หัวข้อ: ไอบูโพรเฟน กับ 5 ข้อควรระวัง เสี่ยงอันตรายต่อไต เริ่มหัวข้อโดย: Compatable ที่ 18 มิถุนายน 2564 16:51:03 ไอบูโพรเฟน-ยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs กับ 5 ข้อควรระวัง อาจเสี่ยงอันตรายต่อไต (https://s.isanook.com/he/0/rp/r/w728/ya0xa0m1w0/aHR0cHM6Ly9zLmlzYW5vb2suY29tL2hlLzAvdWQvNS8yOTA1Ny9uc2FpZHMuanBn.jpg) อย. เตือน หากกินยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs ไม่ถูกวิธี อาจเสี่ยงโรคที่เกี่ยวกับไตได้ ยาแก้ปวดที่เรากินกันอยู่ในปัจจุบัน แบ่งออกเป็น 4 กลุ่มหลักๆ ได้แก่ ยาพาราเซตามอล ยาแก้อักเสบชนิดไม่มีสเตียรอยด์ NSAID (Non-Sterodical Anti-Inflammatory Drugs) ยาแก้ปวดกลุ่ม COX–2 Inhibitor และ ยาแก้ปวดชนิดเสพติด กลุ่มอนุพันธ์ของฝิ่นและมอร์ฟีน ยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ระบุว่า ยาบรรเทาอาการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ มีฤทธิ์แก้ปวด ต้านการอักเสบ และลดไข้ ยากลุ่มนี้ เป็น “ยาอันตราย” ต้องสั่งจ่ายโดยแพทย์หรือเภสัชกร ตัวอย่างยาที่เห็นกันบ่อยๆ เช่น - แอสไพริน (Aspirin) - ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) - ไดโคลฟีแน็ก (Diclofenac) - นาพร็อกเซน (Naproxen) - เซเลค็อกสิบ (Celecoxib) - ไพร็อกซิแคม (Piroxicam) - เมล็อกซิแคม (Meloxicam) - เอทอริค็อกสิบ (Etoricoxib) - ฯลฯ ข้อควรระวังในการกินยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs การกินยาในกลุ่มนี้แนะนำให้กินหลังอาหารทันที และดื่มน้ำตามมากๆ เนื่องจากยามีผลข้างเคียงที่อาจทำให้เกิดการระคายเคืองกระเพาะอาหาร กินยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs มากเกินไป ส่งผลต่อไต หากใช้ยาในกลุ่มนี้มากเกินไป จะส่งผลให้การไหลเวียนเลือดภายในไตลดลง อาจทำให้เกิดภาวะไตเสียหายเฉียบพลันได้ และยาในกลุ่มนี้ ยังทำให้ความดันโลหิตเพิ่มขึ้นเล็กน้อย การใช้ยาในระยะยาวจึงนำไปสู่การเกิดโรคไตเรื้อรังได้ 5 ข้อควรระวัง กินยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs อาจเกิดอันตรายต่อไต การเกิดอันตรายต่อไตเมื่อกินยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs ขึ้นอยู่กับ 1 ขนาดยาและระยะเวลาที่ใช้ยา ไม่ควรใช้ยาอย่างพร่ำเพรื่อ ควรใช้ยาในขนาดต่ำสุดที่ให้ผลในการรักษา และใช้เป็นเวลาสั้นที่สุดตามความจำเป็น 2 ผู้สูงอายุและทารกแรกคลอดมีความเสี่ยงสูง 3 ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง เช่น โรคไตเรื้อรัง โรคความดันโลหิตสูง โรคตับ โรคเบาหวาน โรคอ้วน 4 ผู้ที่อยู่ในภาวะเสียเลือดมากหรือเสียน้ำมาก 5 การใช้ร่วมกับยาอื่น เช่น ยาขับปัสสาวะ ยาลดความดันโลหิต ดังนั้น การใช้ยาต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ หรือเภสัชกรเท่านั้น และหากมีโรคประจำตัวควรแจ้งให้เภสัชกรทราบก่อนซื้อยาทุกครั้ง ไม่อย่างนั้นอาจเกิดอันตรายได้ ขอขอบคุณ ข้อมูล :สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.),Arin Care ภาพ :iStock เรียบเรียง :Sanook.com โดย :Jurairat N. |