[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => เกร็ดศาสนา => ข้อความที่เริ่มโดย: Kimleng ที่ 07 มกราคม 2566 12:51:04



หัวข้อ: พัชนีด้ามงา
เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 07 มกราคม 2566 12:51:04
(http://www.sookjaipic.com/images_upload/59886863951881_324237756_503209898589023_5625.jpg)

(http://www.sookjaipic.com/images_upload/50920798381169_10245412_702572836476830_32062.jpg)

พัชนีด้ามงา

พัชนี (พัด) เดิมเป็นเครื่องยศสำหรับคฤหัสถ์ ตั้งแต่ชั้นพระเจ้าแผ่นดิน

เจ้านาย และขุนนาง ต่อมาถวายให้แก่พระสงฆ์ใช้เป็นสมณบริขาร สำหรับลูกศิษย์พัดวีปรนนิบัติ หรือถือแทนตาลปัตร จึงเกิดเป็นธรรมเนียมพระสงฆ์ผู้มียศ ชั้นพระราชาคณะ ฐานานุกรม และเจ้าอธิการ ต่างก็ถือพัชนีเป็นเครื่องยศแทนตาลปัตรสืบมาทุกแห่ง

เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงผนวชเป็นสามเณร ในแผ่นดินพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (เมื่อประมาณ พ.ศ.๒๓๖๕) ทรงถือพัชนีด้ามงาเล่มนี้ ลักษณะหุ้มด้วยผ้าไหม บัวงาจำหลักรูปพานผลไม้ ด้ามงา ถือเป็นเครื่องยศ  ต่อมาสมเด็จกรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ ประทานพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงถือเมื่อทรงผนวชเป็นสามเณร เมื่อปี พ.ศ.๒๔๐๙ แล้วจึงพระราชทานมาไว้ในหอพุทธสาสนสังคหะ ครั้นเมื่อพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร เมื่อครั้งทรงผนวชเป็นสามเณร เมื่อปี พ.ศ.๒๔๓๔ ได้ทรงถือพัชนีดังกล่าวนี้ ทั้งสองพระองค์นี้ทรงถือพัชนีด้ามงานี้ในคราวเทศน์มหาชาติกระจาดสำเภาใหญ่  ต่อมา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเลือกวิชนีด้ามงานี้ไปจัดแสดงในคราวก่อตั้งหอพุทธสาสนสังคหะ ณ วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม ภายหลังเมื่อมีการยุบเลิกหอพุทธสาสนสังคหะ พัชนีเล่มนี้จึงถูกนำมาเก็บรักษาที่พิพิธภัณฑสถานสำหรับพระนคร

รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าอยู่หัวไม่โปรดใช้พัชนี เพราะมีลักษณะคล้ายจวักเป็นอัปมงคล จึงให้เลิกใช้พัชนีทั้งสิ้น และโปรดให้ใช้พัดขนนกถวายงานแทน พัชนีของหลวงจึงเลิกใช้ไป ต่อมาทอดพระเนตรเห็นพระสงฆ์บางหมู่ยังใช้พัชนีกันอยู่บ้าง จึงมีพระบรมราชโองการประกาศให้บรรดาพระสงฆ์ทั้งปวงเลิกใช้พัชนี พร้อมกับทรงพระราชดำริจัดสร้างพัดรองขึ้นสำหรับแทนพัชนีใช้โดยทั่วไป

ดังความในลายพระหัตถ์ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส เมื่อครั้งดำรงพระยศที่กรมหมื่น ทรงมีถึงพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ลงวันที่ ๑๔ กรกฎาคม ร.ศ.๑๑๙ (พ.ศ.๒๔๔๓) ความตอนหนึ่งว่า “...อนึ่ง อาตมภาพได้แจ้งพระราชประสงค์แก่พระครูปลัดจุลานุนายก* เธอฃอถวายห่อคัมภีร์หักทองขวาง หีบคัมภีร์ลายกำมลอ กับพัดวิชนีด้ามงา ที่เข้าใจว่า สำรับที่ทรงในการเทศนามหาชาติ แลสมเดจพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ มกุฎราชกุมารทรงต่อมา  แต่หีบคัมภีร์นั้น เธอว่า เมื่อคราวเสด็จพระอุปัชฌาย์ถวายสมเดจพระบรมโอรสาธิราชพระองค์นั้นทรงใบนี้เอง หาใช่มุกใม่ แลหีบคัมภีร์มุกใม่มีที่ตำหนัก  ส่วนอาตมภาพจำได้ว่า เมื่อครั้งสมเดจพระบรมโอรสาธิราชพระองค์นั้นทรงเทศนา ทรงพัดและห่อคัมภีร์นี้ แต่หีบจำใม่ถนัด นึกได้แต่ว่า ไม่ได้มีรีมากในหีบคัมภีร์  ในเวลานี้ใม่มีตัวผู้เห็นของที่ทรงครั้งเมื่อทรงผนวชเปนสามเณร เปนแต่ถือตามในชั้นหลัง ที่เสดจพระอุปัชฌาย์ถวายสมเดจพระบรมโอรสาธิราชพระองค์นั้น ให้ทรงตามเสด็จ ก็สันนิษฐานว่า สำรับนี้เอง...”

ลักษณะของพัชนีเล่มนี้ ลักษณะหุ้มด้วยผ้าตาดไหม นมพัดแกะรูปช่อดอกไม้ ใต้ระบายฉัตร ด้ามงาตัน คอและส้นพัดแกะลายหน้ากระดานกรวยเชิง ปัจจุบันพัชนีเล่มนี้จัดแสดงอยู่ที่พระที่นั่งอิศเรศราชานุสรณ์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร



650