[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

นั่งเล่นหลังสวน => สุขใจ ร้านน้ำชา => ข้อความที่เริ่มโดย: สุขใจ ข่าวสด ที่ 11 กันยายน 2566 23:08:06



หัวข้อ: [ข่าวมาแรง] - 'เศรษฐา' ยัน Digital Wallet ยังคงรัศมี 4 กิโลฯ ตามบัตรปชช. - ‘สส.ก้าวไกล’ ติง 5 ประเด็นแก้ไม
เริ่มหัวข้อโดย: สุขใจ ข่าวสด ที่ 11 กันยายน 2566 23:08:06
'เศรษฐา' ยัน Digital Wallet ยังคงรัศมี 4 กิโลฯ ตามบัตรปชช. - ‘สส.ก้าวไกล’ ติง 5 ประเด็นแก้ไม่ถูกจุด
 


<span class="submitted-by">Submitted on Mon, 2023-09-11 21:13</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>'เศรษฐา' ยัน Digital Wallet ยังคงรัศมี 4 กิโลฯ ตามบัตรปชช. ระบุรัฐบาลตั้งเป้าหมายเศรษฐกิจโต 5%ตลอด 4 ปี ค่าแรง 600 บ. ปริญญาตรี 25,000 บ. มาแน่  ด้าน ‘สส.ก้าวไกล’ ติง 5 ประเด็น ‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ แก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่ถูกจุด เสี่ยงเป็นภาระการคลัง สร้างหนี้คนรุ่นหลังต้องชดใช้ แนะนายกฯ ทบทวน-ชี้แจงข้อสงสัยให้ประชาชนกระจ่าง ก่อนเดินหน้านโยบาย</p>
<p> </p>
<p>11 ก.ย.2566 ภายหลังจาก เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรีต่อรัฐสภา ที่ห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎร อาคารรัฐสภา ช่วงสายของวันนี้ (11 ก.ย.) แล้ว ต่อมาสมาชิกรัฐสภาร่วมอภิปรายในหลายนโยบาย จากนั้น เวลา 17.30 น. เศรษฐากล่าวชี้แจงต่อที่ประชุม โดยขอบคุณทุกความเห็นที่ให้คำแนะนำจากสมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ได้มอบให้กับรัฐบาลในวันนี้ ในการดำเนินนโยบายของรัฐบาลจะยึดโยงกับประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง และประชาชนของรัฐบาลนี้ ครอบคลุมคนทุกกลุ่ม ทั้งคนเมือง คนต่างจังหวัด คนทุกฐานะ ภาคเอกชน ข้าราชการ อย่างเท่าเทียมและทั่วถึง โดยยืนยันในเรื่องนโยบายการปรับแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า รัฐบาลจะไม่แก้ไขหมวด 1 และหมวด 2 ว่าด้วยเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ จะดำรงซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข </p>
<p>นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงเรื่องการพักหนี้ของเกษตรกร ตลอด 9 ปีที่ผ่านมีการพักหนี้แล้ว 13 ครั้ง ตามที่มีสมาชิกเป็นห่วงว่าการพักหนี้ไม่ใช่การแก้ไขอย่างยั่งยืน รัฐบาลตระหนักดีในเรื่องนี้ จึงมีมาตรการหลายอย่างเพื่อเพิ่มรายได้ เช่น การทำให้รายได้เกษตรกรเพิ่มขึ้น 3 เท่าภายในเวลา 4 ปี ด้วยการใช้การตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้ ควบคู่ไปกับการพักหนี้เพื่อทำให้เกษตรกรหายใจได้ ลืมตาอ้าปากได้ เป็นช่วงที่เกษตรกรฟื้นฟูตัวเอง ทำให้มีกำลังใจในการกลับมาแก้ไขปัญหา ประกอบอาชีพอย่างมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี ซึ่งรัฐบาลคาดว่าการพักหนี้ครั้งนี้จะทำประโยชน์มากกว่าการพักหนี้ที่เกิดขึ้นในอดีต 9 ปีที่ผ่านมา</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">ยัน Digital Wallet ยังคงรัศมี 4 กิโลฯ ตามบัตรปชช.</span> </h2>
