museumthailand.com/upload/evidence/1490862362_79546.jpg)

เคยสงสัยหรือไม่ว่า ทำไมคนอินเดียถึงบูชาพระศิวะผ่านสิ่งๆนึงที่เรียกว่า “ศิวลึงค์”?
แล้วทำไมต้องแทนพระศิวะด้วยลึงค์ล่ะ? วันนี้ผมจะให้คำตอบในประเด็นนี้ครับ

คำว่า “ลึงค์” แปลว่า อวัยวะเพศชาย ดังนั้น คำว่า “ศิวลึงค์” ก็แปลแบบตรงๆ เลยว่า “อวัยวะเพศของพระศิวะ” นั่นแหละครับ
ทีนี้ก็ต้องอธิบายก่อนว่า คติการบูชารูปเคารพที่เกี่ยวเนื่องกับอวัยวะเพศนั้นมีมาตั้งแต่โบราณ และมีอยู่ในทั่วทุกภูมิภาค
ทั่วโลกครับ เช่น เทพมิน (Min) ของอิยิปต์โบราณ ซึ่งเป็นเทพแห่งความอุดมสมบูรณ์และการเจริญพันธุ์
โดยมีรูปเคารพเป็นเทพที่มีอวัยวะเพศชายยื่นออกมา หรือแม้แต่เทพพรีอาปัสซึ่งเป็นเทพแห่งความอุดมสมบูรณ์เช่นกัน
โดยมีลักษณะเป็นชายที่มีอวัยวะเพศที่แข็งตัวตลอดเวลาแถมยังใหญ่โตมากอีกด้วย
เอาตัวอย่างประมาณนี้ก่อนนะ เพราะเราจะโฟกัสที่เรื่องของศิวลึงค์กันครับ

ในส่วนของอินเดียนั้น ก็มีคติการบูชาอวัยวะเพศมาก่อนหน้าที่ศาสนาฮินดูจะเข้ามาหลอมรวมความเชื่อไป
โดยมองว่า อวัยวะเพศเป็นสิ่งที่สื่อถึงการกำเนิดของมนุษย์ จึงถือว่าเป็นเรื่องที่ศักดิ์สิทธิ์
ไม่เป็นเรื่องหยาบคายแต่อย่างใด เพราะหากไม่มีอวัยวะเพศ ก็จะไม่มีการกำเนิดนั่นเอง โดยลักษณะรูปเคารพของศิวลึงค์นั้น
จะเป็นหินปลายมน ตั้งอยู่บนฐานซึ่งสมมติว่าเป็น “โยนี” (ก็คืออวัยวะเพศหญิง) ซึ่งเป็นสิ่งแทนของพระแม่อุมา
อันเป็นศักติ (คือกำลัง) ของพระศิวะ ซึ่งก็แสดงถึงความเป็นหนึ่งเดียวของหญิงชายอันจะแยกจากกันไม่ได้
หากขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไปก็จะไม่มีการกำเนิดใหม่ การสร้างสรรค์ต่างๆ ก็ย่อมจะไม่เกิดขึ้นเช่นกัน


ทีนี้ เรามาดูกันว่า ในเทพปกรณัมของอินเดียนั้นพูดถึงการเกิดขึ้นของศิวลึงค์ไว้อย่างไรกันบ้าง ซึ่งก็ยกตัวอย่างมา ดังนี้

1. ลิงคปุราณะ : เริ่มด้วยเมื่อพระนารายณ์และพระพรหมเถียงกันว่าใครเป็นเทพเจ้าสูงสุดกันแน่
อยู่ดีๆ ก็มีศิวลึงค์ขนาดยักษ์ที่มีไฟห้อมล้อมผุดขึ้นมาเอง โดยไม่มีใครรู้จุดเริ่มต้นและจุดสูงสุด
เทพทั้งสองจึงตกลงว่าให้ไปหาจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุด โดยพระนารายณ์แปลงเป็นหมูป่าขุดลงไปใตดินเพื่อหาจุดเริ่มต้น
ส่วนพระพรหมจะขึ้นไปหาจุดสูงสุด แต่พระพรหมนึกอยากจะโกง เลย deal กับดอกเกดว่าให้จุดที่ดอกเกดอยู่เนี่ย
เป็นจุดที่สูงสุดแล้วจะไปโกหกพระนารายณ์ แต่พระศิวะล่วงรู้กลโกงนั้น จึงปรากฎตัวและสาปพระพรหม
ให้ไม่มีเทวาลัยของตัวเอง อีกทั้งสาปดอกเกดไม่ให้ใช้บูชาเทพเจ้า และให้พรพระนารายณ์
ว่าหากบูชาพระนารายณ์ก็เสมือนบูชาตน

