[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

วิทยาศาสตร์ทางจิต เรื่องลี้ลับ => เรื่องแปลก - ประสบการณ์ทางจิต - เรื่องลึกลับ => ข้อความที่เริ่มโดย: That's way ที่ 05 กันยายน 2554 17:41:31



หัวข้อ: นักวิทยาศตร์เมืองนอก ฝึกไช้พลังจิตกำจัดบุคคลสำคัญของโลก
เริ่มหัวข้อโดย: That's way ที่ 05 กันยายน 2554 17:41:31
นักวิทยาศตร์เมืองนอก ฝึกไช้พลังจิตกำจัดบุคคลสำคัญของโลก

นักวิทยาศาสตร์รัสเซียยันใช้พลังจิตฆ่าคน

(http://www.palungjit.com/board/attachment.php?attachmentid=84329&stc=1&d=1152273358)

"พลังจิต (กำลังภายใน) ฆ่าคนหรือสัตว์ได้จริงหรือ ???" ครับ ปริศนานี้เป็นสิ่งที่ใครๆ ก็

อยากจะรู้ โดยเฉพาะพวกทหารที่ต้องการจะพัฒนาอาวุธใหม่ๆ ที่มีอำนาจการทำลายสูง..แต่ตัว
เองปลอดภัย คือต้องการอาวุธที่รู้ว่าใครเป็นศัตรู และก็ห่าเฉพาะเจ้าศัตรูนั้นเสีย...ครับ
หากอย่ากรู้คำตอบและข้อเท็จจริง ในเรื่องนี้ก็ต้องถามนาย ออกัสต์ สเทิร์น ซึ่งเป็นนักฟิสิกส์
โซเวีตยที่ลี้ภัยมาอยู่ในค่ายตะวันตกเมื่อปี พ. ศ. 2518 เขาเรียนจบทั้งทางด้านคอมพิวเตอร์
ประสาทสรีรวิทยา และคณิตศาสตร์ประยุกต์ด้วยและเป็นผู้
หนึ่งที่ได้รู้รู้เห็นการวิจัยอาวุธพลังจิตพิฆาตของรัฐบาลโซเวียต
สเทิร์นเคยทำงานอยู่ในหน่วยราชการการลับในไซบีเรียของโซเวียต "สเปเชียงดีพาร์ตเมนต์ 8"
ซึ่งทำให้เขาได้รู้ได้เห็นการทำวิจัยอาวุธพลังจิตของรัสเซีย การทดลองครั้งหนึ่งที่สเทิร์นเล่าให้
ฟังก็คือมี การจับลูกไก่อายุ 2-3 วัน ใส่กล่องโลหะ แล้วนำลงไปไว้ใต้ถุนตึกส่วนตัวแม่ก็เอาไว้ที่
ห้องทดลองบนชั้น 3 และก็มีการต่อสายระโยระยางจากหัวของแม่ไก่เข้าเครื่องวัดคลื่นสมอง
(electroencephalograph)...การ ทดลองเริ่มขึ้นด้วยการปล่อยกระแสไฟฟ้าผ่านเข้าไปในกล่อง
โลหะ...จนเจ้าลูกไก่เต้นและสั่นงันงกด้วยความ เจ็บปวดเช่นเดียวกับลูกของมัน...นี่แสดงให้เห็น
ว่า แม้จะอยู่ไกลกัน ไก่แม่ลูกคู่นี้ก็ยังสามารถรับรู้ความรู้สึก ของกันและกันได้ เหตุที่เป็นเช่นนี้
เพราะทั้งสองมีการถ่ายทอดกระแสจิตไปให้กันและกัน นี่เป็นตัวอย่างการทดลองเพียงเบาะๆ
เท่านั้น...สเทิร์นบอกว่า ที่โหดร้ายยิ่งกว่านี้ก็มี อาทิเช่น ใน
ช่วงกลางคริสต์ทศวรรษที่ 60 สเทิร์นได้เห็นการทดลองอันมหาโหดในห้องปฏิบัติการของทหาร
โซเวียต คือ ครั้งหนึ่งพวกเขาพยายามจะใช้พลังจิตบังคับให้ศัตรูตกรถเมล์ อีกครั้งหนึ่งก็
พยายามที่จะฆ่าสัตว์ตัวเล็กๆ ที่ ไม่รู้อิโหน่อิเหน่จากระยะไกล
สเทิร์นเล่าถึงเหตุการณ์ในการทดลองในครั้งแรกที่เขาได้เห็นว่า พวกนักพลังจิตของพี่หมีได้จับ
เอา แมวตัวหนึ่งไปขังไว้ในอีกห้องหนึ่ง แล้วจากนั้นก็พยายามจะใช้พลังจิตฆ่ามันเสีย..."ตอนนั้น
ผมมองว่ามัน เป็นเรื่องงี่เง่า" สเทิร์นรำพึงถึงความหลัง แต่แล้วในภายหลังเขาก็พูดไม่ออก
เพราะปรากฏโซเวียตตายทุกคืน.. "มันเหมือนกับอธิบายเรื่องเฟรงเกนสไตน์ยังไงยังงั้น"

