[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

นั่งเล่นหลังสวน => สุขใจ ไปเที่ยว => ข้อความที่เริ่มโดย: Kimleng ที่ 12 พฤศจิกายน 2564 21:05:46



หัวข้อ: ประเพณี "แขวนโคม" วัดพระธาตุหริภุญชัยมหาวรวิหาร จ.ลำพูน
เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 12 พฤศจิกายน 2564 21:05:46

(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/28382997918460_..1_Copy_.jpg)

(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/81276838978131_1_Copy_.jpg)

"แขวนโคม" วัดพระธาตุหริภุญชัยมหาวรวิหาร
บูชาโคมล้านนา ไหว้ขอพรพระธาตุหริภุญชัย
วัดพระธาตุหริภุญชัย วรมหาวิหาร ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน

เทศกาลโคมแสนดวง ประเพณีแขวนโคมที่จังหวัดลำพูนนั้น ไม่แน่ชัดว่าเริ่มขึ้นเมื่อใด แต่ถ้าจะกล่าวถึงโคมแล้วนั้นมีใช้กันมาตั้งแต่สมัยโบราณเพื่อใช้ประดับตกแต่งและให้แสงสว่างตามบ้านเรือน ทางเดิน ซึ่งในสมัยก่อนนั้นยังไม่มีไฟฟ้า

ความเชื่อเกี่ยวกับการถวายโคมจะทำเมื่อหลังออกพรรษาใกล้กับเทศกาลยี่เป็ง หรืองานลอยกระทงของทางภาคเหนือนั่นเอง

สำหรับประเพณีการแขวนโคมของภาคเหนือก็เพื่อบูชาไฟ บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เราเคารพนับถือ เสมือนให้ไฟช่วยนำทางสว่าง และให้โคมช่วยป้องกันมิให้ไฟในโคมนั้นดับ เปรียบดั่งมีสิ่งคุ้มครองผู้แขวนบูชานั่นเอง

ท่านที่สนใจหรือแวะผ่านมาเที่ยวเมืองลำพูนก็สามารถแวะมาแขวนโคมได้จนถึงวันที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ ที่ลานอนุสาวรีย์เจ้าแม่จามเทวี และที่วัดพระธาตุหริภุญชัยวรมหาวิหาร ซึ่งจะได้กราบไหว้ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองลำพูน เพื่อความเป็นศิริมงคลต่อชีวิตและครอบครัว

คำว่า "โคม” หมายถึงตะเกียงหรือสิ่งที่ประดิษฐ์ขึ้นสำหรับจุดไฟให้แสงสว่างในครัวเรือนหรือบูชาพระรัตนตรัย  ชาวล้านนาโบราณจะมีโคมใช้ไม่แพร่หลาย เพราะน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นสิ่งที่หาได้ยาก โคมจึงมีใช้แต่ในราชสำนัก ในวัด และในบ้านของผู้มีอันจะกินเท่านั้น  ชาวบ้านทั่วไปจะก่อไฟด้วยฟืนท่อนโตๆ เพื่อให้แสงสว่างในเรือน และใช้ขี้ย้า (อ่าน “ขี้ญ้า”) หรือชันผสมเศษไม้ผุห่อด้วยใบตองมัดเป็นเปลาะ ทำเป็นท่อนจุดไฟไว้ในที่ซึ่งไม่อาจก่อกองไฟได้ เมื่อเดินทางเวลากลางคืนจะใช้ไม้แคร่ คือไม้ไผ่ทุบแล้วมัดรวบเป็นเปลาะๆ จุดไฟ ซึ่งทั้งขี้ย้าและไม้แคร่นั้นจะต้องมีการเขี่ยไฟเป็นระยะๆ ให้ไฟลุกอยู่เสมอ

ไม่มีหลักฐานระบุว่าน้ำมันที่ใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับโคมนั้นเป็นน้ำมันจากสิ่งใด สันนิษฐานว่าอาจใช้น้ำมันมะพร้าวหรือไขมันจากสัตว์   ต่อมาเมื่อ พ.ศ.๒๔๓๑ ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีการค้าขายกับชาวต่างประเทศ  ไทยสั่งซื้อ “น้ำมันก๊าด” จากประเทศรัสเซีย เป็นครั้งแรก เพื่อใช้จุดตะเกียงให้แสงสว่างตามบ้านและถนนหนทาง แทนการใช้น้ำมันพืชและไขสัตว์  จึงเริ่มใช้น้ำมันก๊าดเป็นเชื้อเพลิงนับแต่นั้นมา

ประเภทของโคมที่เป็นเครื่องใช้ในครัวเรือนและเครื่องใช้ในพิธีกรรม  มีชนิดต่างๆ ได้แก่ โคมค้าง ค้างโคม โคมตั้ง โคมบอก โคมบ้อก โคมผัด โคมล้อ โคมไฟฉาย โคมรังมดส้มหรือโคมเสมาธรรมจักร โคมหูกระต่าย โคมลอย ฯลฯ

สำหรับประเพณีแขวนโคมที่จังหวัดลำพูน โคมที่ใช้ติดตั้งหรือนำไปแขวนไว้บนค้างหรือแขวนตามราว เรียกว่า “โคมค้าง” (อ่าน “โกมก๊าง”) ดวงโคมที่นำมาติดตั้งมักทำโครงด้วยไม้ไผ่ ปะด้วยกระดาษ ลักษณะเป็นโคมทรงกลมหักมุม ทั้งนี้อาจทำเป็นรูปอย่างอื่นตามที่เห็นว่างาม  

โคมค้าง นิยมทำกันมากในเทศกาลยี่เปง คือวันเพ็ญเดือนยี่ ซึ่งตรงกับวันเพ็ญเดือนสิบสองของไทยกลาง ในวันนั้นจะมีการจุดประทีปโคมไฟซึ่งมีหลากสีนับแสนดวง แสงไฟระยิบระยับยามค่ำคืน สวยงามตระการตา เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา ให้ชีวิตเจริญรุ่งเรืองและเป็นการสะเดาะเคราะห์



(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/34680411343773_2_Copy_.jpg)

(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/42899009999301_3_Copy_.jpg)

(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/48778278297848_4_Copy_.jpg)
โคมที่แขวนบูชาที่วัดพระธาตุหริภุญชัย เรียกว่า "โคมค้าง" ใช้แขวนไว้บนค้างหรือแขวนตามราวอื่นๆ ก็ได้

(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/48276671808626_5_Copy_.jpg)
ผู้บูชาโคมจะเขียนชื่อ สกุล ที่อยู่ และคำอธิฐานขอพรลงบนโคม แล้วนำไปแขวนตามจุดต่างๆ

(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/92674102675583_6_Copy_.jpg)

(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/32222405324379_255492920_1263932467455764_250.jpg)

หมายเหตุ : ภาพถ่ายเมื่อวันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๖๔
ล่วงเลยมาถึง ณ วันนี้ ปริมาณโคมที่แขวนบูชาน่าจะมากกว่านี้หลายสิบเท่า