<p>นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงเรื่องรัศมี 4 กิโลเมตรของ Digital Wallet ว่า เรื่องนี้เป็นสิ่งที่รัฐบาลตระหนักเป็นอย่างดีว่าในชนบทอาจจะมีร้านค้าไม่เพียงพอ โดยรัฐบาลจะไปดูรายละเอียดและดำเนินงานให้เหมาะสมอีกครั้งหนึ่งตามคำแนะนำของสมาชิก ส่วนเรื่องระยะเวลาการใช้ 6 เดือนเป็นสิ่งที่จำเป็น รัฐบาลต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงระยะสั้น เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ เพราะฉะนั้นระยะเวลาในการใช้เงินจำนวนนี้เป็นเรื่องที่รัฐบาลให้ความสำคัญอย่างมาก </p>
<p>สำหรับข้อเสนอของสมาชิกที่อยากให้ยกเลิกการใช้รัศมี 4 กิโลเมตร นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เศรษฐกิจภูมิภาคต้องการการกระตุ้น คนที่มีถิ่นฐานอยู่ที่จังหวัดใดควรกลับไปใช้ที่จังหวัดนั้น มีระยะเวลาการใช้ 6 เดือน การกลับไปเยี่ยมญาติพี่น้อง ทำให้สถาบันครอบครัวแข็งแกร่งขึ้น เพราะฉะนั้นเรื่องรัศมี 4 กิโลเมตรตามบัตรประชาชน ขอคงไว้ ยกเว้นบางจังหวัด หรือบางเขตอาจจะต้องมีการขยาย และรัฐบาลจะผลักดันให้มีการท่องเที่ยวมากขึ้น ซึ่งจะเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ รัฐบาลมีแผนที่จะดำเนินการหลายอย่าง เช่น การยกเว้นการขอวีซ่าเข้าประเทศของบางประเทศซึ่งกำลังดำเนินงานอยู่ โดยการท่องเที่ยวจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นเพื่อนำเงินเข้ามาในประเทศ ทำให้ภาคท่องเที่ยวของประเทศเติบโตอีกครั้ง ซึ่งตั้งเป้าสร้างเงินรายได้ประมาณ 3 ล้านล้านบาทต่อปี</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">ระบุรัฐบาลตั้งเป้าหมายเศรษฐกิจโต 5%ตลอด 4 ปี ค่าแรง 600 บ. ปริญญาตรี 25,000 บ. มาแน่ </span></h2>
<p>พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงเรื่องค่าแรงขั้นต่ำว่า สมควรได้รับการปรับโดยเร็วที่สุด และรัฐบาลตั้งเป้าหมายว่าจะทำให้เศรษฐกิจโตเฉลี่ยปีละ 5 เปอร์เซ็นต์ตลอด 4 ปี ซึ่งจะทำให้ค่าแรงขึ้นไปได้ถึง 600 บาทต่อวัน ปริญญาตรี 25,000 บาทต่อเดือน ขณะที่เรื่องค่าพลังงาน เป็นเรื่องที่พี่น้องประชาชนให้ความสำคัญอย่างยิ่ง รัฐบาลตระหนักดีว่าเรื่องการลดค่าใช้จ่ายของพลังงานเป็นเรื่องสำคัญ มั่นใจว่าสามารถจะทำให้ค่าพลังงานต่ำลงอย่างมีนัยได้ ซึ่งรัฐมนตรีจะช่วยตอบในส่วนนี้</p>
<p>นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงบัตรสวัสดิการแห่งรัฐซึ่งเป็นประโยชน์ต่อประชาชนว่ายังคงมีอยู่ ส่วนเรื่องของทรัพยากรธรรมชาติ เช่น ที่ดินต่าง ๆ ที่จะต้องจัดสรรเพื่อให้ประชาชนสามารถไปสร้างประโยชน์ทำมาหากินได้ซึ่งจะต้องดูทั้งที่ดิน สปก. และที่ดินของหน่วยงานราชการอื่น ๆ ผ่านรูปแบบที่เหมาะสม ทำให้ประชาชนมีที่ดินทำกิน อย่างมีศักดิ์ศรี ขณะที่การแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำใน EEC นั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เป็นหน้าที่ของรัฐบาลอยู่แล้วที่จะต้องดูแลอย่างเหมาะสมทุกมิติ การบริหารจัดการเรื่องน้ำให้มีความเหมาะสม ระหว่างภาคเกษตร ภาคอุตสาหกรรม การอุปโภคบริโภค และรักษาไว้ซึ่งความสมดุลของระบบนิเวศ</p>