ทางกระแส ปัจจุบันนี้ก็ทำงานอยู่ที่ห้องปฏิบัติการนี้ สเทิร์นไดมีโอกาสทำวิจัยในโครงการลับนี้
เหมือนกัน งานของเขาในครั้งนั้นก็คือการค้นหาหลักการทางฟิสิกส์ที่จะไขปัญหา ปรากฏการณ์
ทางพลังจิต เสทิร์นก็เหมือนนักวิจัยของโซเวียตคนอื่นๆ คือ เชื่อว่าพลังจิตอาจจะเป็นพลังงาน
หรืออนุภาคอันใดอันหนึ่ง ที่เรารู้จักกันอยู่แล้วดังนั้นสเทิร์นจึงเลือกเอา "นิวตริโน" ซึ่งเป็น
อนุภาคที่ไม่มีประจุไฟฟ้า ไม่มีมวลวิ่งด้วย ความเร็วเท่าแสง และสามารถทะลุทะลวงทุกสิ่ง
ทุกอย่างได้ ฉะนั้นจึงเป็นไปได้ว่า นิวตริโนเป็นตัวนำคลื่น พลังจิตหรือกระแสจิตและคนที่มีความ
ไวต่อนิวตริโนก็เรียกคนนั้นว่ามีพลังจิตหรือเป็นนักพลังจิต.. ครับหาก
สมมติฐานนี้ถูกต้อง ต่อไปไม่แน่ว่าโซเวียตก็อาจจะสามารถสร้างอาวุธพลังจิตมหาประลับที่
สามารถ บัญชาการให้ใครต่อใครเป็นตามความต้องการของพี่หมี หรือไม่เช่นนั้นก็อาจจะแช่งชัก
ให้หัวใจวายหรือเส้น เลือดในสมอง (ของผู้นำประเทศศัตรู) แตกตายก็ได้..แต่ก็เป็นที่น่ายินดี
ครับว่าอาวุธมหาประลัยนี้ยังไม่เกิด
เป็นตัวเป็นตนขึ้นเพราะห้องปฏิบัติการดีพาร์ตเมนต์ 8 ที่สเทิร์นทำงายอยู่ถูกสั่งปิดในปี พ.ศ.
2512 และหลัง จากนั้นอีก 6 ปีต่อมาสเทิร์นก็เผ่นมาอยู่กับฝ่ายโลกเสรี
แต่อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันนี้โซเวียตก็กำลังเดินการวิจัยลับนี้อยู่ในห้องปฏิบัติการอื่นๆ..ครับ
หลัง จากที่นักวิทยาศาสตร์ในค่ายตะวันตกได้ยินได้ฟังเรื่องราวการพัฒนาอาวุธพิสาดารล้ำลึกนี้
แล้ว ก็เกิดเสีย วิพากษ์วิจารณ์กันใหญ่...บางคนก็เชื่อว่าพี่หมีคงทำได้จริง..แต่บางคนก็ว่าเป็น
ไปไม่ได้เรื่องไร้สาระทั้งเพ..แต่ ผมว่าเรื่องนี้มันก็ไม่แน่นะนาย เพราะหากมันไร้สาระแล้วละก็
ทำไมเวลานี้เพนตากอนของสหรัฐฯ ถึงได้
ประกาศทุ่มเงินหลายล้านดอลลาร์เพื่อดำเนินการศึกษาเรื่องนี้อย่างเอาจริงเอาจัง??

สรุปคือ เรื่องนี้จะประมาทไม่ได้ เพราะโซเวียตเคยทำให้คนทั้งโลกประหลาดใจกับการส่งดาว
เทียมสปุตนิก ขึ้นสู่อวกาศ. ส่งคนขึ้นท่องอวกาศ..สร้างดาวเทียมล่าสังหาร..และพัฒนาอาวุธ
สตาร์วอร์สมา แล้ว ฉะนั้นถ้าจะสร้างอาวุธพลังจิตขึ้นมาอีกสักชิ้นหนึ่งก็คงจะไม่ใช่เรื่องแปลก



หัวข้อ: Re: นักวิทยาศตร์เมืองนอก ฝึกไช้พลังจิตกำจัดบุคคลสำคัญของโลก
เริ่มหัวข้อโดย: That's way ที่ 05 กันยายน 2554 17:42:21
 (:SHOCK:)

(http://www.mysteriousclub.com/pic/nookk01.jpg)

