[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน => ข้อความที่เริ่มโดย: 時々๛कभी कभी๛ ที่ 15 กันยายน 2554 16:51:03



หัวข้อ: เจาะลึกถึงเบื้องหลังการถ่ายแบบของดาราชื่อดังไม่ได้เอ่ยชื่อน่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: 時々๛कभी कभी๛ ที่ 15 กันยายน 2554 16:51:03
(http://image.ohozaa.com/i/619/PNgq0.jpg) (http://image.ohozaa.com/view/2ftij)


(http://image.ohozaa.com/i/60d/0L2T.gif)


เจาะลึกทุกประเด็นแก้ข้อสงสัยได้จริง ๆ ทุกปัญหามีทางออก


อสุภกรรมฐานนี้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแนะนำไว้เหมาะกับราคจริต
เพราะว่าเป็นการทำลายความรู้สึกกายของคนและสัตว์เต็มไปด้วยความสวยงามสำหรับอสุภกรรมฐานนี้  
ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายพิจารณาเป็นเอกัคตารมณ์หรืออารมณ์เป็นปกติ ก็จะเป็นปัจจัยเข้าถึงพระอนาคามี  
โดยง่าย จะว่าเฉพาะพระอนาคามีก็ไม่ได้เพราะพระอนาคามีแล้วอีกประเดี๋ยวใจก็เดินไปถึงอรหัตผล    
นี่จงจำไว้ให้ดีว่าสำหรับอสุภกรรมฐานนี้ไม่ใช่กรรมฐานเพ่งเป็นกรรมฐานพิจารณาแต่ว่าเราจะเพ่ง    
ก็ได้ แต่ถือว่าไม่สำคัญ  

ก่อนที่จะพิจารณาอสุภกรรมฐานอันดับแรกพยายามจับลมหายใจเข้าออกภาวนาว่า.........พุทโธ
ไว้ก่อนให้จิตสบาย พอจิตสบาย จิตทรงอารมณ์ดี ก็มาพิจารณาอสุภกรรมฐาน{อสุภ} แปลว่า ไม่สวย      
ไม่งามจำไว้ให้ดี นี่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงให้พิจารณาคนตายตายแล้ว วันหนึ่งสองวัน    
สามวันนี่เป็นคนตายขึ้นอืด มีน้ำเหลืองไหลตลอดถึงร่างกายทรุดโทรมเหลือแต่หนังหุ้มกระดูกแล้ว    

รู้สึกว่าหน้าหายไปเหลือแต่กระดูก กระดูกเป็นท่อน แต่ว่าทรงเป็นรูปอยู่แล้วต่อมากระดูกก็แตกขาดไป
เป็นชิ้นเป็นท่อนเป็นอันแล้วในที่สุดก็แตกเล็กน้อยเรี่ยราดไปในที่สุดก็จมพื้นแผ่นดินก็จะขอกล่าวแต่  
โดยย่อว่า อสุภความจริงมี ๑๐ อย่างเมื่อรวมแล้วก็พิจารณาเรื่องของคนตายตามธรรมดาคนเราถ้ายังไม่  
ตายก็มีความรักกัน  มีความผูกพันกันอยู่ประคับประคองกันได้ไม่มีการรังเกียจรักกันปานจะกลืนกิน    
แต่ทว่าพออีกคนสิ้นลมปราณไปแล้วเท่านั้นบางทีขณะที่เขาตายลงไปใหม่ ๆ เราก็ไม่อยากเข้าไปแตะ    
ต้อง รังเกียจว่า ร่างกายมันเย็นมันมีสภาพเป็นซากศพดีไม่ดีก็เลยกลัว หาว่าเป็นผี    

ต่อไปนี่นั่งนึกถึงความเป็นจริงที่องค์สมเด็จพระจอมไตรเอามาสอนความจริงพระพุทธเจ้า
ท่านไม่ได้เอาอะไรมาสอนเราเอาของจริง ๆ ที่มีอยู่แต่ว่าเราไม่ยอมรับรู้ตามความเป็นจริงทั้งนี้ก็หมาย  
ความว่า ของน่ะมีจริง แต่เราไม่เคยคิดว่ามันเป็นอย่างนั้นคนและสัตว์ที่อยู่กับเราถ้ายังไม่สิ้นลมปราณ    
แล้วเราไม่เคยคิดว่ามันสกปรกแต่ความจริงถ้าเราพิจารณากายคตาสติกรรมฐานมาแล้วมันก็พอแล้วทีนี้  
ถ้าหากว่ามันยังไม่พอกายคตาสติกรรมฐานและอสุภกรรมฐานสองอย่างรวมกันแต่อสุภแยกเป็น ๑๐    