<p>นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ซึ่งอีก 5 เดือนก็จะเข้าสู่ช่วงวิกฤตในพื้นที่จังหวัดภาคเหนือว่า รัฐบาลจะเริ่มทำโดยเร็ว เพื่อให้เกิดผลได้ภายในต้นปี โดยดำเนินการส่วนที่ไม่ต้องใช้เงินลงทุนมาก และเรื่องอื่นก็ค่อย ๆ พัฒนาไปตามขีดจำกัดของงบประมาณที่สามารถทำได้ และนายกรัฐมนตรียังเน้นย้ำเกี่ยวกับเรื่องการทุจริตว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับความโปร่งใสโดยจะนำระบบ Digital เข้ามาใช้ให้มากขึ้นเพื่อลดการทุจริตประพฤติมิชอบ ทั้งนี้ รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องจะมาตอบคำถามเพิ่มเติมในบางประเด็นที่ยังไม่ได้ตอบต่อไป</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">‘สส.ก้าวไกล’ ติง 5 ประเด็น ‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ แก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่ถูกจุด เสี่ยงเป็นภาระการคลัง สร้างหนี้คนรุ่นหลังต้องชดใช้ แนะนายกฯ ทบทวน-ชี้แจงข้อสงสัยให้ประชาชนกระจ่าง ก่อนเดินหน้านโยบาย</span></h2>
<p>ชัยวัฒน์ สถาวรวิจิตร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายในการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐบาล เกี่ยวกับนโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต หรือกระเป๋าเงินดิจิทัล โดยวิเคราะห์ถึงความจำเป็นของการกระตุ้นเศรษฐกิจในตอนนี้ด้วยการแจกเงิน และความเสี่ยงที่อาจทำให้โครงการนี้ไม่ประสบความสำเร็จตามที่รัฐบาลคาดการณ์ แบ่งการวิเคราะห์ออกเป็น 5 ประเด็น</p>
<p><strong>ประเด็นแรก</strong> สภาวะเศรษฐกิจไทย ทั้งในปัจจุบันและที่คาดการณ์ไปถึงครึ่งปีหน้า ไม่เหมาะสมที่จะต้องเร่งกระตุ้นการบริโภคด้วยนโยบายการแจกเงิน ตามที่กล่าวอ้าง เนื่องจากรายงานภาพรวมเศรษฐกิจไทยของหน่วยงานต่างๆ บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจไทยอยู่ในทิศทางที่กำลังฟื้นตัว การใช้จ่ายในประเทศเพิ่มขึ้น อัตราการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน มีการขยายตัวต่อเนื่องตั้งแต่ผ่านพ้นช่วงโควิด </p>
<p>แต่ปัญหาที่กดดันการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยนั้น มาจากภาคการส่งออก ในช่วงครึ่งปีแรก การส่งออกของไทยหดตัวต่อเนื่องตามแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ชะลอการเติบโตลงจากปีก่อน โดยเฉพาะจีนที่เป็นคู่ค้าหลักของไทย ซึ่งเป็นแรงกดดันต่อการส่งออกไทย จนตอนนี้การส่งออกของไทยหดตัวกว่า 10 เดือนติดต่อกันแล้ว สภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันจึงไม่ใช่จังหวะที่เหมาะสม ที่จะใช้มาตรการทางการคลังมากระตุ้นการบริโภคภาคเอกชน</p>
<p>เนื่องจากการใช้มาตรการทางการคลัง ก็เหมือนกับที่ท่านนายกฯ ได้บอกว่าเป็นการช็อกกระตุ้นให้หัวใจกลับมาเต้น การช็อกแบบนี้ควรต้องทำให้ถูกจังหวะ นโยบายแจกเงินถ้วนหน้าเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจควรทำเมื่อการบริโภคภาคเอกชนหดตัว ไม่ใช่มาทำตอนที่การบริโภคกำลังขยายตัว </p>
