[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => ชาดก พระเจ้า 500 ชาติ => ข้อความที่เริ่มโดย: Kimleng ที่ 28 มกราคม 2566 16:55:13



หัวข้อ: พระเจ้า ๕๐๐ ชาติ เรื่องที่ ๙๓ ขุรปุตตชาดก : มนต์เสียงสัตว์
เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 28 มกราคม 2566 16:55:13

(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/13576513404647__500_320x200_.jpg)

พระเจ้า ๕๐๐ ชาติ เรื่องที่ ๙๓ ขุรปุตตชาดก
มนต์เสียงสัตว์

          ในสมัยที่พระเจ้าเสนกะ เป็นพระราชาแห่งเมืองพาราณสี ซึ่งเป็นเพื่อนรักกับนาคราชตัวหนึ่ง
          เมื่อพญานาคราชขึ้นมาจับเหยื่อกัน พวกเด็กๆ เห็นก็นึกว่าเป็นงู จึงเอาไม้และก้อนดินขว้างปา พระราชาทรงเห็นเช่นนั้นจึงได้ห้ามเด็กพวกนั้นไว้
          พญานาครู้สึกสำนึกในบุญคุณ กลับพิภพของนาคไปเอารัตนมณีต่างๆ มาทูลถวายพระราชาเพื่อตอบแทนคุณ
          ต่อมาพระราชาและพญานาคก็ได้พบกันบ่อยขึ้น
          พญานาคได้ตั้งนาคมาณวิกานางหนึ่ง ผู้ไม่อิ่มในกามคุณไว้ประจำราชสำนัก เพื่อดูแลปรนนิบัติพระราชา แล้วทูลกับพระราชาว่า “เมื่อใดที่พระราชาไม่เห็นนาคมานวิกาตนนั้นให้ร่ายมนต์บทนี้” และได้ให้มนต์ไว้กับพระราชา
          มาวันหนึ่ง ขณะที่พระราชากับนางนาคมาณวิกาลงเล่นน้ำอยู่ในสระ นางนาคเห็นงูตัวหนึ่งอยู่ในสระ นางจึงแปลงกายเป็นงู เพื่อที่จะเสพสมกับงูตัวนั้น พระราชาสงสัยว่านางนาคไปไหน จึงร่ายมนต์ดูและทรงเห็นนางนาคกับงูกำลังทำอนาจารกันอยู่ จึงตีนางนาคด้วยซีกไม้
          นางนาคโกรธพระราชามากจึงหนีกลับพิภพนาคไป
          พญานาคเห็นจึงถามว่า “เจ้ากลับมาทำไม”
          นางนาคตอบว่า “พระราชาสหายของพระองค์ทรงเฆี่ยนหม่อมฉัน”
          นาคราชไม่ทราบความจริงเป็นเช่นไร แต่สั่งการนาค ๔ ตนให้ไปยังห้องบรรทมของพระเจ้าเสนกะ แล้วพ่นพิษทำลายห้องบรรทมให้ย่อยยับเหมือนแกลบ
          นาคทั้ง ๔ รับคำสั่งแล้วก็พากันไป พอถึงห้องบรรทมพระราชาก็ได้ยินพระราชาตรัสถามพระเทวีว่า “น้องหญิงรู้ที่อยู่ของนางนาคมาณวิกาไหม วันนี้นางได้กลายเป็นงู และทำอนาจารกับงูตัวหนึ่ง เมื่อตอนเล่นน้ำกับเราในสระ เราจึงใช้ซีกไม้ตีหลังนางเพื่อเป็นการสั่งสอน นางจึงหนีกลับไปยังพิภพของนาง และนางอาจกลับไปทูลความเท็จกับสหายของเรา แล้วทำลายมิตรภาพของเราเสีย ภัยนี้อาจเกิดขึ้นแก่เราก็ได้”
