[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

ถาม: อาหารมังสวิรัติคืออะไร? แตกต่างจากอาหารเจ แมคโครไบโอติค และอาหารชีวจิตอย่างไร? มีข้อดี ข้อเสียอย่างไร? อยากเป็นนักมังสวิรัติ จะเริ่มกินอย่างไรดี
ตอบ: อาหารมังสวิรัติคือ อาหารที่ปราศจากเนื้อสัตว์ และผลิตภัณฑ์ หรือชิ้นสวนใดๆ ของสัตว์ นักมังสวิรัติแบ่งเป็น ๔ แบบ
๑. นักมังสวิรัติแบบกินนมและไข่ด้วย (Lacto-ovo Vegetarian)
๒. นักมังสวิรัติแบบดื่มนมด้วย (Lacto-Vegetarian)
๓. นักมังสวิรัติแบบบริสุทธิ์ (Vegetarian) ซึ่งเคร่งครัดมาก ไม่กิน และไม่แตะต้อง เนื้อ นม ไข่เลย
๔. นักมังสวิรัติแบบกินผัก ผลไม้ และธัญพืชเท่านั้น (Fruitarian)
ส่วนมาก คนจะเริ่มต้นเป็นนักมังสวิรัติแบบที่ ๑ และ ๒, ๓, ๔ ตามลำดับ หรือแบบเลือกเขี่ย อาหารพวกเนื้อสัตว์ออกไป เพราะว่า อาจต้องใช้เวลาปรับเปลี่ยนตัวเอง จึงจะเป็นนักมังสวิรัติแบบเคร่งครัด หรือนักปฏิบัติธรรม ถือศีลกินเจได้อย่างสมบูรณ์แบบ
อาหารมังสวิรัติ แตกต่างจากอาหารเจ ที่อาหารมังสวิรัติไม่ได้ห้ามพืชผัก ที่มีกลิ่นฉุน เช่น กระเทียม หัวหอม กุยช่าย หลักเกียว (กระเทียมโทนหัวใหญ่) และใบยาสูบ คนจีนเชื่อว่า อาหารต้องห้ามเหล่านี้ จะทำลาย และรบกวนอวัยวะในร่างกาย อาหารเจ จะมีความเคร่งครัดในการปรุงด้วยว่า ภาชนะที่ใช้ จะต้องบริสุทธิ์มาก คือ ไม่ปนเปื้อน หรือใช้ทำอาหารประเภทเนื้อสัตว์ มาก่อนด้วย
อาหาร มังสวิรัติ เป็นอาหารที่ปราศจากเนื้อสัตว์ ไม่มีรูปแบบเฉพาะ เป็นคำกลางๆ แตกต่างจากแนวทาง ของแมคโครไบโอติก ซึ่งเน้นไปทางอาหารที่สมดุล มีคุณสมบัติเป็นทั้งหยิน (หยิน=หดเข้า) และหยาง (ร้อน ๆ = ขยายออก) แตกต่างจากอาหารชีวจิต ซึ่งเน้นทางเสริมสร้างสุขภาพ หลีกเลี่ยงสารเคมี สารพิษ สารกันบูด ทั้งแมคโครไบโอติก และชีวจิต ไม่ส่งเสริมการกินเนื้อสัตว์ นม ไข่ (ยกเว้นเนื้อปลา ซึ่งรับประทานได้เป็นครั้งคราว) นอกจากนี้ ยังมีการดูแล และส่งเสริมสุขภาพ ด้านจิตใจ การฝึกสมาธิ การออกกำลังกาย และการขับล้างพิษอีกด้วย

ไม่ว่า คุณจะกินอาหารเพื่อสุขภาพแบบใด ทุกชนิดดีหมด ข้อสำคัญ เราจะต้องหลีกเลี่ยง ละ เลิก และงดเว้นอาหารพวกเนื้อสัตว์ โดยเฉพาะ วัว ควาย หมู เป็ด ไก่ และอาหารทะเล ซึ่งมักปนเปื้อนด้วยสารเคมี สารพิษ ที่ดูดซับ และสะสมมากกว่าในพืช ผัก ผลไม้ หลายเท่า
การเริ่มต้น เป็นนักมังสวิรัติ ที่มีสุขภาพดี จำเป็นจะต้องศึกษา หาความรู้ด้านโภชนาการ ของอาหารมังสวิรัติ ให้เข้าใจหลักการ และอุดมการณ์อย่างแน่วแน่เสียก่อน โดยการอ่านหนังสือ การฟังจากผู้รู้ และการคิด พิจารณา อย่างมีเหตุผล เมื่อเข้าใจ ยอมรับในหลักการ จึงลงมือปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง และจริงจังต่อไป ถาม: อาหารมังสวิรัติ มีโปรตีน และสารอาหารครบถ้วน และเหมาะสมกับเด็กหรือไม่