<p>ท่านนายกฯ ควรคิดทบทวนว่า จะทำนโยบายแก้ปัญหาการส่งออกหดตัวต่อเนื่องอย่างไร จะตรงจุดกว่า รวมถึงทบทวนว่าจะใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่าในการแก้ปัญหาปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไทยอย่างไร เพื่อกระตุ้นให้ SME มีขีดความสามารถในการแข่งขัน และให้การเริ่มธุรกิจใหม่ทำได้ง่ายและขยายตัวได้เร็ว แทนที่จะใช้งบประมาณเพื่อเอาเงินมาแจก ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาที่ไม่ถูกจุด ไม่ถูกเวลา</p>
<p>ชัยวัฒน์กล่าวต่อว่า <strong>ประเด็นที่ 2</strong> การที่ท่านคาดหวังว่าการแจกเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ตจะทำให้เกิดผลเป็นพายุหมุนทางเศรษฐกิจ ทำให้เศรษฐกิจโตขึ้นอย่างมหาศาล อาจเป็นการคาดการณ์ที่สูงเกินไป </p>
<p>นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการแจกเงินถ้วนหน้า มีให้เห็นอยู่บ่อย ๆ เป็นการผันเงินจากรัฐบาลสู่กระเป๋าประชาชน โดยคาดหวังให้ประชาชนเอาเงินไปใช้จ่าย และหวังให้การใช้จ่ายของภาคเอกชนสร้างผลกระทบให้เกิดการใช้จ่ายเปลี่ยนมือ หมุนเวียนไปอย่างต่อเนื่อง ยิ่งเม็ดเงินหมุนเวียนมาก มูลค่าการผลิตและรายได้ก็จะยิ่งเติบโตมากขึ้น</p>
<p>นักเศรษฐศาสตร์จะใช้สิ่งที่เรียกว่า ตัวคูณการคลัง (Fiscal Multiplier) เป็นตัวชี้วัดที่บอกว่าถ้ารัฐบาลอัดฉีดเงินออกไป 1 บาท เศรษฐกิจหรือ GDP จะขยายขึ้นเท่าไร เช่น ถ้าบอกว่ารัฐบาลให้เงินผมมา 1 บาท และผมจ่ายเงิน 1 บาทนี้นั่งวินมอเตอร์ไซค์มาที่สภาฯ วินฯ รับเงินไปก็เอา 1 บาทนี้ไปเติมน้ำมัน และปั๊มน้ำมันก็เอาเงิน 1 บาทนี้ ไปจ่ายซื้อน้ำมัน หมายความว่า GDP จะขยายขึ้นจาก 1 บาทแรกที่รัฐบาลอัดฉีดมา กลายเป็น 3 บาท </p>
<p>แต่ในความจริงมันไม่ง่ายอย่างนั้น เพราะถ้ายังไงผมก็ต้องนั่งวินมอเตอร์ไซค์อยู่แล้ว ผมก็แค่จ่ายด้วยเงินที่รัฐบาลอัดฉีดมา แล้วก็เก็บเงินเก่าในกระเป๋าเอาไว้ ผมไม่ได้ต้องนั่งวินมอเตอร์ไซค์เพิ่มขึ้นจาก 1 รอบเป็น 3 รอบ การใช้จ่ายก็ไม่ได้ขยายตัว แถมยังมีการรั่วไหลในทุกขั้นตอนการเปลี่ยนมือ เช่น ถ้าต้องนำเข้าน้ำมัน เงินก็รั่วออกไปต่างประเทศ หรือที่โดนเก็บภาษีน้ำมัน เงินก็รั่วไปเข้ากองทุนน้ำมัน </p>
<p>จุดสำคัญอยู่ตรงนี้ คือไม่มีใครรู้เป๊ะๆ ว่าเจ้า ‘ตัวคูณการคลัง’ นี่เป็นเท่าไร แต่ที่นักเศรษฐศาสตร์ทราบกันดีก็คือ ตัวคูณการคลังจะน้อยในสภาวะเศรษฐกิจที่กำลังอยู่ในช่วงขยายตัวเช่นตอนนี้ พูดง่าย ๆ ว่าถ้าตัวคูณการคลังต่ำกว่า 1 เท่า แปลว่าการอัดฉีดเงินเข้าไป ไม่ได้ทำให้เศรษฐกิจขยายตัวมากไปกว่าเงินที่ใช้ไป ได้ไม่คุ้มเสีย จากการศึกษาของ IMF บ่งชี้ว่าการแจกเงินถ้วนหน้ามีตัวคูณการคลังต่ำเพียง 0.2 ต่ำกว่าการอุปโภคภาครัฐ 0.4 และการลงทุนของภาครัฐ 0.7 </p>
<p>ตัวคูณการคลังของนโยบายแจกเงินส่วนใหญ่นั้น อยู่ในระดับต่ำไม่ถึง 0.5 เท่าเสียด้วยซ้ำ ซึ่งทางพรรคเพื่อไทยเคยกล่าวว่าคาดหวังผลตัวคูณที่ 3 รอบ มีบางเอกสารว่าสูงถึง 6 รอบ เป็นการประเมินตัวเลขที่ห่างไกลจากโลกแห่งความเป็นจริงไปมาก </p>