ประเภทกายคตาสติ ๑ เป็น ๑๑ เป็นตัวตัดราคจริตความเห็นสวยสดงดงามนี่เราที่จะเดินทางไปสู่        
พระนิพพานไม่ได้ทำใจให้ถึงพระอนาคามีไม่ได้ทำลายกามราคะให้สิ้นไปไม่ได้ก็เพราะอารมณ์ฝืน    
ความเป็นจริงกายคตาสติกรรมฐานให้พิจารณาว่ากายมันสกปรกกายเป็นชิ้น เป็นท่อน ผม ขน เล็บ      
ฟัน หนัง เนื้อ กระดูก ตับ ไต ไส้ ปอด มันแต่ละส่วนแยกกันออกไปแล้วก็เต็มไปด้วยความสกปรกแต่  

ว่ามันยังสกปรกน้อยไปส่วนที่มันยังแข็งแกร่ง มีความสะอาดสดชื่นมันยังมีอยู่
ทีนี้เรามานั่งนึกดูถึงคนตายตายแล้วหนึ่งวัน มีสภาพเป็นอย่างไรสิ้นลมปราณตัวแข็ง
ธาตุไฟหายไปธาตุลมหายไปเหลือแต่ธาตุน้ำกับธาตุดินเราไม่อยากจะแตะต้องไม่อยากจะมองทั้งที่    
รักจะขาดใจตาย


หัวข้อ: Re: เจาะลึกถึงเบื้องหลังการถ่ายแบบของดาราชื่อดังไม่ได้เอ่ยชื่อน่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: 時々๛कभी कभी๛ ที่ 15 กันยายน 2554 16:54:47
(http://image.ohozaa.com/i/00b/m2L2h.jpg) (http://image.ohozaa.com/view/2ftpu)


(http://image.ohozaa.com/i/60d/0L2T.gif)


ตายแล้ววันที่สองเป็นอย่างไรเริ่มท้องเขียว ๆ ขึ้นมาแล้ว
ตายแล้ววันที่สามดีขึ้นไปหน่อยผิวพรรณชักจะเริ่มเปล่งปลั่งขึ้นชักจะมีความอ้วนพีขึ้น
ตอนนี้ชักมีกลิ่นกลิ่นที่ปรากฏขึ้นเป็นกลิ่นที่เราไม่ต้องการ  
วันที่สี่ - วันที่ห้าดีแล้ว - ขึ้นอืดน้ำเหลืองไหลต่อไปก็มีมันจุกเนี้อหนังปริมันขึ้นอืดเต็มที่
ตอนนี้ดูซิสิ่งสกปรกในร่างกายมันก็หลั่งไหลออกมาดูไม่ไหวเดินไปท้ายลมทนไม่ไหวเดินเข้าไปใกล้  
ก็ไม่อยากจะเข้าไปมันน่าเกลียดน่ากลัวเราก็มานั่งพิจารณากันตอนนี้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่สกปรกนี่มันมี  

อยู่ที่ไหนมันมาจากที่ไหน มันมาทีหลังหรือว่ามาระหว่างที่คน ๆ นั้นมีชีวิตอยู่ถ้าเราพิจารณาจริง ๆ มัน  
ไม่ได้มาจากไหนความจริงขณะที่ท่านมีลมปราณเดินไปไหนมาไหนพูดได้สิ่งทั้งหลายเหล่านี้มันมี    
อยู่ในตัวครบถ้วนบริบูรณ์ได้อาศัยจิตที่มีการทรงตัวอยู่และมีการบังคับระบบประสาทต่าง ๆ ก็มีกำลังที่  
จะปกปิดความสกปรกไว้ได้เราจึงไม่เห็นสภาพอย่างนั้นหรือว่าไปอีกทีธาตุสี่มีกำลังเสมอกันบาง      
อย่างจะอ่อนไปบ้าง แต่ก็มีกำลังจะปกปิดไว้ได้นี่พอธาตุลมหายไปไม่มีใครปรนปรือจักรกลภายใน      
หยุดทำงาน      

