[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => นิทาน - ชาดก => ข้อความที่เริ่มโดย: Kimleng ที่ 31 ธันวาคม 2564 19:51:51



หัวข้อ: โคนันทวิศาล
เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 31 ธันวาคม 2564 19:51:51
(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/16703947012623_030564e_Copy_.jpg)

โคนันทิวิสาล

โคนันทิวิสาล หรือที่มักเรียกกันว่า "โคนันทวิศาล” เป็นหนึ่งในนิทานชาดก ซึ่งเป็นชีวประวัติของพระโคตมพุทธเจ้า สมัยที่พระองค์เป็นพระโพธิสัตว์บำเพ็ญบารมีต่างๆ ในอดีตชาติ บางชาติทรงเกิดเป็นมนุษย์บ้าง เป็นสัตว์บ้าง ครั้นทรงตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ได้ทรงนำเรื่องราวเหล่านี้มาเล่าพระสงฆ์ฟังในโอกาสต่างๆ เพื่อแสดงหลักธรรมที่ทรงประสงค์ และเรียกเรื่องในอดีตนี้ว่า "ชาดก” และเพราะชาดกเป็นเรื่องเล่าคล้ายนิทาน บางครั้งจึงเรียกว่า นิทานชาดก
 
สำหรับเรื่อง "โคนันทิวิสาล” นี้เล่ากันว่า ครั้งหนึ่งในสมัยพุทธกาล มีภิกษู ๖ รูป เรียกว่า พระฉัพพัคคีย์ เป็นกลุ่มพระที่ไม่ตั้งใจปฏิบัติธรรม ชอบก่อกวนหาเรื่องทะเลาะวิวาท และพูดจาข่มขู่เสียดสีพระภิกษุรูปอื่นอยู่เสมอ จนความทราบถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์จึงได้กล่าวตำหนิพร้อมให้โอวาทว่า "ผู้กล่าววาจาหยาบคาย ย่อมนำความฉิบหายมาให้ตนเอง เพราะเขาย่อมไม่เป็นที่พอใจของใครๆ แม้แต่สัตว์เดรัจฉานก็ตาม” ว่าแล้วพระองค์ก็ทรงนำเรื่อง "นันทิวิสาลชาดก” มาตรัสเล่าเป็นอุทาหรณ์
 