<p>ถ้าดูจากสถิติบนโลกแห่งความจริง การหมุนเวียนของการแจกเงินผ่านดิจิทัลวอลเล็ตนี้ อาจไม่ทำให้เกิดพายุหมุนทางเศรษฐกิจหลายรอบตามที่กล่าวอ้าง แต่อาจทิ้งซากปรักหักพังไว้เป็นภาระการคลังของประเทศ เป็นหนี้เป็นสินให้ลูกหลานต้องมาชดใช้ เสียโอกาสในการนำงบประมาณไปแก้ปัญหาให้กับประชาชนในด้านอื่นๆ </p>
<p><strong>ประเด็นที่ 3</strong> หากนายกฯ ยังยืนยันว่าจะทำนโยบายแจกเงิน 10,000 บาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ตให้ได้ ก็ยังมีปัญหาอีกมากอยู่ดี โดยเฉพาะเงื่อนไขต่างๆ ที่ทำให้ประชาชนเสียประโยชน์ เพราะเป็นการกำหนดเงื่อนไขการใช้เงินดิจิทัลที่ไม่สมเหตุสมผล เช่น กำหนดให้ใช้ภายในรัศมี 4 กิโลเมตรจากที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน</p>
<p>ปัญหา (1) มีคนจำนวนมากที่ไม่ได้พักอาศัยใช้ชีวิตอยู่ในเขตภูมิลำเนาตามทะเบียนบ้าน ดูได้จากสถิติผู้ขอใช้สิทธิเลือกตั้งนอกเขตเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา มีมากกว่า 2.35 ล้านคน  แต่ถ้าบอกว่าเพื่อกระจายเงินไปยังทุกพื้นที่</p>
<p>ปัญหา (2) ก็ต้องคิดก่อนว่ารัศมี 4 กม. ในต่างจังหวัด จะมีร้านค้าที่พอรับเงินดิจิทัลได้กี่ร้าน ในพื้นที่ห่างไกลนอกตัวเมือง แค่ร้านค้าธรรมดายังแทบหาไม่ได้ และแทนที่ประชาชนจะได้ใช้เงินซื้อของที่ตัวเองต้องการ กลับถูกบีบบังคับด้วยเงื่อนไขระยะทาง ทำให้ต้องซื้อของที่อาจไม่อยากได้ และท้ายที่สุด ปลายทางของเงินดิจิทัลอาจจบที่ร้านสะดวกซื้อหรือห้างค้าส่ง ที่เป็นของธุรกิจขนาดใหญ่แม้เคยมีการชี้แจงจากพรรคเพื่อไทยว่าปรับเปลี่ยนได้ แล้วแต่สภาพพื้นที่ แต่ก็ไม่เคยมีคำชี้แจงเงื่อนไขที่ชัดเจนว่าในพื้นที่ห่างไกลมีเงื่อนไขอย่างไร ไม่เคยมีคำอธิบายที่มาที่ไปที่สมเหตุสมผล</p>
<p>ปัญหา (3) การกำหนดเงื่อนไขให้ร้านค้าในระบบภาษีเท่านั้นที่สามารถ cash out แลกเงินในดิจิทัลวอลเล็ตนั้นออกมาเป็นเงินฝากในบัญชีธนาคารได้ ทำให้ร้านค้ารายเล็กที่รับเงินดิจิทัลมาแล้วไม่สามารถขึ้นเงินได้ ต้องไปซื้อของกับร้านค้าอื่น ซึ่งก็จะถูกบีบด้วยเงื่อนไขในระยะทาง 4 กม. นี้อีกเช่นกัน แล้วร้านค้าจะไปหาสินค้าอะไรมาขาย ก็ต้องหาในระยะ 4 กม. เท่านั้นหรือ เงื่อนไขแบบนี้อาจทำให้ร้านค้าไม่อยากเข้าร่วมโครงการรับเงินดิจิทัลวอลเล็ตนี้เลยก็เป็นได้  หรืออาจจะรับในราคาที่แพงพิเศษ เช่น ข้าวของราคา 5 บาท แต่ถ้าเป็นจะจ่ายเป็นเงินดิจิทัลอาจจะคิด 10 บาท บวกต้นทุนค่าสภาพคล่องและความลำบากยุ่งยากเข้าไป หรืออาจเกิดการทุจริตรับแลกเงินดิจิทัล 10,000 กับเงินสดในราคาที่ต่ำกว่า เช่น จ่ายเป็นเงินสดให้เลย 8,000 บาทก็เป็นได้</p>
<p>ประเด็นที่ 4 ตั้งคำถามถึงแหล่งที่มาของเงินงบประมาณ 560,000 ล้านบาท ว่าท่านนายกฯ ซึ่งเป็นรัฐมนตรีคลังด้วย จะหาเงินตรงนี้มาอย่างไร เพราะพรรคเพื่อไทยพูดมาตลอดว่าทำได้และจะไม่กู้เงิน  560,000 ล้านบาท คิดเป็นเกือบ 18% ของงบประมาณรายจ่ายประจำปีทั้งหมดของรัฐบาล ยังไม่รวมถึงงบประมาณค่าใช้จ่ายในการพัฒนาระบบบล็อกเชนและ Digital Wallet ซึ่งท่านก็ไม่เคยพูดถึง ว่าจะให้ใครมาพัฒนาและให้ใครเป็นคนดูแลจัดการระบบนี้</p>