ต่อมาความอบอุ่น คือ ธาตุไฟหายไปเหลือแต่น้ำกับดินเมื่อเหลือแต่น้ำกับดินน้ำมีสภาพ
ซึมซับ มันก็จะละลายดินดินทนไม่ไหวก็พังยุ่ยไป ทีนี้สิ่งสกปรกที่อยู่ภายในก็ปรากฏหาอะไรดีไม่ได้    
เมื่อพิจารณานึกถึงซากศพทั้งหลายแล้วก็นึกถึงตัวเราว่ามันมีสภาพอย่างนั้นถ้านึกถึงคนอื่นบุคคลอื่น    
สัตว์อื่นมันก็มีสภาพอย่างนี้เมื่อเห็นหน้าคนเมื่อไรเห็นหน้าสัตว์เมื่อไรก็นึกถึงภาพว่าคนนี้คือศพ มี  
สภาพขึ้นอืดมีน้ำเหลือไหลร่างกายเต็มไปด้วยความสกปรกน่าเกลียดโสโครกแล้วมานึกถึงตัวเรา      
ร่างกายที่เราอาศัยอยู่นี่ก็เหมือนกันก็มีสภาพแบบนั้นไม่มีอะไรจะน่ารัก      

การพิจารณาอสุภกรรมฐานถ้าจิตเข้าถึงจริง ๆ พิจารณาทีละเล็กทีละน้อยต่อไปเมื่อจิต
เข้าถึงเอกัคตารมณ์มีอารมณ์เป็นหนึ่งเป็นอะไรก็ตามมันเป็นซากศพไปหมดเราก็มีความรังเกียจใน      
ร่างกายของเราในร่างกายของบุคคลอื่นและสัตว์อื่นเมื่อความรังเกียจมีขึ้นกามราคะคือความพอใจใน    
ผิวพรรณวรรณะ หรือการสัมผัสมันก็ไม่มีเพราะขณะใดมองเห็นทีไรมันเป็นศพไปทุกทีเห็นความเน่า  
เห็นความอืดเห็นความสกปรกมันจับอยู่ที่ขั้วหัวใจ




หัวข้อ: Re: เจาะลึกถึงเบื้องหลังการถ่ายแบบของดาราชื่อดังไม่ได้เอ่ยชื่อน่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: 時々๛कभी कभी๛ ที่ 15 กันยายน 2554 16:59:00
(http://image.ohozaa.com/i/1c4/ni7tK.jpg) (http://image.ohozaa.com/view/2fu2f)


(http://image.ohozaa.com/i/174/21DYD.jpg)


(http://image.ohozaa.com/i/60d/0L2T.gif)


แล้วผลแห่งการพิจารณาอย่างนี้จะเป็นผลอย่างไรถ้ากำลังใจของเราเข้มแข็งแล้ว มานั่งนึก
ในใจว่าโอหนอร่างกายของคน ของเราก็ดีของบุคคลอื่นก็ดี สัตว์ก็ดีมีความสกปรกอย่างนี้แต่เนื้อแท้ที่  
จริงเรามันหลงว่าร่างกายนี้มันเป็นเราเป็นของเราเรามีในร่างกายร่างกายมีในเราแต่ความจริงร่างกาย  
มันไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา - เราไม่มีในร่างกาย ร่างกายไม่มีในเราเพราะร่างกายมันเป็นเพียงธาตุสี่เข้ามา  
ประชุมกัน ทรงสภาวะชั่วคราวเราคือจิตหรืออทิสมานกายที่มาอาศัยอยู่ในร่างนี้ เราไปหลงใหลใฝ่ฝันว่า
มันเป็นเรา เป็นของเราแล้วนอกจากนั้นเราก็หลงใหลใฝ่ฝันว่ามันมีสภาพน่ารักน่าชื่นชม ดีไม่ดีเราก็ไป  
นิยมในร่างกายของบุคคลอื่นเข้าอีกเนื้อแท้ที่จริงที่เรามีอารมณ์คิดอย่างนี้เพราะอาศัยความโง่เป็นปัจจัย  
ไม่มองหาความเป็นจริง  