ตอบ: การกินอาหารมังสวิรัติให้ถูกต้อง ครบถ้วนตามหลักโภชนาการคือ กลุ่มธัญพืช มีข้าวกล้อง (ข้าวเจ้าหรือข้าวเหนียว) หรือข้าวสาลี กลุ่มถั่ว กลุ่มผัก และกลุ่มผลไม้ ในอัตราส่วนที่เหมาะสมคือ ข้าวกล้องหรือธัญพืช ๔๐% (แหล่งคาร์โบไฮเดรต) ถั่วและเมล็ดพืช ๒๐% (แหล่งของโปรตีน ไขมัน และแร่ธาตุ) ผักและผลไม้ ๓๕% (แหล่งของวิตามิน และแร่ธาตุ) และให้อาหารในแต่ละกลุ่ม มีความหลากหลายชนิด รับรองได้ว่า จะไม่ขาดสารอาหาร พวกโปรตีน วิตามิน แร่ธาตุ อย่างเด็ดขาด ร่างกายจะได้ของดี ซึ่งเป็นสารอาหาร ได้แก่ กรดอะมิโน น้ำตาล ไขมัน วิตามิน และแร่ธาตุที่จำเป็นทุกชนิด อย่างครบถ้วนแน่นอน และยังได้สารธรรมชาติเพื่อสุขภาพ ที่เรียกว่า Phytochemicals ซึ่งสามารถต่อต้าน และป้องกันการเกิดโรคเรื้อรัง ที่เป็นแล้วหายยากได้ดีด้วย
เด็กที่กินอาหารมังสวิรัติ อย่างถูกต้อง มาตั้งแต่กำเนิด จะเจริญเติบโตได้สัดส่วน แข็งแรง มีสติปัญญาดี เหมือนกับผู้ที่กินอาหารเนื้อสัตว์ทั่วไป ซึ่งมีตัวอย่างให้เห็นมากมาย หลายครอบครัว แสดงว่า อาหารมังสวิรัติที่สมบูรณ์ จะสร้างเสริมสุขภาพของเด็ก และเยาวชนได้ด้วย
ถาม: ฉันอยากจะหยุดทานเนื้อสัตว์บ้าง แต่กลัวจะขาดสารอาหาร จะทำอย่างไรดี?
ตอบ: เป็นความคิดที่ดีทีเดียว ที่คุณคิดจะเลิกทานเนื้อสัตว์ ง่ายนิดเดียว ก่อนอื่น คุณควรจะทำความเข้าใจเสียใหม่ว่า แท้จริงแล้ว ร่างกายของคนเรา แทบไม่มีความต้องการ สารอาหารเนื้อสัตว์ และผลิตภัณฑ์จากสัตว์เลย สารอาหารที่ร่างกายต้องการ ในปริมาณพอเหมาะ แม้กระทั่งกรดอะมิโน ซึ่งเป็นสารประกอบที่จำเป็นนั้น ก็สามารถได้รับ จากการรับประทานพืชผัก ฟังดูแล้ว แทบไม่น่าเชื่อว่า จะเป็นไปได้ แต่เรามีหลักฐานมากพอ ที่จะยืนยันได้ว่า มังสวิรัตินั้น เป็นอาหารที่เหมาะ แก่มวลมนุษยชาติที่สุด! เมื่อลองเปรียบเทียบ กับผู้ที่นิยมเนื้อสัตว์ นักมังสวิรัติมีอัตราเสี่ยง ในการเป็นโรคเรื้อรัง อาทิ มะเร็ง โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง และโรคกระดูกผุได้น้อยกว่า ยิ่งไปกว่านั้น ผลจากการศึกษาค้นคว้า และวิจัย ได้แสดงให้เห็นว่า ภาวะหลอดเลือดตีบตัน (atherosclerosis) ซึ่งเป็นสาเหตุ ของโรคหัวใจล้มเหลว และภาวะที่ โลหิตไปเลี้ยงสมองไม่พอ (stroke) สามารถต่อต้านได้ จากการรับประทานแต่พืช จริงๆ แล้ว คนในทุกระดับอายุ ไม่ว่าเด็ก ผู้ใหญ่ หรือแม้แต่หญิงมีครรภ์ และนักกีฬาก็ตาม เมื่อรับประทานแต่ผลิตภัณฑ์จากพืช จะมีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ กันทุกคน แถมยังมีอายุยืนนานอีกด้วย มีผลการวิจัยอีกมากมาย สนับสนุนว่า อายุนักมังสวิรัติ จะยืนกว่าผู้ที่รับประทานเนื้อสัตว์ ถึงสิบปีหรือมากกว่านั้น

ถาม: พี่สาวของข้าพเจ้า เป็นนักมังสวิรัติเช่นกัน แต่เธอยังคงทานอาหาร ที่ทอดด้วยน้ำมันจนชุ่ม เกลือ แป้ง และขนมหวานในปริมาณมาก เช่นนี้แล้ว สุขภาพของเธอจะดีได้อย่างไรกัน?
