หัวข้อ: "ทานาคา" เครื่องประทินผิวแบบโบราณ เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 06 ธันวาคม 2565 18:08:44 (http://www.sookjaipic.com/images_upload/85876876488327_1_Copy_.jpg)
(http://www.sookjaipic.com/images_upload/12699224924047_2_Copy_.jpg) ทานาคา แบบสำเร็จรูปที่บดละเอียดเป็นผง ที่ดูจะเป็นที่นิยมของบรรดาผู้ใช้ ภาพจาก : ตลาดสดอำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน "ทานาคา" เครื่องประทินผิวแบบโบราณ ทานาคาเป็นไม้ต้นขนาดเล็ก ในวงศ์ส้ม RUTACEAE คนไทยเราเรียกหลายชื่อ ทางเหนือเรียกต้นกระแจะ กระแจะจันทน์ ขะแจะ ภาคกลางเรียกพญายา อีสานเรียกตุมตัง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Naringi crenulata (Roxb.) Nicolson เป็นไม้กึ่งผลัดใบ ต้นไม่ใหญ่มากขนาดใกล้เคียงกับต้นมะกรูดหรือส้มโอที่ต้นใหญ่หน่อย เปลือกต้นสีครีมปนเขียว มักแตกเป็นร่องตื้นๆ มีหนามแข็งเหมือนกันแต่ขนาดเล็กกว่า ใบเป็นใบประกอบแบบขนนกชั้นเดียวปลายคี่ใบย่อยมี ๓-๙ ใบ ขอบใบหยักมนห่างๆ ที่เป็นความหมายของชื่อท้ายของชื่อวิทยาศาสตร์ มีความพิเศษที่ก้านและแกนใบประกอบที่มีลักษณะแผ่เป็นปีกหรือแผ่นเหมือนใบ ลักษณะเช่นนี้พบได้ในพืชวงศ์ส้ม ทั้งมะนาว ส้ม ส้มโอ และที่เห็นชัดและขนาดใหญ่กว่าใครเห็นจะเป็นใบมะกรูด ที่เห็นเป็น ๒ แผ่นต่อกัน แผ่นด้านล่างเป็นก้านใบแผ่ออกเป็นแผ่น แผ่นตรงปลายเป็นแผ่นใบที่แท้จริง ใบของทานาคาคล้ายกับเอาใบมะกรูดมาต่อกันหลายๆ อัน เมื่อยกขึ้นส่องกับแสงจะเห็นจุดโปร่งแสงของต่อมน้ำมัน ดอกมีขนาดเล็กออกเป็นช่อแบบช่อหางนกยูงไทย แต่ขนาดเล็กและสั้นกว่ามาก ดอกย่อยลักษณะแบบดอกมะนาวขนาดเล็ก สีขาวกลิ่นหอมหวาน แต่มีกลีบเลี้ยงกลีบดอกอย่างละ ๔ กลีบ ติดผลเป็นช่อ ผลสดแบบผลดอกแก้ว แต่ขนาดเล็กกว่า สุกสีดำน้ำเงิน รูปเกือบกลมขนาดเล็ก ภายในมี ๑-๔ เมล็ด เนื้อไม้มีสีน้ำตาลปนเหลืองอ่อน เป็นมันเลื่อม เนื้อหยาบแต่สม่ำเสมอ แข็ง หนักปานกลาง ค่อนข้างเหนียว นิยมใช้ในงานแกะสลัก ทำตู้ และหีบใส่ของที่ต้องการกันแมลง ต้นที่จะนำมาใช้ฝนทาหน้า นิยมใช้ต้นที่มีอายุมากกว่า ๑๕ ปีขึ้นไป ซึ่งจะมีเปลือกไม้ที่หนาพอสมควร นำมาฝนผสมกับน้ำเป็นเครื่องหอมประทินผิวแบบโบราณ บางครั้งนิยมใช้ฝนผสมกับไม้จันทน์เป็นแป้งทาหน้าซึ่งมีกลิ่นหอม หรือที่ภาษาไทยโบราณเรียกขานกันว่า “กระแจะจันทน์” จากรายงานผลการวิจัยผงทานาคาแล้วพบว่ามีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนส สามารถกรองรังสีอัลตราไวโอเลต ยับยั้งการเจริญของแบคทีเรีย และยับยั้งการอักเสบได้ ส่วนการศึกษาถึงความเป็นพิษ พบว่ามีความเป็นพิษต่ำมาก มีความปลอดภัยในการใช้เป็นเครื่องสำอางช่วยให้ผิวหน้าอ่อนเยาว์ ขาวเนียนกระจ่าง และรักษาสิวได้ รายงานสารเคมีที่พบในทานาคาคือ อาร์บูติน (Arbutin) ซึ่งเป็นสารประเภทไกลโคไซด์ พบได้ในพืชจำพวกแบร์เบอร์รี่ (Bearberry) มีฤทธิ์ช่วยลดจุดด่างดำบนผิวหนัง ฝ้า กระ โดยต้านการรวมตัวของเม็ดสีเมลานินในชั้นผิวหนัง ผู้คนเกือบทุกกลุ่มชาติพันธุ์และเพศวัยในเมียนมา เช่น มอญ พม่า กะเหรี่ยง ทวาย ไทใหญ่ ว้า ชิน และกะฉิ่น เป็นต้น โดยเฉพาะเด็กๆ และหนุ่มๆ สาวๆ นิยมทาแป้งสีขาวนวลออกเหลืองบนใบหน้า ไม่ทาเปล่า มีแฟชั่นการทาเพื่อเพิ่มความสวยงามโดดเด่นให้เจ้าของใบหน้าด้วย มีทั้งการทาเป็นวง เป็นเหลี่ยม เป็นริ้ว หรือทาเป็นปื้นแล้วใช้ก้านไม้เล็กนุ่มจุ่มน้ำขูดขีดให้เกิดลวดลาย เช่น บางคนทำเป็นรูปทรงเรขาคณิต ดอกไม้ ใบไม้ ก้นหอย ผีเสื้อ ดวงอาทิตย์ และดวงดาว เป็นต้น ดังนั้น หากทาทานาคาเป็นประจำแบบสาวมอญ พม่า ฯลฯ จะมีหน้าใส ไร้ฝ้า แม้ว่าจะตากแดดเป็นประจำ นอกจากนี้ยังป้องกันสิวหรือสิวอักเสบได้ด้วย ที่มาข้อมูล : - มติชนสุดสัปดาห์ ทานาคาสารพัดประโยชน์ โดย ชมรมฮักตั๋วเมือง สำนักส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ - เว็บไซต์ .rtc.ac.th - ทานาคา : เครื่องประทินผิวชาวลุ่มอิรวดี ที่มาของ “ผิวพม่า” - นิตยสารศิลปวัฒนธรรม |