หัวข้อ: นาค : องค์ประกอบของสถาปัตยกรรมไทย เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 09 กุมภาพันธ์ 2565 13:42:07 (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/27720952116780_7_Copy_.jpg) ภาพถ่ายจาก พระเจดีย์ ศรีวิชัยจอมคีรี ตำบลดงดำ อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน นาค องค์ประกอบของสถาปัตยกรรมไทย นาค เป็นหนึ่งในสัตว์ที่นิยมนำมาประดับสถาปัตยกรรมที่พบทั่วไปในทุกภูมิภาคของประเทศไทย คำว่า “นาค” มีความหมายตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานพุทธศักราช ๒๕๕๔ หมายถึง สัตว์ในนิยายโบราณ รูปร่างคล้ายงูแต่หัวมีหงอน ความเชื่อเกี่ยวกับนาคในสังคมตะวันออกเรื่องราวของนาคหรืองูใหญ่มีหงอนซึ่งมีอิทธิฤทธิ์นั้นมีปรากฏในคัมภีร์ทางศาสนาทั้งศาสนาฮินดูและศาสนาพุทธ ในส่วนที่เป็นเรื่องราวของนาคที่ปรากฏในคัมภีร์ทางศาสนาฮินดูกล่าวได้ว่า นาคมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับเทพเจ้าหรือเหล่าเทพในศาสนาฮินดูหลายองค์ เช่น นาคเป็นสายยัญชโยปวีตของพระอิศวร นาคเป็นแท่นบรรทมของพระนารายณ์ เป็นต้น ส่วนความสัมพันธ์ของนาคกับศาสนาพุทธนั้น มีที่มาจากเรื่องราวในพุทธประวัติตอนที่เกี่ยวข้องกับนาค เช่น พญานาคราชหรือพญามุจลินทร์นาคราชแผ่พังพานปกป้องพระพุทธเจ้า ทั้งนี้ยังปรากฏข้อความในไตรภูมิพระร่วง บทพระราชนิพนธ์ของพญาลิไทย พระมหากษัตริย์แห่งกรุงสุโขทัย มีข้อความเกี่ยวกับนาคใน ทุติยกัณฑ์ ติรัจฉานภูมิ ความว่า “แลสัตว์อันเกิดในติรัจฉาภูมินั้น ลางคาบเป็นด้วยอัณฑชโยนิ ลางคาบเป็นด้วยชลามพุชโยนิ ลางคาบเป็นด้วยสังเสทชโยนิ ลางคาบเป็นด้วยอุปปาติกโยนิ แต่สิ่งอันเกิดดั่งนี้ชื่อติรัจฉาน มีอาทิคือว่าครุฑแลนาคสิงห์ช้างม้าวัวควายเนื้อถึก...แต่ฝูงดังนั้นเรียกชื่อว่าติรัจฉาน...ในใต้เขาพระหิมพานต์กว้างได้ ๕๐๐ โยชน์เป็นเมืองแห่งนาคราชจำพวกหนึ่งอยู่แห่งนั้น...” ความเชื่อของนาคที่เกี่ยวข้องกับศาสนาพุทธจึงสะท้อนออกมาในรูปแบบของศิลปกรรมเนื่องในศาสนาดังที่พบส่วนประกอบของสถาปัตยกรรมไทยและเครื่องใช้ต่างๆ เช่น ทำเป็นราวบันไดทางขึ้นโบสถ์หรือวิหาร ทำเป็นคันทวย นำมาตกแต่งปั้นลม โบสถ์ วิหาร โดยทำเป็นนาคลำยองหรือนาคสะดุ้ง เป็นต้น อาคารเนื่องในพุทธศาสนาของประเทศไทยที่ปรากฏตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ล้วนแล้วแต่มีการประดับสถาปัตยกรรมด้วยสัตว์หิมพานต์หรือสัตวในนิยายโบราณ หรือลวดลายอันเป็นมงคลต่างๆ เพื่อแสดงนัยยะสำคัญของการอำนวยพรให้แก่ผู้เข้ามาสักการะศาสนสถาน การนำประติมากรรมนาคมาประดับศาสนสถานเนื่องศาสนาพุทธสะท้อนความเชื่อเกี่ยวกับนาคที่ปรากฏมาแล้วตั้งแต่อดีต |