พระองค์ทรงเล่าว่า พระโพธิสัตว์เคยเกิดเป็นโคชื่อ "นันทิวิศาล” อาศัยอยู่กับพราหมณ์ผู้หนึ่งซึ่งเลี้ยงดูและรักโคนันทิวิสาลดังลูกของตน เมื่อนันทิวิสาลเติบโตขึ้น ก็เป็นวัวหนุ่มที่แข็งแรง และมีกำลังวังชาอย่างมาก มันจึงอยากจะตอบแทนพระคุณพราหมณ์ที่เลี้ยงมันแต่เล็กจนโตให้พ้นจากความยากจน วันหนึ่งนันทิวิสาลจึงได้บอกให้พราหมณ์ไปท้าพนันกับวินทกเศรษฐีด้วยเงินเดิมพัน ๑,๐๐๐ กหาปณะ โดยว่าตนมีโคที่มีพลังพิเศษสามารถลากเกวียน ๑๐๐ เล่มที่บรรทุกกรวด ทราย ก้อนหิน ผูกติดกันทั้งร้อยเล่มเกวียนให้เคลื่อนที่ไปได้ด้วยวัวนั้นเพียงตัวเดียว เศรษฐีไม่เชื่อและรับคำท้า เมื่อถึงวันนัด พราหมณ์ก็ได้นำนันทิวิสาลเทียมแอกที่เกวียนเล่มแรก ส่วนตนก็ขึ้นไปนั่งบนแอก ยกปฏักขึ้นพร้อมตวาดด้วยคำหยาบว่า "เฮ้ย เจ้าโคขี้โกง โคถ่อย โคโง่ เจ้าจงลากเกวียนไปเดี๋ยวนี้เลย” โคนันทิวิสาลได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกน้อยใจเสียใจว่าพราหมณ์ทำไมเรียกตนเช่นนั้น ทั้งๆ ที่ตนไม่เคยประพฤติดังกล่าวเลย มันจึงยืนเฉยเสีย พราหมณ์จึงแพ้พนันเศรษฐี ต้องนำทรัพย์หนึ่งพันมาให้ เมื่อกลับถึงบ้านพราหมณ์ก็นอนเศร้าโศกเสียใจ กินไม่ได้นอนไม่หลับ โคนันทิวิสาลเห็นดังนั้นจึงเข้าไปหาแล้วกล่าวว่า ท่านพราหมณ์ ตลอดเวลาที่เราอยู่ที่นี้ ท่านได้เลี้ยงดูเราเป็นอย่างดี และเราก็ไม่เคยกระทำความเดือดร้อนรำคาญใดๆแก่ท่าน ไฉนท่านจึงกล่าวหาว่าเราเป็นผู้โกง ผู้โง่ไปได้ เอาเถอะ ท่านจงไปท้าพนันกับเศรษฐีอีกครั้งและให้เพิ่มเงินเดิมพันเป็น ๒,๐๐๐ กหาปณะ และขออย่าเรียกเราว่าโคโกงโคโง่อีกเลย พราหมณ์ได้ฟังดังนั้นก็ได้คิด แล้วจึงไปท้าพนันกับเศรษฐีใหม่อีกครั้งตามคำบอกของนันทิวิสาล เมื่อถึงเวลาก็ผูกเกวียนร้อยเล่มที่บรรทุกกรวด หิน ทรายเช่นเดิมให้ติดกันเป็นเล่มเดียว จากนั้นจึงขึ้นไปนั่งที่แอก แล้วลูบหลังนันทิวิสาลพร้อมกล่าวว่า "พ่อมหาจำเริญ ขอให้พ่อจงช่วยลากเกวียนไปด้วยเถอะนะ”โคนันทิวิสาลได้ฟังคำก็เกิดกำลังใจ สามารถลากเกวียนร้อยเล่มไปด้วยกำลังแรงเพียงครั้งเดียว เกวียนเล่มสุดท้ายก็เคลื่อนไปยังที่ตั้งเกวียนเล่มแรกได้สำเร็จ ทำให้พราหมณ์ชนะพนัน ได้คืนทั้งเงินเดิมและเงินใหม่ นอกจากนี้ยังได้ทรัพย์จากมหาชนที่มาชมและมอบทรัพย์ให้กับนันทิวิสาล-วัวกตัญญูอีกด้วย พราหมณ์จึงมีเงินเลี้ยงตน ไม่ต้องลำบากตอนแก่เฒ่า พระพุทธองค์เมื่อเล่าจบก็ทรงตรัสสอนว่า "ไม่ว่าเวลาใด บุคคลควรกล่าวแต่คำที่น่าพอใจ อย่ากล่าวถ้อยคำอันไม่เป็นที่น่าพอใจเป็นอันขาด เพราะเมื่อพราหมณ์กล่าวถ้อยคำเป็นที่น่าพอใจ โคนันทิวิสาลก็ได้ฉุดลากเกวียนอันหนักไปได้ ทำให้พราหมณ์ได้ทรัพย์นับพัน ส่วนตัวโคนันทิวิสาลเองก็เกิดความโสมนัสปลาบปลี้มที่ได้ช่วยเหลือพราหมณ์นั้น" พระองค์ได้ตรัสต่ออีกว่า ตัวโคนันทิวิสาลก็คือ พระองค์ในอดีตชาติ ส่วนพราหมณ์นั้นคือ พระอานนท์ในชาติปัจจุบัน

 
ขอขอบคุณที่มา พระไตรปิฎกและนิทานชาดก