ตอบ: ถึงแม้ว่า พี่สาวของคุณ จะไม่ทานเนื้อสัตว์ แต่วิถีในการเลือกรับประทานของเธอ ยังไม่ถูกต้อง อย่างนี้แล้ว สุขภาพของเธอก็จะแย่ ไม่แตกต่างอะไร กับผู้ทานเนื้อสัตว์ นักมังสวิรัติที่ดี ควรจะเอาใจใส่ ในการเลือกรับประทานอาหาร ที่ให้สารสำคัญครบถ้วน และในปริมาณที่เหมาะสมด้วย ซึ่งควรจะประกอบด้วย ผักผลไม้สด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผักใบเขียว พืชตระกูลถั่ว รวมถึงเมล็ดพืชด้วย ทุกอย่างที่กล่าวมา ควรจะมีครบ ในอาหารแต่ละมื้อ สำหรับผู้ที่ยังต้องการ ผลิตภัณฑ์จากสัตว์อยู่ อนุญาตให้ทานไข่ได้ สัปดาห์ละสองฟอง และนมไขมันต่ำ เนย โยเกิร์ตได้ จริงๆ แล้ว การทานมังสวิรัติ ไม่ใช่เรื่องยากเลย และไม่จำเป็นต้อง คำนวณปริมาณสารอาหาร ให้ยุ่งยาก คุณสามารถรับประทานได้มาก ตามที่ต้องการ แต่เน้นรับประทาน แต่ผลิตภัณฑ์จากพืชผัก และผลไม้สดเท่านั้น!
ถาม: อาหารจากพืชผักดีต่อสุขภาพอย่างไร?
ตอบ: จากการเลือกรับประทานอาหาร ให้ถูกต้อง หลีกเลี่ยงอาหารที่ไม่มีประโยชน์ นักมังสวิรัติ จะมีสภาพร่างกายที่ทนทาน แข็งแกร่งกว่าคนทั่วไป ยิ่งไปกว่านั้น การบริโภคอาหาร จำพวกไขมัน และโปรตีนในปริมาณสูง จากเนื้อสัตว์ เปรียบเสมือนเร่งให้ร่างกาย มีการเผาผลาญอยู่ตลอดเวลา ในที่สุด ก็จะเกิดโรคเรื้อรังตามมาอย่างมากมาย
ถาม: กรุณาอธิบายให้แจ้งชัดว่า เหตุใดนักมังสวิรัติ จึงมีสภาพร่างกายที่แข็งแรง สามารถต่อต้านกับโรคภัยไข้เจ็บ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ?