ความจริงแล้วร่างกายเต็มไปด้วยความสกปรกมันเต็มไปด้วยความทุกข์สกปรกไม่พอมันก็
ทุกข์อีกเพราะอะไร ทุกข์เพราะมันไม่เที่ยงมันเปลี่ยนแปลงไปตามปกติในที่สุดมันก็มีการสลายตัว    
นี่ถ้ามันเป็นเราจริงเป็นของเราจริงเราก็บังคับมันไม่ได้ มันจงอย่าสกปรกน่ะจงสะอาดจงพยายามอาบ  
น้ำขัดสีฉวีวรรณทุกวันแต่มันก็เป็นเพียงแต่ภายนอกเท่านั้นแค่หนังกำพร้าในความจริงเราทำความ    

สะอาดได้ชั่วหนึ่งในล้านคือหนังกำพร้านิดเดียวแต่มันก็สะอาดไม่จริงทุกวันมันเต็มไปด้วยความ        
สกปรกและต้องชำระล้างมันตลอดวันแต่เราไม่ได้ใช้ปัญญามองลงไปว่าสิ่งที่เราซึมซาบออกมาจาก    
ภายในร่างกายมันเป็นของสกปรกนี่ส่วนข้างในจริง ๆ เลอะเทอะดูอะไรไม่ได้เมื่อมันดูอะไรไม่ได้      

เราก็หลงมันเป็นเราเป็นของเราเสียอีกทีนี้เมื่อมันเป็นเราจริงเป็นของเราจริง เราก็บังคับมันอย่าแก่นะ  
มันก็ไม่ยอมมันต้องแก่จงอย่าป่วยนะมันก็ไม่ยอมมันจะป่วยอวัยวะบางส่วนบอกอย่าเพ่อเสื่อมซิผม      
อย่าเพิ่งหงอกมันยอมหรือมันก็ไม่ยอมตาอย่าเพ่อฝ้าฟาง มันก็ไม่ยอม ฟันอย่าเพ่อหัก มันก็ไม่ยอม      

เป็นอันว่าร่างกาย กำลัง จงอย่าสลายไปเราจะทำงานมันก็ไม่ยอมนี่แสดงว่านอกจากความสกปรก        
โสโครกแล้วมันก็ไม่ใช่เราไม่ใช่ของเรามันพังไปตามสภาพแล้วเราจะมานั่งยึดถือว่ามันเป็นเราเป็น  
ของเราแล้วจะมาหลงใหลใฝ่ฝันว่าเป็นของสะอาด น่ารัก น่าชม น่านิยม น่าประคับประคองเพื่อ
ประโยชน์อะไร



หัวข้อ: Re: เจาะลึกถึงเบื้องหลังการถ่ายแบบของดาราชื่อดังไม่ได้เอ่ยชื่อน่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: 時々๛कभी कभी๛ ที่ 15 กันยายน 2554 17:04:42
(http://image.ohozaa.com/i/14f/pHns1.jpg) (http://image.ohozaa.com/view/2fu9s)


(http://image.ohozaa.com/i/60d/0L2T.gif)


นี่พยามยามคิดนึกถึงสภาพซากศพที่ตายแล้วใหม่ ๆจนกระทั่งตายแล้วขึ้นอืดแล้วก็ร่วงโรย
ลงไปถึงหนังหุ้มกระดูกถึงกระดูก- กระดูกยังทรงร่างอยู่และต่อมากระดูกก็หลุดเป็นชิ้น ๆ เป็นท่อนเป็น
อันมันสวยตรงไหนบ้างเริ่มตายใหม่ ๆ เราก็รังเกียจแล้วนี่นั่งพิจารณาแบบนี้ทุก ๆ วันเวลาพิจารณา    
ไปใจมันเริ่มส่ายไปสู่อารมณ์ ก็ทิ้งอารมณ์นี้เสียจับลมหายใจเข้าออกเพื่อให้จิตมันทรงตัวเวลาที่จับ    
ลมหายใจเข้าออกเราจะภาวนาว่าอย่างไรก็ได้ว่า พุทโธ ธัมโม สังโฆ ก็ได้อย่างไรก็ช่าง