<p>ถ้ามาดูโครงสร้างงบประมาณรายจ่ายปี 67 ของรัฐบาล มีงบทั้งหมด 3.35 ล้านบาท ต้องจ่ายเงินเดือนข้าราชการ จ่ายหนี้ จ่ายงบผูกพัน ท้องถิ่นและสวัสดิการ จะเหลือในกระเป๋าแค่ 850,000 ล้านบาท และยังต้องกันไปเป็นงบลงทุนตามกฎหมายอีก 450,000 ล้านบาท เหลือให้ใช้จริงแค่ 400,000 ล้านบาทเท่านั้น ซึ่งรัฐบาลต้องเอาไปแบ่งกันใช้ดำเนินการทั้ง 20 กระทรวง ตนจึงเป็นห่วงเหลือเกินว่าท่านนายกฯ และรัฐมนตรีคลังจะเอาเงินมาจากไหน แล้วจะต้องก่อหนี้ยืมสินไว้ให้ลูกหลานชดใช้อีกสักเท่าไร </p>
<p>(1) ถ้าหากท่านจะหาเงินจากการทำงบประมาณขาดดุลการคลัง ตัวเลขขาดดุลงบประมาณปีล่าสุดก็เกือบเต็มเพดานหนี้สาธารณะอยู่แล้ว ขาดดุลเพิ่มได้อีกแค่ 2.2 หมื่นล้านเท่านั้น (2) ถ้าจะยืมเงินรัฐวิสาหกิจให้จ่ายล่วงหน้า ก็ติดเพดานวินัยการเงินการคลังอีกเช่นกัน ได้อีกประมาณ 62,000 ล้านบาท (3) ถ้าจะไปตัดเงินลงทุน ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วน 21.8% พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง มาตรา 20 ได้กำหนดสัดส่วนการลงทุนขั้นต่ำไว้ 20% ก็จะตัดมาได้แค่ 1.8% หรือ 58,000 ล้าน ก็ยังห่างไกล (4) ถ้าจะขายกองทุนวายุภักษ์ทั้งหมดทิ้ง ก็อาจได้เงินประมาณ 346,000ล้านบาท ต่อให้รวมเงินจากทุกวิธี ยังได้เงินเพียง 488,000 ล้านบาท</p>
<p>ที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยพูดมาตลอดว่าจะไม่กู้เงิน แต่จากการวิเคราะห์แหล่งเงินที่ได้แจกแจงมาแล้ว ก็ยังมองไม่เห็นว่าท่านจะหาเงินจากไหนมาแจกโดยที่ไม่กู้เงินเพิ่ม  ตนจึงขอเป็นตัวแทนพี่น้องประชาชน ขอให้ท่านยืนยัน ว่าจะไม่กู้เงินมาแจก และขอวิงวอนอย่าให้งานแรกของการเข้ามาบริหารประเทศของท่าน คือการทลายขยายกรอบวินัยการเงินการคลัง เพื่อหาทางใช้เงินนอกงบประมาณ ซึ่งจะไม่ได้ผ่านกลไกการตรวจสอบของสภาฯ ไม่มีการตรวจสอบใดๆ ผู้ที่เสียประโยชน์โดยแท้จริงก็คือประชาชน</p>
<p>“ถามตรงๆ ว่าปัญหาที่ท่านไม่มีกระแสเงินสดที่มากพอและไม่สามารถหาเงิน 560,000 ล้านบาท มาได้นั้น เป็นเหตุผลให้ท่านหาทางแจกเงินดิจิทัลเป็น Utility Token หรือสิทธิ์ในการใช้เงินในอนาคต ใช่หรือไม่” ชัยวัฒน์กล่าว</p>
<p><strong>ประเด็นสุดท้าย</strong> ความเสี่ยงที่จะทำให้นโยบายนี้ล้มเหลว คือปัญหาทางเทคนิค จากที่ท่านได้ยืนยันว่าต้องการทำระบบดิจิทัลวอลเล็ตด้วย blockchain โดยอ้างเหตุผลต่างๆนานานั้น จริงๆ แล้ว blockchain เป็นตัวอย่างที่ดีของประชาธิปไตย เพราะหัวใจของ blockchain คือการกระจายอำนาจ </p>
<p>โดยทำฐานข้อมูลให้กระจายออกไปหลายจุด เพื่อให้เกิดฐานข้อมูลที่ไม่รวมศูนย์อยู่ที่เดียว และฐานข้อมูลแต่ละจุดสามารถตรวจสอบซึ่งกันและกันไม่ให้มีใครแอบตุกติกแก้ไขข้อมูลได้ เพราะการแอบแก้ไขข้อมูลในจุดเดียวนั้น จะไม่ตรงกับข้อมูลในจุดอื่นๆ ที่เป็นเสียงส่วนใหญ่ ข้อมูลที่แอบแก้ไขก็จะถูกตีตกไป ไม่ได้รับการยอมรับ</p>
