[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => เกร็ดศาสนา => ข้อความที่เริ่มโดย: Kimleng ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565 14:55:52



หัวข้อ: มักกะลีผล : สาวงามแห่งป่าหิมพานต์
เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565 14:55:52
(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/59455671865079_14626_Copy_.jpg)

มักกะลีผล : สาวงามแห่งป่าหิมพานต์

     "ป่าหิมพานต์” เป็นดินแดนแห่งความลี้ลับ ศักดิ์สิทธิ์อยู่ไกลเกินกว่าจะไปถึง เป็นสถานที่พิเศษที่เต็มไปด้วยผู้วิเศษ และสัตว์ที่แปลกพิสดารมากมาย ซึ่งแม้เราจะไม่เคยพบเห็นมาก่อนในโลกมนุษย์ แต่กลับคุ้นชื่อกันดี ไม่ว่าจะเป็นฤษี คนธรรพ์ นักสิทธิ์ วิทยาธร ครุฑ กินนร เหมราช และคชสีห์ เป็นต้น นอกเหนือจากอมนุษย์และสิงสาราสัตว์เหล่านี้แล้ว ที่นี่ยังมีตำนานต้นไม้มหัศจรรย์อีกอย่างหนึ่งที่เรียกกันว่า "มักกะลีผล” หรือ "นารีผล
 
     "มักกะลีผล” หรือ "นารีผล” เป็นพรรณไม้ชนิดหนึ่งที่สามารถออกลูกเป็นหญิงสาว ลำต้นสูงใหญ่ ใบจะเหมือนมะม่วงแต่มีขนาดเท่าใบกล้วย เมื่อผลยังอ่อนจะมีลักษณะเหมือนคนนั่งคู้ขาอยู่ พอโตขึ้นหน่อยขาก็จะเหยียดออก ครั้นโตเต็มที่และผลสุกแล้วจะมีรูปร่างดังสาวแรกรุ่นอายุราว ๑๖ ปี ยืนตัวตรง เปลือยกาย โดยส่วนศีรษะจะมีขั้วติดอยู่คล้ายขั้วมังคุด จะมีหน้าตาผิวพรรณงดงามปานเทพธิดา มีผมยาวสีทอง ตากลมโต คอเป็นปล้อง แต่ไม่มีโครงกระดูก นิ้วเรียวยาวเท่ากัน ส่งเสียงได้เหมือนมนุษย์ และมีกลิ่นกายหอมไปไกล มักกะลีผลที่มีหุ่นยั่วยวนชวนฝันนี้จะอยู่ติดต้นได้เพียง ๗ วัน ก็จะหลุดจากขั้วแห้งเหี่ยวไป แต่ส่วนใหญ่พอสุกปั๊บ ไม่ทันได้หล่นใต้ต้น เหล่าหนุ่มกลัดมันอันได้แก่ ฤษี นักสิทธิ์ วิทยาธร คนธรรพ์ และกินนรทั้งหลายที่ยังละกามกิเลสไม่ได้ ก็จะมาเปิด "ศึกชิงนาง” ยื้อแย่งจนทำร้ายกันถึงตายก็มี ครั้นใครได้ไปก็จะพานารีผลนางนั้นกลับไปเสพสังวาส พอ ๗ วันผ่านพ้น มันก็เน่าเปื่อยไปในที่สุด หนุ่มๆก็จะกลับไปรอกันใหม่
 