เรามาพิจารณาตอนนี้ว่าถ้าหากว่าจิตเราเห็นว่าร่างกายของคนและสัตว์เต็มไปด้วยความ
สกปรกเหมือนกับผีเดินได้เราจับภาพไหนก็ตามถ้าชัดถ้าชอบร่างกระดูกเราก็พิจารณานึกถึงภาพกระดูก
อยู่ตลอดเวลา และก็มองมาในร่างกายของเรา เห็นว่าเป็นโครงกระดูกอยู่ตลอดเวลา  เห็นร่างกายของ      
บุคคลอื่นเห็นเป็นโครงกระดูกโครงกระดูกเดินได้ แล้วมองดูเฉพาะโครงกระดูก มันสวยตรงไหน ตาโบ๋
ฟันซี่โต ไม่มีเนื้อ ไม่มีหนังหุ้มมีแต่ซี่โครงระยั้วระเยี้ยไปหมดร่างกายเต็มไปด้วยความน่าเกลียดนี่      
ภาพกระดูกน่ะบางคนพอใจในจุดนี้บางคนก็พอใจในสภาพคนตายใหม่ ๆ ชอบพิจารณาตรงนั้นเห็น  
ชัดบางคนก็ชอบร่างกายมีสีเขียวบ้างขึ้นอืดบ้างเป็นชิ้น เป็นท่อน เป็นตอนบ้างเห็นสภาพของแร้งกา  

กัดกินบ้างอันนี้ก็ตามอัธยาศัยว่าชอบตรงไหนก็พิจารณาจุดนั้นให้มันเห็นชัดเมื่อมันเห็นชัดแล้วก็      
พิจารณาว่ามันไม่ใช่เรามันไม่ใช่ของเรามันมีสภาพเป็นทุกข์ไม่เที่ยงเป็นอนัตตาไม่ช้าเราก็ได้        
อนาคามิผล เมื่อทำลายกามราคะเสียได้ถ้าไม่ได้ชาตินี้ทำอย่างไรถ้าไม่ได้ในชาตินี้เกิดไปชาติหน้าไป    
เป็นเทวดาหรือพรหมสุดแท้แต่กำลังของสมาธิถ้าสมาธิอ่อนก็เป็นเทวดาแน่กลับมาเกิดเป็นคนอีกทีถ้า  
พบพระอรหันต์หรือพบพระพุทธเจ้าฟังเทศน์ในเรื่องราวของอสุภกรรมฐานหรืออนุปุพพิกถาอย่าง    
ท่านพระยศฟังครั้งแรกเป็นพระโสดาบันฟังซ้ำอีกครั้งชั่วระยะเวลาใกล้ ๆ เป็นพระอรหัตผล  

นี่เป็นผลที่เราเจริญอสุภกรรมฐานจงพยายามทำใจให้เข้าถึงคือ มีอารมณ์ดึงสภาวะให้เห็น
เป็นปกติแล้วก็แสดงความรังเกียจไม่ใช่ว่าเห็นว่าเป็นอสุภแล้วไม่เป็นไรต่างคนต่างสกปรกมันจะ      
ปะทะกันอย่างไรก็ช่างอย่างนี้ใช้ไม่ได้ต้องพิจารณาให้เห็นสภาพเป็นที่น่ารังเกียจน่าโสโครกนึกขึ้น  
มาทีไรนึกสะอิดสะเอียนเมื่อนั้นนี่สภาพบุคคลและสัตว์เห็นหน้าคนและสัตว์จะแต่งตัวสวยสดงดงาม  

จะมีร่างกายทรวดทรงเป็นอย่างไรก็ตามเห็นปับเห็นผ้าทะลุเข้าไปถึงหนังทะลุหนังเข้าไปหาเนื้อทะลุ  
เนื้อเข้าไปภายในเห็นว่าร่างกายเต็มไปด้วยความสกปรกเป็นกายคตาสติมองไปอีกทีที่ไหนได้เจ้านี่    
เป็นศพขึ้นอืดเห็นเป็นโครงกระดูกเดินได้รังเกียจใหญ่เลยตอนนี้นี่อย่างนี้จึงจะเรียกว่าการเจริญอสุภ  