จากพยานหลักฐานซึ่งรวบรวมได้จากอดีตจารชนเคจีบีของโซเวียตที่แปรพักตร์ และจากแหล่งข่าวองค์การข่างกรองทางทหาร หรือ ดีไอเอ (De Inteligence Agency DIA) ก็พอแน่ว่าตลอดเวลาเกือบครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา โซเวียตได้พยายามอย่างหนักในที่จะศึกษาวิจัยเพื่อนำเอาปรากฏการณ์ทางจิตหรือ พลังจิตมาใช้ในการหา โดยตลอดระยะเวลา 15 ปี ที่ผ่านมานี้ สหรัฐฯ มีหลักฐานทางทหารยืนยันว่า โซเวียตได้มีการทดลองใช้อาวุธพลังจิตนี้กับสหรัฐฯ อย่างน้อยสุด 4 ครั้ง และที่ผ่านมานี้ ประมาณ พ.ศ. 2526 องค์การวิจัยของรัฐสภา (Congressional Research Service) ของสหรัฐฯ ก็ได้สืบทราบว่า รัฐบาลโซเวียตได้ให้เงินทุนสนับสนุนการวิจัยด้าน ปรจิตวิทยา (parapsychology) เพื่อพัฒนาการประยุกต์ใช้พลังจิตทางทหารถึง 250 ล้านบาทต่อปี

จาก หลักฐานทางวัตถุและจากคำบอกเล่าของเคจีบี ก็เป็นที่คาดกันว่าหากการพัฒนาเพื่อใช้พลังจิตในการทหารนี้สำเร็จละก็ ต่อไปมันก็ไม่แน่ว่าบรรดานักรบพลังจิตของมอสโคว์อาจจะใช้การนั่งทางในที่ เครมลินพิสูจน์ทราบตำแหน่งที่ตั้งของไซไลเก็บขีปนาวุธในเนบราสก้าบนดินแดน ของสหรัฐฯ ได้..หรือไม่เช่นนั้นก็ใช้พลังแพ่งข้ามทวีปมาลบความจำทางแม่เหล็กของ คอมพิวเตอร์ทางทหาร และอาจจะใช้กระแสจิตบังคับควบคุมจิตใจของผู้นำสหรัฐฯ ให้เป็นฝ่ายโซเวียต และก็อาจจะถึงขั้นแช่งชักหักกระดูกทางกระแสจิตให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงของ สหรัฐฯ ชักดิ้นชักงอตายไปเดี๋ยวนั้นเลยก็ได้..นี่ไม่ใช่เรื่องล้อกันเล่นนะขอรับ.. แต่สิ่งเหล่านี้สหรัฐฯ มีหลักฐานและพยานว่ามันเป็นเรื่องที่เป็นไปได้.และอาจเป็นจริงขึ้นมาสักวัน หนึ่งในอนาคตข้างหน้านี้ หากโซเวียตไม่วางมือซะก่อน..ครับ จากข้อมูลที่ได้จากการสอบถามชาวโซเวียตที่อพยพไปอยู่ในสหรัฐฯ ก็เป็นที่เชื่อแน่ชัดว่า ฝ่ายทหารของพี่หมีนั้นมีความสนใจในเรื่องพลังจิตนี้มาเป็นเวลาอย่างน้อยที่ สุดก็ประมาณ 30 ปีแล้ว แต่เนื่องจากว่าการทำวิจัยในเรื่องนี้พี่หมีท่านปกปิดเป็นความลับ ฉะนั้นจึงมีรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้ออกมาน้อยมาก ข้อมูลและหลักฐานที่สหรัฐฯ มีอยู่ในเวลานี้ ส่วนหนึ่งก็ถูกเก็บเงียบอยู่ในกระทรวงกลาโหมหรือเพนตากอนของสหรัฐฯ และนอกนั้นบางส่วนก็อาจจะพบได้จากเอกสารการวิจัยที่มีการลักลอบออกมาจาก โซเวียตซึ่งแน่นอนว่า หากอยู่ในมือของรัฐบาลสหรัฐฯ แล้วละก็ ต้องถูกเก็บเงียบอีกเช่นกัน แต่อย่างไรก็ดี สำหรับสื่อมวลชนหรือนักคุ้ยนักเขียนที่ชอบสอดรู้สอดเห็นในเรื่องนี้ก็ยังพอ ที่จะแสวงหาข้อมูลจากนักจิตวิทยาชาวโซเวียต สายลับหรือนักวิทยาศาสตร์ด้านอื่น ๆ ของโซเวียตที่ได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการวิจัยเหล่านี้ ซึ่งปัจจุบันนี้ก็มีเจ้าหน้าที่ของโซเวียตดังกล่าวนี้ขอลี้ภัยมาอยู่ในค่าย ตะวันตกเป็นจำนวนมาก