     ในวรรณคดีไทยอันได้แก่มหาชาติคำหลวง ไตรภูมิพระร่วง และพระเวสสันดรชาดก ก็ได้มีการกล่าวถึงเรื่องมักกะลีผล โดยเฉพาะในเรื่องพระเวสสันดรชาดกมีตำนานเล่าว่า เมื่อพระเวสสันดรถูกเนรเทศออกจากเมือง เพราะราษฎร์ไม่พอใจที่พระองค์ประทานช้างปัจจัยนาเคนทร์-ช้างคู่บ้านคู่เมืองให้แก่พราหมณ์จากเมืองกลิงคราษฎร์ที่กำลังประสบปัญหาฝนแล้ง พระองค์จึงพาพระนางมัทรีพร้อมกัณหาชาลีเดินทางไปสู่ป่าหิมพานต์เพื่อบำเพ็ญเพียรและปฏิบัติธรรม ครานั้นท้าวสักกะเทวราชหรือพระอินทร์จึงได้เนรมิตบรรณศาลาให้เป็นที่พักอาศัย สำหรับสัตว์ร้ายในป่าหิมพานต์นั้น พระอินทร์ท่านไม่ห่วง เพราะด้วยบารมีของพระเวสสันดรซึ่งเป็นพระโพธิสัตว์ มาเกิด ทำให้สัตว์ต่างๆที่อยู่รายล้อม แม้จะดุร้ายอันตรายแค่ไหน แต่เมื่อได้รับเมตตาจิตจากพระเวสสันดรต่างก็คลายความดุร้ายลง และกลับกลายเป็นมิตร แต่สำหรับเหล่าดาบส ฤษี นักสิทธิ์ วิทยาธร คนธรรพ์ทั้งหลายที่ยังอยู่ในป่าเดียวกันนี้ ส่วนใหญ่ยังมีกิเลสตัณหาอยู่ และเคยเจอพระนางมัทรีผู้มีรูปร่างโสภาและหน้าตางดงาม จนเกือบจะตบะแตกกันมาแล้ว พระอินทร์จึงไม่ไว้ใจ กอปรกับพระนางต้องออกไปหาผลไม้ป่าตามลำพังเป็นประจำ พระองค์กลัวว่าหากหนุ่มๆเหล่านี้เหาะไปเหาะมาแล้วเกิดไปเจอกับพระนางเข้าอีก อาจล่วงเกินพระนางมัทรีจนเกิดความเสื่อมเสียได้ ท้าวเธอจึงได้เนรมิตต้นไม้วิเศษไว้รอบทิศจำนวน ๑๖ ต้น ก่อนจะถึงถิ่นพำนักของทั้งสี่พระองค์ ซึ่งต้นไม้นี้จะออกผลที่มีรูปร่างเหมือนสตรี และเมื่อผลโตเต็มที่ก็จะมีทรวดทรงองค์เอวและหน้าตาสวยงามปานนางฟ้านางสวรรค์ ทำให้บรรดาฤษี นักสิทธิ์ วิทยาธร และคนธรรพ์ทั้งหลายเห็นแล้วอดใจไม่ไหว ต้องแย่งชิงกันเด็ดไปร่วมอภิรมย์ ซึ่งเมื่อเสพเมถุนแล้ว ต่างก็จะหมดอิทธิฤทธิ์ลง ต้องเริ่มไปบำเพ็ญเพียรใหม่จนแก่กล้า จึงจะเหาะหรือเดินทางกลับไปได้ ดังนั้นพระนางมัทรีก็จะปลอดภัย หรือพูดง่ายๆว่า ต้นมักกะลีผลทั้ง ๑๖ ต้นนี้เป็นดังค่ายกลที่พระอินทร์ได้วางไว้ เพื่อป้องกันมิให้ผู้วิเศษที่ยังไม่ละกิเลสหรือบำเพ็ญตบะไม่ถึงขั้นเข้ามาใกล้พระนางมัทรีจนก่อเหตุร้ายทำลายพระเกียรติยศ ซึ่งกล่าวกันว่า หลังจากที่พระเวสสันดรและพระนางมัทรีพร้อมลูกๆได้เสด็จกลับเข้าเมืองไปแล้ว ต้นมักกะลีผลหรือนารีผลเหล่านี้ก็ยังคงอยู่จนตราบเท่าทุกวันนี้ และจะหายไปเมื่อสิ้นสมัยพุทธกาล หรืออายุพุทธศาสนาครบ ๕,๐๐๐ ปี มีบางแห่งได้เขียนไว้ว่า อันที่จริงแล้ว นารีผลแต่ละผลก็คือ รุกขเทพธิดานางหนึ่ง ซึ่งแต่ละนางจะมีความสวยงามต่างๆกันตามแต่บุญวาสนาของตน โดยการมาเกิดเป็นมักกะลีผลนั้นเป็นการชดใช้ผลกรรมของเทพธิดาเหล่านั้น และกล่าวว่า มีบางครั้งฤษีที่บำเพ็ญเพียรจนตบะแก่กล้าจะเหาะไปที่ต้นนารีผลเหล่านี้ เพื่อทดสอบจิตตนว่า เมื่อเห็นสาวงามที่ชวนหลงใหลอย่างนั้น ตนจะตบะแตกหรือไม่ หรือไม่บางทีฤษีผู้เป็นอาจารย์ก็จะพาลูกศิษย์ไปฝึกควบคุมจิตที่นั่นก็มี
 
     แม้ "มักกะลีผล” หรือ "นารีผล” จะเป็นเรื่องที่อยู่ในตำนาน แต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่เชื่อว่าต้นไม้นี้มีอยู่จริง โดยปัจจุบันยังมีข่าวว่า พบผลของมันที่โน่นที่นี่อยู่เสมอ ซึ่งนอกจากจะมีรูปร่างเป็นเพศหญิงตามตำนานแล้ว ยังมีมักกะลีผลที่เป็นเพศชายด้วย และหลายๆคนก็เชื่อว่ามักกะลีผลเป็นเครื่องรางของขลังที่ให้โชค ให้ลาภหรือเสริมเสน่ห์ ซึ่งเรื่องนี้ก็ขึ้นอยู่ที่ความเชื่อความศรัทธาของแต่ละคน ครั้งหนึ่งได้เคยมีผู้โพสต์ภาพมักกะลีผลที่เหมือนจริงมาก จนกลายเป็นกระแสในโลกโซเซียลฯ ซึ่งภายหลังได้ปรากฏข้อเท็จจริงว่า เป็นมักกะลีผลที่เจ้าของสวนป่าหิมพานต์ในเขตอำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ ได้จ้างทำขึ้นตั้งแต่ปีพ.ศ.๒๕๓๙ โดยลำต้นหล่อด้วยปูนซีเมนต์แล้วหุ้มด้วยไฟเบอร์กลาส มีอยู่จำนวน ๕๒ ตัว แต่ภายหลังถูกนักท่องเที่ยวและชาวบ้านแอบสอยไปบ้าง จนเหลือน้อยลง เพราะเข้าใจผิดคิดว่าเป็นมักกะลีผลจริงๆ