กรรมฐานเข้าถึงจุดเข้าถึงที่ของอสุภกรรมฐานในขณะที่เจริญไปแบบนี้แล้วต้องนั่งดู พิจารณาดูเห็น    
ด้วยปัญญาว่าเออ.....ร่างกายนี่มันสกปรกอย่างนี้หนอแต่ความจริงมันก็ไม่ใช่เราไม่ใช่ของเราเราจะมา    
นั่งมัวเมามันเพื่อประโยชน์อะไรในทั้งร่างกายเราและกายคนอื่นเป็นของที่เราควรครอบครองนี่เราโง่  
จัด แล้วองค์สมเด็จพระทรงสวัสดิโสภาคย์พระองค์ไม่โง่ มีความฉลาดสมเด็จพระบรมโลกนาถจึงเข้าสู่  
พระนิพพานได้ มีความสุข



หัวข้อ: Re: เจาะลึกถึงเบื้องหลังการถ่ายแบบของดาราชื่อดังไม่ได้เอ่ยชื่อน่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: 時々๛कभी कभी๛ ที่ 15 กันยายน 2554 17:05:59
(http://image.ohozaa.com/i/909/cFZLs.jpg) (http://image.ohozaa.com/view/2fuic)


(http://image.ohozaa.com/i/60d/0L2T.gif)


สำหรับเรายังพอใจอยู่ในความทุกข์นี่มันน่าสลดใจอย่างยิ่งนี่คิดย้อนไปย้อนมา - ย้อนมา
ย้อนไปจนจิตมันซ่านก็ตั้งอารมณ์ใหม่ในอานาปานสติกรรมฐานถ้าทำอย่างนี้จริง ๆ ไม่นานใช้เวลา    
เท่าไรอย่าไปคิดแต่เฉพาะกลางคืน และก็อย่ามานั่งนึกเฉพาะเวลาเจริญกรรมฐานกรรมฐานกองใดก็    
ตามถ้าจับขึ้นมาเป็นอารมณ์แล้วว่ามันตลอดไปไม่ใช่ไปนั่งท่องอสุภะ - อัฏฐิกัง ๆ ปฏิกุลัง ๆ อะไรพรรค์  
นี้ไม่เอา

แล้วอสุภกรรมฐานไม่ใช่กรรมฐานมานั่งภาวนากันเป็นตัวใช้ปัญญามามองหาความจริง
อันดับแรกเรียกใช้สัญญาความจำ - จำสภาพของคนตายแต่ละจุดว่ามันเป็นอย่างไรแล้วก็ใช้ปัญญาล้วงเข้า
ไปดูสิ่งที่โสโครกว่ามันมาจากไหน มันมีทรงอยู่ก่อนหรือว่าตายแล้วมันถึงจะมาย้อนไปย้อนมาล้วงหา  
ความจริงให้ปรากฏอย่างนี้แหละขึ้นชื่อว่าเราเป็นพระสาวกขององค์สมเด็จพระบรมสุคตถ้าทราบแล้วนี่
ถ้าชาตินี้เราไม่ได้แต่จิตใจมันทรงอยู่ในความสุขมันเกิดกับใจมากเพราะความหลงใหลใฝ่ฝันในร่าง    
กายของเราของบุคคลอื่นไม่มีถ้าความรักความติดใจในความสวยสดงดงามไม่มีมันเป็นความสุขใจ        

อย่างบอกไม่ถูกเพราะหมดห่วงเมื่อรักตัวเราว่าสวยรักในคนอี่นว่าสวยติดในของสวยทั้งคนก็ดีทั้งวัตถุ  
ก็ดี มันยุ่งใจบอกไม่ถูกถ้าอะไรสกปรกนิดรู้สึกว่าสมองหมุนนี่แค่วัตถุเห็นคนที่เรารัก เราปรารถนาไป  
คุยกับคนอื่นชักไม่ชอบใจเสียแล้วดีไม่ดีคนนั้นป่วยไข้ไม่สบายหมุนคว้างเลยทั้งเหน็ดทั้งเหนื่อย ทั้ง    
มีความสุขทุกข์กาย ทุกข์ใจ เสียทรัพย์สิน ถ้าไปโดนคนที่รักตายเข้าดีไม่ดีจะตายตามเขาเลยทำอะไรต่อ  
อะไรไม่ถูก อย่างนี้เป็นเพราะอะไรเป็นเพราะความโง่ถ้าคนมันสกปรกเรารู้ว่ามันสกปรก คนมันต้อง  

