|
หัวข้อ: ก่อกองไฟผิงคลายหนาว เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 07 มกราคม 2566 16:22:20 (http://www.sookjaipic.com/images_upload/47917658587296_318795949_1529132034269138_483.jpg) (http://www.sookjaipic.com/images_upload/86307536106970_318596713_1529132110935797_515.jpg) (http://www.sookjaipic.com/images_upload/18801032793190_318482237_1529132074269134_898.jpg) (http://www.sookjaipic.com/images_upload/67777071686254_318457703_1529132147602460_753.jpg) เด็กๆ ช่วยกันหาเศษไม้แห้งมาก่อกองไฟในตอไม้ที่ตายแล้ว เพื่อผิงคลายหนาว ภาพจาก : บ้านพักสวัสดิการ กรมทหารพรานที่ ๓๖ อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ผิงไฟคลายหนาว
โย ปะนะ ภิกขุ อะคิลาโน วิสีวะนาเปกโข โชติง “อนึ่ง ภิกษุใดมิใช่ผู้อาพาธ มุ่งการผิง ติดก็ดี ให้ติดก็ดี ซึ่งไฟ เว้นไว้แต่ปัจจัยมีอย่างนั้นเป็นรูป เป็นปาจิตตีย์.” ๑.ภิกษุอาพาธ ๒.ภิกษุผิงไฟที่ผู้อื่นติดไว้ ๓.ภิกษุผิงถ่านไฟที่ปราศจากเปลว ๔.ภิกษุตามประทีปก็ดี ก่อไฟใช้อย่างอื่นก็ดี ติดไฟในเรื่องไฟก็ดี เพราะมีเหตุเห็นปานนั้น ๕.มีอันตราย (มีสัตว์ร้าย เนื้อร้าย หรืออมนุษย์มาทำร้าย) ๖.ภิกษุวิกลจริต ๗.ภิกษุอาทิกัมมิกะ ไม่ต้องอาบัติแล. ต้นบัญญัติ ภิกษุทั้งหลายก่อไฟผิงในฤดูหนาว งูร้อนออกจากโพรงไล่กัดภิกษุแตกหนีกระจายไป พระผู้มีพระภาคจึงทรงบัญญัติสิกขาบทว่า ภิกษุก่อไฟเองก็ดีใช้ให้ผู้อื่นก่อไฟก็ดี เพื่อจะผิง ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ภายหลังทรงอนุญาตให้ทำได้เมื่อเป็นไข้. (ผิงไฟที่คนอื่นเขาก่อไว้แล้ว ไม่ผิด) องค์แห่งอาบัติ ๑.ไม่เป็นไข้ ๒.ไม่มีเหตุที่พระพุทธเจ้าทรงอนุญาต ๓.ใคร่จะผิง ๔.ติดเองหรือให้ผู้อื่นติดให้โพลงขึ้น พร้อมด้วยองค์ ๔ ดังนี้ จึงเป็นปาจิตตีย์ (บุพพสิกขาวรรณนา หน้า ๒๒๖) 800/22 |