ตอบ: นอกจากการมีไขมันอิ่มตัว และโปรตีนในปริมาณสูงแล้ว ผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์ อาจจะมีฮอร์โมน เร่งการเจริญเติบโต (Growth Hormone) ยาปฏิชีวนะ, ยาคลายกังวล, สารกระตุ้นต่างๆ, แบคทีเรียและสารพิษ ที่อาจเกิดขึ้น ระหว่างกระบวนการผลิต กระบวนการเลี้ยงดู และให้นมสัตว์เหล่านั้น เหตุนี้ นักมังสวิรัติ จึงรอดพ้นจากสารพิษเหล่านี้ ได้อย่างสบายใจ และร่างกายไม่ต้องทำงานหนัก เนื่องจากการต้องเผาผลาญโปรตีน และไขมันจากเนื้อสัตว์ ที่ต้องใช้พลังงานมาก, อีกทั้ง ยังไม่ต้องรบรา กับสารพิษมากมาย ที่สะสมอยู่อีกด้วย ดังนั้น นักมังสวิรัติ จึงมีพลังงานเหลือเฟือ ที่จะใช้ทำงาน และต่อสู้กับโรคภัยต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ถาม: ถ้าจริงดังที่กล่าวมา คุณมีอะไรมายืนยันถึงข้อดีเหล่านั้น?
ตอบ: มีนักวิจัยชาวเยอรมัน ได้ทำการศึกษา เปรียบเทียบการทำงาน ของเม็ดเลือดขาว (WBC) ระหว่างนักมังสวิรัติ และผู้ที่ไม่ได้ทานมังสวิรัติ ผลปรากฏว่า ระบบภูมิคุ้มกันของนักมังสวิรัติ จะมีความแข็งแรงกว่า และมีประสิทธิภาพ ในการทำลายเซลล์มะเร็ง ได้มากกว่าถึงสองเท่าเลยทีเดียว ดังนั้น ผู้ที่รับประทานมังสวิรัติ จึงน่าจะมีความเสี่ยง ในการตกเป็นเหยื่อของมะเร็งร้าย ได้น้อยกว่าผู้รับประทานเนื้อสัตว์

ถาม: แต่ถ้าเราทานเนื้อสัตว์ที่ได้จากธรรมชาติ โดยที่ไม่ได้ผ่านกระบวนการต่างๆ จากโรงงานล่ะ?
ตอบ: คำถามนี้น่าสนใจ หากคุณคิดว่า สัตว์ที่เลี้ยงมาไว้ฆ่า เพื่อเป็นอาหารสำหรับมนุษย์ โดยที่มิได้รับฮอร์โมน เร่งการเจริญเติบโต Growth Hormone),ยาปฏิชีวนะ, สารเคมีต่างๆ สามารถเป็นอาหารที่ดีได้ คุณคิดผิดแล้วล่ะ อย่างไรก็ตาม เนื้อสัตว์ก็ยังคงไม่ใช่อาหาร ที่เหมาะกับสุขภาพมนุษย์อยู่ดี มีหลายเหตุผล ที่เราควรจะหลีกเลี่ยงการทานเนื้อสัตว์ อย่างแรกเลยก็คือ มนุษย์นั้น ไม่จำเป็นที่ต้องได้รับ สารอาหารจากสัตว์ สารที่จำเป็นทั้งหลายนั้น สามารถได้รับจากพืชทั้งหมด อย่างที่สองก็คือ เนื้อสัตว์ แม้แต่ปลา หรือพวกเป็ดไก่ก็ตาม ล้วนเต็มไปด้วยคอเลสเตอรอล และไขมัน ซึ่งจะทำให้เกิดการพอกพูน ของไขมันอิ่มตัว และแข็งตัวของไขมัน ตามเส้นเลือดของเราได้ จึงไม่น่าสงสัยเลยว่าเหตุใดในทุก ๆ สองนาที จะมีประชากรบนพื้นโลกล้มเจ็บ และตายจากผลเหล่านี้ และประการสุดท้าย โปรตีน ซึ่งมีปริมาณสูงมาก จะสะสมในกล้ามเนื้อของสัตว์ ที่มนุษย์ชอบกินกันนักหนานั้น เมื่อทำการผ่าชิ้นเนื้อพิสูจน์ ก็พบว่า มีโปรตีนปริมาณมาก สะสมในผู้ที่เป็นโรคกระดูกผุ ซึ่งชี้ให้เห็นว่า การรับประทานเนื้อสัตว์ เป็นสาเหตุ ของการทำให้กระดูกในร่างกาย ต้องเสียแร่ธาตุพวกแคลเซียม จึงเปราะบาง และแตกหักได้ง่ายในที่สุดประโยชน์ของอาหารมังสวิรัติ


http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=7star&month=14-09-2008&group=1&gblog=8 (http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=7star&month=14-09-2008&group=1&gblog=8)