<p>เหตุผลที่ท่านอ้างในการใช้ blockchain เช่น มีความปลอดภัยสูง ก็ไม่จริง เพราะ blockchain อย่าง Ethereum ก็เคยถูก hack ขโมยเหรียญ ETH ออกไปมูลค่า 60 ล้านเหรียญสหรัฐมาแล้วในปี 2016 โดยอาศัยช่องโหว่ใน Smart Contract หรือเหตุผลเรื่องความโปร่งใสตรวจสอบได้ เป็นจริงด้วยเงื่อนไขที่ว่า blockchain ต้องไม่รวมศูนย์เก็บฐานข้อมูลไว้ที่คนกลุ่มเดียว ต้องเปิดให้คนหลายกลุ่มเข้าถึงและตรวจสอบฐานข้อมูลของ blockchain ได้ แต่ในโครงการของรัฐเช่นนี้ ชัดเจนว่ามีตัวกลางคือรัฐ และ blockchain นี้น่าจะมีการบริหารจัดการแบบรวมศูนย์โดยรัฐบาลหรือคนกลุ่มเดียวที่รัฐบาลมอบหมาย </p>
<p>หรือเหตุผลว่าสามารถเขียนโปรแกรมเงื่อนไขต่างๆได้ (programmable) ต้องเรียนข้อเท็จจริงตามตรงว่า ถึงไม่ใช้ blockchain ก็เขียนโปรแกรมเงื่อนไขเหล่านี้ได้ และระบบชำระเงินอย่างแอป ‘เป๋าตัง’ ก็ทำมาให้เห็นอยู่แล้ว ทั้งโครงการคนละครึ่ง เราเที่ยวด้วยกัน ดังนั้น สรุปได้ว่าเหตุผลทั้ง 3 ข้อนี้ไม่ใช่ความจำเป็นที่จะต้องใช้ blockchain มาทำ digital wallet แต่อย่างใด</p>
<p>ยิ่งไปกว่านั้น การใช้ Blockchain ยังจะนำไปสู่ปัญหา เพราะมีข้อจำกัดที่คนในวงการ Blockchain ทั่วโลกทราบกันดีคือ การทำธุรกรรมที่ช้า แม้ตอนนี้มีการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ให้รองรับธุรกรรมได้มากขึ้น แต่ก็ยังไม่สมบูรณ์พอ ยังเป็นเรื่องที่ท้าทายเป็นอย่างมากอยู่ดีที่จะใช้กับระบบชำระเงินที่จะมารองรับผู้ใช้งานหลายสิบล้านคนที่ใช้พร้อมๆ กัน</p>
<p>“ผมเองเคยทำโครงการเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลางหรือ CBDC มาแล้ว โดยผ่านการใช้เทคโนโลยี Blockchain ชั้นนำมาแล้ว 3 ราย จึงบอกได้ว่าเทคโนโลยีนี้ยังไม่เหมาะที่จะนำมาใช้กับระบบชำระเงินที่มีผู้ใช้งานพร้อมกันเป็นจำนวนหลายสิบล้านคนพร้อมกัน” ชัยวัฒน์กล่าว</p>
<p>ชัยวัฒน์กล่าวด้วยว่า ตนเห็นด้วยกับการที่ท่านนายกฯ ให้ความสำคัญในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลด้วย blockchain และคาดหวังที่จะให้ blockchain กลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานแห่งอนาคตที่จะสร้างศักยภาพใหม่ ๆ ให้คนไทย เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่และสำคัญ ที่ท่านไม่ควรเอามาผูกกันกับโครงการแจกเงิน 10,000 บาท ซึ่งท่านบอกว่ามีความเร่งด่วนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะหากระบบ blockchain นี้ล้มเหลว สาธารณชนจะสูญเสียความเชื่อมั่นในเทคโนโลยี blockchain ไปอย่างกู่ไม่กลับ และท่านอาจไม่สามารถพัฒนา blockchain ให้เป็นโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของประเทศไทยได้อีกเลย</p>
<p>“ท่านควรคิด ควรออกแบบ โดยรับฟังความคิดเห็นของนักพัฒนาซอฟต์แวร์และผู้เชี่ยวชาญในวงการ blockchain อย่างถี่ถ้วนรอบด้าน อย่าหวังว่าจะยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว เพราะถ้าปืนด้าน ยิงไม่ออก นกสักตัวก็จะไม่ได้” ชัยวัฒน์กล่าว</p>
<p>นโยบายแจกเงิน 10,000 บาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ต จึงไม่เหมาะสมต่อสภาวะเศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน เป็นการแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่ไม่ถูกจุด และอาจไม่เกิดพายุหมุนทางเศรษฐกิจตามที่รัฐบาลคาดไว้ สร้างภาระด้านงบประมาณทิ้งไว้ให้ลูกหลานรุ่นต่อไป </p>
