[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

นั่งเล่นหลังสวน => สุขใจ ห้องสมุด => ข้อความที่เริ่มโดย: ใบบุญ ที่ 16 มีนาคม 2566 11:54:34



หัวข้อ: ถังไท่จง ขอดูบันทึกประวัติศาสตร์ กลัวบันทึกเรื่องเลวร้าย (?) ของตนเอง
เริ่มหัวข้อโดย: ใบบุญ ที่ 16 มีนาคม 2566 11:54:34
(https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/b/b6/TangTaizong.jpg/800px-TangTaizong.jpg)

ถังไท่จง “แหกกฎ” ขอดูบันทึกประวัติศาสตร์ กลัวบันทึกเรื่องเลวร้าย (?) ของตนเอง

ผู้เขียน - วิภา จิรภาไพศาล
เผยแพร่ - ศิลปวัฒนธรรม วันพุธที่ 15 มีนาคม พ.ศ.2566


ราชวงศ์ถัง เป็นหนึ่งในยุคที่รุ่งเรืองของจีน หากดูพระนามจักรพรรดิในราชวงศ์ถังแล้ว “ถังไท่จง” คือหนึ่งในจักรพรรดิที่สร้างชื่อเสียงในราชวงศ์ สร้างคุณูปการให้กับประเทศ หากจักรพรรดิถังไท่จง (หลี่ซื่อหมิน) คือผู้นำสูงสุดเพียงไม่กี่พระองค์ที่ “แหกกฎ” ขอดูบันทึกประวัติศาสตร์ ซึ่งถือเป็นข้อห้ามในการบันทึกประวัติศาสตร์ของจีน เนื่องจากเหตุ “การสังหารที่ประตูเสวียนอู่”

การสังหารที่ประตูเสวียนอู่ เป็นเรื่องที่เกิดก่อนที่จะขึ้นครองราชย์ ขณะนั้นจักรพรรดิถังเกาจู พระราชบิดา ได้ตั้งหลี่เจี้ยนเฉิง-พระโอรสองค์โตเป็นรัชทายาท และตั้งหลี่ซื่อหมิน-อุปราช หากหลี่ซื่อหมินมีผลงานโดดเด่นกว่า คบหาคนมีฝีมือหลากหลาย ทำให้หลี่เจี้ยนเฉิงไม่วางใจ จึงร่วมกับหลี่หยวนจี-น้องชาย วางแผนลอบสังหารหลี่ซื่อหมิน แต่ข่าวล่วงถึงหลี่ซื่อหมิน จึงตลบหลังสังหารพี่ชายและน้องชายสำเร็จที่ประตูเสวียนอู่ และครองแผ่นดิน ซึ่งนี่เป็นเรื่องที่ถังไท่จงกังวลใจอย่างมาก

การฆ่าพี่ฆ่าน้องเป็นเรื่องเลวร้าย แต่ที่เลวร้ายกว่าคือเมื่อมันบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์

ด้วยการบันทึกประวัติศาสตร์ของจีน ไม่ใช่การบันทึกเพื่อเฉลิมพระเกียรติ แต่เป็นการบันทึกตามเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้น ทั้งเรื่องที่เป็นเกียรติยศ และเรื่องที่บกพร่อง โดยอาลักษณ์คนหนึ่งจะบันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขณะที่อีกคนจะบันทึกคำพูด

เพื่อให้ข้อมูลดังกล่าวเที่ยงตรงที่สุด จึงมีขนบว่าจักรพรรดิจะก้าวก่ายขอดูบันทึกเรื่องราวในรัชกาลของพระองค์ไม่ได้ เพื่อให้อาลักษณ์ทำหน้าที่ได้เต็มที่อย่างไม่ต้องกังวล และไม่ให้มีการใช้อำนาจบิดเบือนข้อมูลตามใจชอบ (แน่นอนว่าในทางปฏิบัติอาจไม่ได้เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์)

อาจารย์ถาวร สิกขโกศล นักวิชาการจีนวิทยา ช่วยอธิบายเพิ่มในเรื่องนี้ว่า การบันทึกประวัติศาสตร์ของจีนในลักษณะข้างต้นเริ่มมีตั้งแต่สมัยราชวงศ์โจว (579 ปีก่อนพุทธศักราช-พ.ศ.322) ด้วยเห็นความล้มเหลวของราชวงศ์ซาง (1,223-579 ปีก่อนพุทธศักราช) จึงต้องการใช้ประวัติศาสตร์เป็นบทเรียน นอกจากบันทึกเรื่องของบุคคลสำคัญ ยังบันทึกเรื่องธรรมชาติเพื่อรวบรวมข้อมูลทำปฏิทิน และช่วยเรื่องการเกษตร