2. วามนปุราณะ : เล่าว่า อยู่ดีๆ ลึงค์ของพระศิวะก็ตกลงมายังโลกมนุษย์ โดยที่ฐานของศิวลึงค์จมอยู่ใต้มหาสมุทร
ส่วนยอดของลึงค์นั้นสูงไปถึงแดนสวรรค์เลยทีเดียว ซึ่งทำให้โลกมนุษย์ปั่นป่วนอย่างมาก พระพรหมกับพระนารายณ์
ก็ปรึกษากันว่าจะทำอย่างไร จึงตกลงพระนารายณ์จะลงไปที่ก้นมหาสมุทร ส่วนพระพรหมจะอยู่บนยอดลึงค์
แล้วบูชาพระศิวะ เวลาผ่านไป ลึงค์ยักษ์นั้นก็แปลงเป็นพระศิวะปรากฎต่อหน้าพระนารายณ์ พระพรหม
และเหล่าเทพทั้งหลาย พร้อมกับว่า หากผู้ใดบูชาศิวลึงค์ด้วยใจจริงแล้ว พระศิวะก็จะประทานพรให้สมตามปรารถนา
นับแต่นั้นมา เหล่ามนุษย์และเทวดาจึงบูชาพระศิวะด้วยศิวลึงค์นั่นเอง

3. พราหมณปุราณะ : เล่าว่า ครั้งหนึ่ง พระศิวะกับปารวตีกำลังเสพสุราและเสพเมถุน กันอย่างเมามันส์ในตำหนัก
เผอิญว่าพระนารายณ์และเหล่าเทพได้เข้ามาหาในขณะที่ทั้งสองยังคงมึนเมาทั้งฤทธิ์สุราและฤทธิ์แห่งกาม
ทำให้เหล่าเทพทั้งหลายต่างก็ติฉินนินทากันอย่างหนักแล้วจากไป เมื่อพระศิวะและปารวตีสร่างเมา
แล้วรู้ข่าวการติฉินนินทาเข้า ต่างก็รู้สึกละอายใจและเสียใจอย่างมาก มากถึงขนาดที่ตรอมใจตายกันเลยทีเดียวครับ
แต่ก่อนที่พระศิวะจะเสียชีวิตก็ได้สั่งเสียไว้ นับแต่นี้ต่อไป สิ่งที่จะแทนพระศิวะและปารวตีก็คือศิวลึงค์และโยนี
หากผู้ใดบูชาสิ่งนั้นด้วยใจจริง ก็จะได้รับความปรารถนานั้นครบถ้วนทุกประการ
ยังมีตำนานว่าด้วยศิวลึงค์เล็กๆ น้อยๆ อีก เช่น ครั้งหนึ่งพระสรัสวดีไม่เข้าร่วมพิธียัญชยะพร้อมกับพระพรหม
เหล่าเทพทั้งหลายจึงสมรู้ร่วมคิดโดยการให้พระพรหมแต่งงานกับนางคัยตรีแล้วเข้าร่วมพิธีแทนพระสรัสวดีเสีย
เมื่อพระสรัสวดีรู้เข้าก็โกรธมาก จึงสาปให้พระศิวะต้องถูกบูชาด้วยรูปศิวลึงค์ สาปพระนายณ์ให้ต้องไปเกิดเป็นมนุษย์
แล้วต้องทนทุกข์จากการพรากจากคนรัก (ก็คือพระรามที่ต้องพรากจากสีดานั่นเอง) ส่วนสามีตัวดีอย่างพระพรหมนั้น
ก็ถูกสาปให้ไม่มีเทวาลัยเป็นของตัวเอง

อีกเรื่องนึงก็คือ ครั้งหนึ่งฤาษีภฤคุ (บิดาของพระศุกร์) ไปหาพระศิวะที่ไกรลาส แต่ขณะนั้น พระศิวะมัวแต่สนุนสนาน
กับการร่ายรำกับปารวตีจนไม่สนใจแขกเหรื่อที่มาหา ฤาษีภฤคุก็โกรธสิครับ ก็เลยสาปพระศิวะว่าเขาจะต้องถูกบูชา
ด้วยรูปของศิวลึงค์แทน เป็นต้น





Writer BenzKaweewut
ที่มา : เจาะเวลาหาอดีต
ภาพ : เว็บไซท์ museumthailand.com