[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => นิทาน - ชาดก => ข้อความที่เริ่มโดย: Kimleng ที่ 06 มกราคม 2565 15:37:56



หัวข้อ: มหิฬามุขชาดก
เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 06 มกราคม 2565 15:37:56
(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/24917357083823_132897264_4820128378029436_849.jpg)

มหิฬามุขชาดก


ราชคฤห์ในแผ่นดินพระเจ้าอชาติศัตรูนั้น บังเกิดมีสำนักพระพุทธศาสนาที่แปลกแยกออกไปโดยมีพระเทวทัตเป็นผู้นำศาสนสถานแห่งใหม่ตั้งอยู่ ณ. ตำบลคยาสีสะ ที่พระเจ้าอชาติศัตรูสร้างถวาย และให้อยู่ในพระราชานุเคราะห์อย่างอุดมสมบูรณ์

ในพุทธกาลครั้งนั้นมีชาวเมืองราชคฤห์สองคนเป็นสหายรักกันมาแต่เด็ก ทั้งสองเลื่อมใสในหลักธรรมของพระพุทธศาสนา จึงตัดสินใจจะบวชเป็นภิกษุเพื่อบรรลุในพระธรรมคำสอน เวลาผ่านไป แม้สหายทั้ง ๒ ต่างครองเพศบรรพชิตแล้ว แต่ก็ยังไปมาหาสู่กันมิได้ขาด ทุกเช้าภิกษุที่เป็นสาวกของพระเทวทัตจะมาชักชวนภิกษุสหายของเขาไปฉันภัตตาหารที่สำนักพระเทวทัตด้วยกันเสมอ

เมื่อแรกๆ ที่ได้รับคำเชิญชวนจากเพื่อน ภิกษุนั้นก็บ่ายเบี่ยง แต่เมื่อถูกคะยั้นคะยอบ่อยๆ เข้า จึงรับปาก เมื่อไปร่วมฉันอาหารก็เกิดความเคยชินไปฉันเป็นประจำแต่นั้นมา นานวันเข้าความประพฤติของภิกษุผู้นี้ ก็เป็นที่โจษขานกันในพระเวฬุวัน กระทั่งวันหนึ่งมีเหตุให้ต้องโต้วาทะกันกับเพื่อนพระภิกษุอื่นๆ เพื่อนพระภิกษุพากันว่ากล่าวแล้วนำตัวไปเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระพุทธองค์ทรงสอบถามได้ความเป็นจริง พลายมหิฬามุข เป็นช้างทรงลักษณะงดงาม สงบเสงี่ยมเรียบร้อยอยู่ในระเบียบวินัยอย่างเคร่งครัด เป็นที่โปรดปรานของพระเจ้าพรหมทัตยิ่งนัก ครั้นถึงเทศกาลฝึกช้างเพื่อใช้ในราชการอำมาตย์ราชบัณฑิต จึงให้เปลี่ยนที่พักมาใกล้กำแพงชั้นนอกเพื่อความสะดวก แต่เพียงไม่กี่วันพลายมหิฬามุขที่เคยสุภาพเรียบร้อยก็เปลี่ยนไป เริ่มแสดงท่าทางเกะกะเกเรขึ้นเรื่อยๆ ใช้งวงหวดซ้ายป่ายขวา เห็นใครเดินมาก็จะเข้าไปทำร้าย ยิ่งเวลาผ่านไป พลายมหิฬามุขก็ยิ่งกำเริบก้าวร้าวไล่เตะควาญบ้าง เตะเข่งอาหารบ้าง ทั้งส่ายสะบัดหัวฟาดงวงไปมาจนควาญกับพนักงานไม่กล้าเข้าใกล้

วันหนึ่งพลายมหิฬามุขตกมันก็ยิ่งแสดงอาการเกะกะเกเร อย่างน่ากลัว พังโรงช้างจนพินาศ แม้แต่ช้างด้วยกันก็โดนทำร้ายไม่ละเว้น ควาญทั้งพระราชวังพากันมาระงับเหตุก็ไม่อาจหยุดยั้งความร้ายกาจได้ ต้องพลีชีวิตไปหลายคน พระเจ้าพรหมทัตร้อนพระทัยกับเรื่องนี้เป็นยิ่งนัก เร่งให้อำมาตย์บัณฑิตไประงับเหตุร้ายและหาสาเหตุนั้นให้ได้

อำมาตย์บัณฑิตจัดควาญฝีมือดีพร้อมช้างในกองทัพพาราณสีเข้าประกบตัว และใช้กำลังเข้าดันให้จนมุม ในที่สุดก็สามารถคล้องจับตัวพลายมหิฬามุขไว้ได้ เมื่อพลายมหิฬามุขถูกจับได้ น่าแปลกใจยิ่งนักที่มันไม่ต่อสู้ขัดขืนเลย กลับยืนฟังคำพิพากษาเหมือนมหาโจรที่หมดอิสรภาพ เมื่ออำมาตย์รู้เรื่องราวทุกอย่างแล้ว ก็นำขึ้นกราบทูลพระเจ้าพรหมทัต จากวันนั้นมาพี่พักของโจรก็ถูกรื้อทิ้งไป กลายเป็นธรรมะศาลาของเหล่านักบวชแทนที่ พลายมหิฬามุขได้ฟังเรื่องดีๆ สำเนียงสุภาพทุกวัน จากพฤติกรรมเจ้าอารมณ์ โหดร้ายก็เปลี่ยนเป็นอ่อนโยน ประพฤติตัวดีมีวินัยเช่นเดิม เมื่อพลายมหิฬามุขกลับมาประพฤติตัวดีเหมือนเดิม อำมาตย์บัณฑิตก็ได้รับคำสรรเสริญพร้อมรางวัลพระราชทานจากพระเจ้าพรหมทัต

ในพุทธกาลสมัย พลายมหิฬามุข กำเนิดเป็นภิกษุผู้หลงผิด พระเจ้าพรมหมทัตกำเนิดเป็นพระอานนท์ อำมาตย์บัณฑิต เสวยพระชาติเป็นพระพุทธเจ้าโบราณะโจ วะโจ นิสัมมะ มหิฬามุโข โปถะยะมานุจาริ สุสัญญะตานัง วะโจ นิสัมมะ คุชุตตะโม สัพพะคุเณสุ อัฏฐา พระยาช้างต้นมหิฬามุขเที่ยวประหารคน เพราะได้ฟังคำของพวกโจรมาก่อน แล้วกลับตั้งอยู่ในคุณทั้งปวง เพราะได้ฟังคำของผู้มีศีลสำรวมตนดีแล้ว