<p>“ผมขอเสนอแนะให้ท่านนายกฯ ทบทวนรายละเอียดต่างๆ โดยแยกเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการอัดฉีดเม็ดเงิน กับเรื่องการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลออกจากกัน เพราะนโยบายแจกเงิน 10,000 บาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ตนี้ ฟังดูแล้ว มีแต่ข้อมูลและคำตอบที่เลื่อนลอย หากท่านไม่สามารถชี้แจงรายละเอียดและตอบคำถามแก่ประชาชนได้ ก็อย่าเพิ่งเดินหน้าจนกว่าจะให้ความกระจ่าง เพราะหากท่านดึงดันที่จะทำ ผู้เสียประโยชน์โดยแท้จริง ก็คือประชาชนคนไทยทั้งประเทศ” ชัยวัฒน์กล่าว</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ข่าว[/url]</div></div></div><div class="field field-name-field-category field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">การเมือง[/url]</div><div class="field-item odd"><a href="/category/%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%90%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">เศรษฐกิจ[/url]</div><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B9%81%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">แรงงาน[/url]</div></div></div><div class="field field-name-field-tags field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%90%E0%B8%B2-%E0%B8%97%E0%B8%A7%E0%B8%B5%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%99" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">เศรษฐา ทวีสิน[/url]</div><div class="field-item odd"><a href="/category/%E0%B9%81%E0%B8%96%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%A2%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%90%E0%B8%AA%E0%B8%A0%E0%B8%B2" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">แถลงนโยบายต่อรัฐสภา[/url]</div><div class="field-item even"><a href="/category/digital-wallet" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">Digital Wallet[/url]</div><div class="field-item odd"><a href="/category/%E0%B8%84%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B9%81%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%B3" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ค่าแรงขั้นต่ำ[/url]</div><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%92%E0%B8%99%E0%B9%8C-%E0%B8%AA%E0%B8%96%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%A3" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ชัยวัฒน์ สถาวรวิจิตร[/url]</div></div></div><div class="field field-name-field-promote-end field-type-text field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even">ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่เฟซบุ๊ก https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/09/105863