          นาคทั้ง ๔ ได้ฟังเช่นนั้นจึงกลับไปทูลเนื้อความกับนาคราช
          พญานาคได้รู้ถึงความจริงแล้วได้เสด็จมายังห้องบรรทมของพระราชา แล้วทูลให้ทราบความจริงและขอขมาพระองค์ จากนั้นจึงถวายมนต์บทหนึ่งให้แก่พระราชา ชื่อว่า สรรพรุตชนนะ คือมนต์รู้เสียงของสัตว์ทุกชนิด แล้วทูลว่า “ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท มนต์บทนี้หาค่ามิได้ ถ้าพระองค์จะประทานให้ใคร จะต้องเสด็จเข้ากองไฟสวรรคต”
          พระราชรับสั่งกับพญานาคว่าดีแล้ว ต่อแต่นั้นมาแม้กระทั่งมดตัวน้อยนิด พระองค์ก็ยังได้ยินเสียง
          พระราชาได้ยินเสียงของบรรดาสรรพสัตว์ต่างๆ แล้วทรงอารมณ์ขัน พระเทวีประทับอยู่ใกล้ๆ ทรงดำริว่า “พระราชาทรงเห็นอะไรหนอ จึงทรงพระสรวล”
          เมื่อพระราชาทรงเห็นเหตุการณ์ต่างๆ และหัวเราะบ่อยเข้า พระเทวีก็รบเร้าให้ตอบ บ่อยเข้า ภายหลังจึงทูลขอพระองค์ว่า “ให้พระองค์ทรงประทานมนต์บทนี้ให้แก่หม่อมฉันด้วย พระเทวีทรงรบเร้าบ่อยๆ พระราชาจึงตรัสว่า ถ้าเราจะให้มนต์นั้น เราก็จะต้องตาย”
          พระนางกราบทูลว่า “ถึงแม้พระองค์จักสิ้นพระชนม์ ก็จงให้มนต์แก่หม่อมฉัน”
          พระราชาทรงตกอยู่ในอิทธิพลของผู้หญิง ทรงตัดสินพระทัยว่า จะให้มนต์แก่พระเทวี แล้วจึงจะเข้ากองไฟ
          ในขณะนั้นพระอินทร์ทรงมองเห็นเหตุการณ์ คิดจะช่วยให้ชีวิตแก่พระราชา จึงสร้างเหตุการณ์ขึ้นมา  พระราชาทรงมองเห็นนางสุชาเป็นแพะตัวเมีย ส่วนพระอินทร์เป็นแพะตัวผู้ แล้วทรงอธิษฐานว่า ขออย่าให้มหาชนเห็น นอกจากพระราชาและม้า
          พระราชามองเห็นแพะตัวผู้ทำท่าจะเสพเมถุนกับแพะตัวเมีย ม้าเทียมรถพระราชาจึงพูดขึ้นว่า เพื่อนเอ๋ย เมื่อก่อนเขาเล่ากันว่าพวกแพะโง่ ไม่มีความละอายและไม่เห็นเรื่องนั้น แต่แกกำลังทำอนาจารที่จะต้องทำในที่ลับ นี่มีพวกเรากำลังดูอยู่ แกไม่ละอาย   แพะได้ฟังจึงกล่าวว่า “แกนั่นแหละโง่” แกถูกเชือกรัดคอไว้ มีริมฝีปากเบี้ยว มีเชือกมัดปากไว้ ถูกปลดจากแอกแล้วยังไม่หนีไป สหายเอ๋ย พระเจ้าเสนกะที่แกลากไปนั่นแหละโง่กว่าแก”
          ฝ่ายม้าสินธพได้ฟังคำของแพะแล้วจึงกล่าวว่า “สหายแพะ ข้าโง่เพราะเหตุใด  เหตุนั้นแกก็รู้ แต่พระเจ้าเสนกะโง่เพราะเหตุใด เจ้าจงบอกให้ข้าฟังหน่อยซิ”