กลับมาที่เรื่องของ “ถังไท่จง” อาจารย์ถาวรเล่าว่า พระองค์เคยขอดูบันทึกประวัติศาสตร์ หรือ จดหมายเหตุพระราชกิจรายวัน ในรัชกาลของพระองค์ ถึง 3 ครั้ง

ครั้งแรก ถูกอาลักษณ์ปฏิเสธ ถังไท่จงก็ไม่กล้าดึงดัน ล้มเลิกความตั้งใจ

ครั้งที่ 2 ถูกอาลักษณ์ปฏิเสธเช่นเดิม หากถังไท่จงยืนยันเจตนารมณ์ แต่ฉู่ซุ่ยเหลียง ตำแหน่งมนตรีทักท้วง และประธานบันทึกจดหมายเหตุพระราชกิจรายวัน และหลิวจี-ปลัดกรมขันที ทักท้วงว่า ไม่เคยมีธรรมเนียมที่จักรพรรดิจะมาขอดูบันทึกประวัติศาสตร์ในรัชกาลของพระองค์เอง

ถังไท่จง จึงถามว่าเรื่องไม่ดีงามที่พระองค์เคยทำก็บันทึกด้วยหรือไม่

ฉู่ซุ่ยเหลียง ยืนยันว่าเป็นหน้าที่ที่จะต้องบันทึกเรื่องราวต่างๆ ทุกเรื่อง ทั้งกล่าวเปรียบจักรพรรดิก็เหมือนกับดวงอาทิตย์ดวงจันทร์ที่ยิ่งใหญ่และให้แสงสว่าง แต่บางครั้งก็เกิด “คราส”(สุริยคราส, จันทรคราส) ได้เป็นเรื่องปกติ

ขณะที่หลิวจี กล่าวเสริมว่า แม้อาลักษณ์ไม่บันทึก (เรื่องไม่ดีงามของพระองค์) ราษฎรก็บันทึก (บันทึกไว้ในใจ และบันทึกไว้ในปูมประจำตระกูล ที่นอกจากบันทึกเรื่องสำคัญในครอบครัว ยังบันทึกเหตุการณ์สำคัญของบ้านเมือง)

เมื่อเป็นเช่นนี้ถังไท่จงจึงล่าถอยกลับไป

ครั้งที่ 3 อาลักษณ์ยังคงปฏิเสธไม่ให้ดูเช่นเดิม หากถังไท่จงยืนยันหนักแน่นว่าจะต้องดูให้ได้ สุดท้ายฝั่งเสี่ยนหลิง-นายกรัฐมนตรี จึงจำยอมผ่อนผัน โดยแจ้งกับถังไท่จงว่า เมื่อพระองค์มาดูจดหมายเหตุพระราชกิจรายวันในรัชกาลของพระองค์ อาลักษณ์ก็จะต้องบันทึกว่าพระองค์เคยมาขอดู  

เมื่อถังไท่จงได้ดูบันทึกประวัติศาสตร์ในรัชกาลของพระองค์ ก็มีเรื่อง “การสังหารที่ประตูเสวียนอู่” จริง ดังที่พระองค์ทรงวิตก หากก็ทรงแก้เก้อว่าอาลักษณ์บันทึกเหตุการณ์ดังกล่าวเบาเกินไป และกล่าวว่าพระองค์ก็ทำเหมือนกับโจวกง (ขุนนางคนสำคัญในสมัยราชวงศ์โจว) ที่ต้องฆ่าพี่ฆ่าน้องที่ก่อกบฏเพื่อรักษาความสงบของบ้านเมือง

อย่างไรก็ตามการที่ถังไท่จงขอดู “จดหมายเหตุพระราชกิจรายวัน” ซึ่งบันทึกประวัติศาสตร์ในรัชกาลของพระองค์ ทำให้นักวิชาการรุ่นหลังไม่ให้ความน่าเชื่อถือในเอกสารประวัติศาสตร์ของราชวงศ์ถัง โดยเฉพาะตั้งแต่รัชกาลของถังไท่จงลงมา