หัวข้อ: "สิงห์ไถ่บาป" สิงห์ หรือราชสีห์คู่ หน้าวัดพระธาตุหริภุญชัย เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 25 พฤศจิกายน 2564 19:57:38 (http://www.sookjaipic.com/images_upload/45479404429594_3.jpg) (http://www.sookjaipic.com/images_upload/61820073011848_4.jpg) สิงห์ไถ่บาป สิงห์หรือราชสีห์คู่ หน้าวัดพระธาตุหริภุญชัย สิงห์หรือราชสีห์คู่ หน้าวัดพระธาตุหริภุญชัย เป็นสิงห์ทรงเครื่องขนาดใหญ่ ก่ออิฐฉาบปูน ลักษณะยืนอ้าปากกระดกลิ้น มีเครา หางตั้งม้วนเป็นขดบนกลางหลัง ระบายสีแดงก่ำและตกแต่งลายปูนปั้นสีขาว สร้างขึ้นพร้อมกับซุ้มโขง จากภาพถ่ายเก่าพบว่าเคยมีลวดถักเป็นตาข่ายรัดตัวสิงห์ไว้ไม่ให้ชำรุด พร้อมสร้างศาลามีหลังคาคลุมไว้ ชาวล้านนาเรียกสิงห์หน้าวัดว่า “สิงห์ไถ่บาป” ซึ่งการทำรูปสิงห์ให้เป็นผู้เฝ้าศาสนสถานนี้ ตามความเชื่อของอินเดียโบราณมีความเกี่ยวข้องกับราชวงศ์ศรีศากยมุนีขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งมีสิงห์เป็นรูปสัญลักษณ์ จึงถูกนำมาใช้ประดับตกแต่งงานพุทธศิลป์เกือบทุกส่วน รวมไปถึงการใช้สิงห์เฝ้าดูแลหน้าวัดเสมือนทวารบาล แต่ตำนานของชาวพม่าซึ่งมีอิทธิพลต่อชาวล้านนาในช่วงระยะเวลากว่าสองศตวรรษ มีการผูกเรื่องให้พระธิดาของพระราชาองค์หนึ่งหายไปในป่า แล้วถูกนางสิงห์เลี้ยงดูเหมือนลูกอยู่หลายปี จนพระราชาตามมาพบแล้วพรากพระธิดาจากนางสิงห์มา นางสิงห์กรีดร้องโหยหวนและกลั้นใจตายเพราะไม่สามารถข้ามแม่น้ำติดตามพระธิดาได้ เป็นเหตุให้พระราชาสร้างอนุสาวรีย์นางสิงห์ไว้เพื่อเป็นที่ระลึกและเป็นการขอขมา จึงเรียกว่า “สิงห์ไถ่บาป” สิงห์ที่อยู่หน้าวัดของชาวพม่าและล้านนาจึงมีลักษณะโก่งคอตะโกนร้องเรียกหาพระธิดา จากตำนานดังกล่าวสิงห์ไถ่บาป จะต้องเป็นเพศเมีย แต่สิงห์คู่หน้าวัดพระธาตุหริภุญชัยเป็นสิงห์เพศผู้ ดังในโคลงนิราศหริภุญชัยเรียกว่า “มิคราช” ดังนั้น ตำนานเรื่องสิงห์ไถ่บาปน่าจะเป็นการผูกเรื่องขึ้นภายหลัง เนื่องจากพบสิงห์ไถ่บาปตามวัดต่างๆ ที่สร้างขึ้นใหม่โดยชาวยองที่อพยพมาตั้งถิ่นในลำพูน ก่อนที่จะมีการสร้าง “ขัวมุง” หรือสะพานมีหลังคาคลุมข้ามแม่น้ำกวงไปสู่ฝั่งเวียงยอง บริเวณหน้าวัดพระธาตุหริภุญชัย เดิมเคยมีสะพานชื่อ “ขัวท่าสิงห์” ซึ่งเป็นการเรียกชื่อตามรูปปั้นสิงห์ไถ่บาปที่ตั้งอยู่หน้าวัด ขอขอบคุณที่มา : หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯ เชียงใหม่ (ผู้เรียบเรียง : นางเกษราภรณ์ กุณรักษ์ นักจดหมายเหตุ ชำนาญการ) |