          แพะตอบว่า “พระเจ้าเสนกะ ให้มนต์แก่ภรรยานั้น เมื่อให้แล้วก็จะสละตนกระโดดเข้ากองไฟ ก็จะเสียภรรยาไป และเป็นผู้ไม่สามารถรักษายศไว้ได้ ดังนั้นจึงเป็นผู้โง่กว่าแก”
          พระราชาได้ฟังแล้วจึงตรัสถามแพะว่า “ถ้าอย่างนั้นเราควรจะทำอย่างไร” 
          แพะจึงทูลว่า “ข้าแต่มหาราช ไม่มีผู้ชื่อว่ารักสัตว์อื่นมากกว่าตน ทุกคนไม่ควรทำตนให้พินาศ ไม่ควรละทิ้งยศศักดิ์ที่ได้แล้ว เพียงเพราะรักอย่างเดียว   ข้าแต่จอมนรชน ผู้เช่นกันกับพระองค์ทรงทอดอาลัยตนไม่คบหาของรักทั้งหลาย ตนเท่านั้นประเสริฐที่สุด ผู้ที่มีตนสั่งสมบุญไว้ จะพึงได้หญิงที่รักมากมายในภายหลัง”
          พระราชาทรงพอพระทัย จึงตรัสถามแพะว่ามาจากไหน
          ท้าวสักกะเทวราชทรงตรัสตอบว่า “ข้าแต่มหาราช เราคือท้าวสักกะ ลงมาเพื่อจะปลดเปลื้องจากความตาย”
          “ข้าพระองค์ได้ลั่นวาจาไปแล้วว่าจะให้มนต์แก่พระเทวี บัดนี้ข้าพระองค์ควรทำอย่างไรดี” พระราชากล่าวถาม
          “ท่านจงบอกกับพระราชเทวีว่าต้องมีข้อปฏิบัติก่อนจะเรียนมนต์ โดยการถูกเฆี่ยนหลัง ๑๐๐ ครั้ง และห้ามร้องเสียงดัง”
          พระราชากลับไปถึงราชอุทยาน จึงตรัสกับพระเทวีว่า ถ้าน้องหญิงอยากเรียนมนต์ ต้องทำตามข้อปฏิบัติก่อน คือ ต้องถูกเฆี่ยนหลัง ๑๐๐ ครั้ง และห้ามร้องด้วย
          พระนางทรงรับดำรัส เพราะต้องการมนต์
          พระราชาตรัสสั่งให้เพชฌฆาตมารับหวายไปเฆี่ยนหลังของพระเทวีทั้ง ๒ ข้าง
          พระนางทรงทนการเฆี่ยนได้ ๒-๓ ครั้ง แล้วร้องบอกกับพระราชาว่า “หม่อมฉันไม่เรียนแล้วเพคะ”
          จากนั้นพระราชาทรงกล่าวกับพระนางว่า “นางประสงค์จะเรียนมนต์เพื่อให้เราตายมันถูกต้องไหม และได้ถลกหนังที่พระขนองของพระนางเทวี ตั้งแต่นั้นพระนางเทวีไม่กล้ากราบทูลที่จะเรียนมนต์อีกเลย 
 

นิทานชาดกเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
“ไม่ควรทำตนให้พินาศ เพราะความรัก”

พุทธศาสนสุภาษิตประจำเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
เปมโต ชายเต โสโก    เปมโต ชายเต ภยํ
เปมโต วิปฺปมุตฺตสฺส   นตฺถิ โสโก กุโต ภยํ

เมื่อไม่มีความรักเสียแล้ว  โศกภัยก็ไม่มี (๒๕/๒๑๓)


ที่มา : นิทานชาดกจากพระไตรปิฎก : พระเจ้า ๕๐๐ ชาติ ฉบับสมบูรณ์ จัดพิมพ์เผยแพร่ธรรมโดย ธรรมสภา สถาบันบันลือธรรม