แก่เราก็รู้ว่าแก่คนมันต้องตายเราก็รู้ว่าตาย - ตายแล้วไปห่วงทำไมในเมื่อป่วยไข้ไม่สบายก็รักษาพยาบาล  
เป็นการสงเคราะห์ เป็นการระงับบรรเทาเวทนา เป็นเรื่องธรรมดาอยู่ ก็สงเคราะห์ซึ่งกันและกันคิดไว้    
เสมอว่าคนนี้ก็คือซากศพนั่นเองแล้วเราก็ซากศพต่างคนต่างสกปรกมันผูกพันอะไรกันนักนี่จิตใจถ้า  
เราวางได้อย่างนี้มันก็สบาย  ความสุขมันก็มี มันไม่มีความหนักใจใครจะตายก็ตาย พลัดพรากจากกันไป    
ก็เป็นของธรรมดา วางเสียได้มันก็มีความสุขไม่มีอะไรดึงใจ  

เอาละ.........บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลายเรื่องอสุภกรรมฐานพูดไปพูดมามันก็วนอยู่กับตัว
สกปรกแต่เมื่อวนก็ให้วน แต่ใจของตนให้เป็นอารมณ์ปกติวันทั้งวัน คืนทั้งคืนมองดูหน้าใคร นึกถึง    
ใครขึ้นมา เห็นมันขึ้นอืด เน่าอืดสกปรก หรือจิตคิดอยู่ในร่างกายในกระดูกก็เห็นเป็นร่างกระดูก นอนก็            
เห็นเป็นร่างกระดูกเหยียดนั่งก็เป็นร่างกระดูกนั่งมันสวยไหมร่างกระดูกว่าง ๆ ก็ไปเอามาดูจะเดินก็  

เป็นร่างกระดูกเดินถ้าติดใจในร่างกระดูกถ้าติดใจถ้าพอใจในการพิจารณาในการขึ้นอืดน้ำเหลืองไหล
เฟะตาโปน แลบลิ้นปลิ้นตา มีผิวกายแตกน้ำเหลืองไหลโซม ดูมันน่าเกลียดบอกไม่ถูก นี่ใจมันติดแบบ            
นี้เห็นหน้าคนปับมันมีความรู้สึกเป็นอย่างนั้นเห็นหน้าสัตว์นั้นมีความรู้สึกเป็นอย่างนั้น นึกถึงใครขึ้น            
มามีความรู้สึกเป็นอย่างนั้นถ้าจิตมันติดอย่างนี้จริง ๆ ละก็บรรดาท่านพุทธบริษัทชายหญิงแล้วควบกับ

วิปัสสนาญาณตามที่กล่าวแล้วว่ามันไม่ใช่ร่างของเรามันเป็นเรือนร่างที่เราอาศัยชั่วคราวไม่ช้ามันพังมัน
ก็สลายตัวนี่ความเป็นพระอนาคามีจะปรากฏแก่ท่านภายในระยะเวลาไม่ช้า                                                                
เวลาการพูดมันก็ย้อนไปย้อนมาต่อไปนี้ขอทุกท่านตั้งกายให้ตรงดำรงจิตให้มั่นกำหนดรู้        
ลมหายใจเข้าออก ใช้คำภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัยจนกว่าจะได้ยินสัญญาณบอกหมดเวลา

http://audio.palungjit.com/attachment.php?attachmentid=18072



หัวข้อ: Re: เจาะลึกถึงเบื้องหลังการถ่ายแบบของดาราชื่อดังไม่ได้เอ่ยชื่อน่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 15 กันยายน 2554 20:05:54




(http://sukumal.brinkster.net/j_story/ikkyu/ikiyu_ani02.gif)