[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

นั่งเล่นหลังสวน => สุขใจ ร้านน้ำชา => ข้อความที่เริ่มโดย: สุขใจ ข่าวสด ที่ 12 กันยายน 2566 02:40:57



หัวข้อ: [ข่าวมาแรง] - ‘วรภพ’ ชี้นโยบาย รบ.เศรษฐาให้ความสำคัญ SMEs น้อยไป หวั่น ‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ สุดท้ายเ
เริ่มหัวข้อโดย: สุขใจ ข่าวสด ที่ 12 กันยายน 2566 02:40:57
‘วรภพ’ ชี้นโยบาย รบ.เศรษฐาให้ความสำคัญ SMEs น้อยไป หวั่น ‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ สุดท้ายเข้าทางเจ้าสัว
 


<span class="submitted-by">Submitted on Mon, 2023-09-11 17:26</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>‘วรภพ’ ชี้ นโยบายรัฐบาลเศรษฐาให้ความสำคัญ SMEs น้อยเกินไป หวั่น ‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ แจกเงินหมื่นสุดท้ายเข้าแต่กระเป๋าเจ้าสัว รอดูรัฐบาลกล้าแก้กฎหมายทลายผูกขาด หรือจะปล่อยอำนาจเศรษฐกิจอยู่ในกำมือทุนกลุ่มเดิม</p>
<p>11 ก.ย.2566 ภายหลังจาก เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรีต่อรัฐสภา ที่ห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎร อาคารรัฐสภา แล้วนั้น ทีมสื่อพรรคก้าวไกล รายงานต่อสื่อมวลชนว่า หนึ่งในผู้อภิปรายคือ วรภพ วิริยะโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โดยเน้นที่นโยบายที่เกี่ยวกับผู้ประกอบการ SMEs โดยกล่าวว่าตนในฐานะตัวแทนของผู้ประกอบการรายย่อย SMEs เมื่อได้อ่านและรับฟังคำแถลงนโยบายรัฐบาลแล้ว คิดว่ารัฐบาลยังให้ความสำคัญกับผู้ประกอบการ SMEs น้อยเกินไป โดยมีเพียงการอธิบายว่า SMEs กำลังฟื้นตัวจากวิกฤตโควิดเท่านั้น </p>
<div class="more-story">
<ul>
<li>คำต่อคำ 'เศรษฐา' แถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา (https://prachatai.com/journal/2023/09/105852)</li>
<li>‘ศิริกัญญา’ ชี้แถลงนโยบายรัฐบาลเศรษฐา ว่างเปล่า-ไร้เป้าหมาย-ไร้ตัวชี้วัด ไม่ตรงปกนโยบายหาเสียง (https://prachatai.com/journal/2023/09/105853)</li>
<li>'จุรินทร์' อภิปรายนโยบายรัฐบาลเศรษฐา 'ไม่ตรงปก' 'หาเสียง' กับ 'นโยบายรัฐบาล' หนังคนละม้วน (https://prachatai.com/journal/2023/09/105857)</li>
</ul>
</div>
<p>วรภพ กล่าวต่อไป ว่าในความเป็นจริงแล้ว SMEs พบกับปัญหามานานก่อนวิกฤตโควิด ทำให้ตนมีความกังวลว่าหากรัฐบาลมองวิกฤตเศรษฐกิจนี้แต่ในภาพกว้าง โดยคิดว่าเพียงการกระตุ้นและการแจกเงินเพียงครั้งเดียวจะช่วยฟื้นเศรษฐกิจได้ รัฐบาลจะไม่สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจครั้งนี้ได้ หรือจะแก้ปัญหาได้ไม่ตรงจุด</p>
<p>ประการแรก สิ่งที่ SMEs คาดหวังจากนโยบายรัฐบาลคือแต้มต่อเพื่อช่วยแข่งขันกับกลุ่มทุนใหญ่ที่มีทรัพยากรที่ได้เปรียบมากกว่า SMEs มาก และมีแนวโน้มจะกินรวบในเศรษฐกิจไทยมากขึ้นทุกวัน ตนจึงอยากให้รัฐบาลทบทวนเงื่อนไข โดยเฉพาะในโครงการเติมเงินดิจิทัล จากที่กำหนดให้สามารถใช้เงินดิจิทัลได้ในรัศมี 4 กม. มาเป็นการกำหนดให้เงินดิจิทัล ใช้ได้เฉพาะกับร้านค้ารายย่อย หรือ SMEs เท่านั้น หรืออย่างน้อยรัฐบาลควรจะกำหนดแต้มต่อให้ร้านค้า SMEs เป็นโบนัส 20% - 30% สำหรับเงินดิจิทัล ดีกว่าที่จะใช้งบประมาณมหาศาลเพื่อสุดท้ายจะไหลเข้ากระเป๋ากลุ่มทุนใหญ่ทั้งหมด</p>
<p>เพราะผู้ประกอบการรายย่อยฐานราก คือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจนี้มากที่สุด และการกำหนดเฉพาะร้านค้ารายย่อย จึงจะทำเกิดการกระจายเม็ดเงินไปยังทุกพื้นที่ได้จริงตามวัตถุประสงค์ของนโยบายรัฐบาล หรือถ้าวัตถุประสงค์ของโครงการคือต้องการเห็นเม็ดเงินสะพัด เกิดการหมุนเวียนของกิจกรรมทางเศรษฐกิจหลายรอบมากที่สุดเพื่อฟื้นเศรษฐกิจได้เร็วๆ การกำหนดเงื่อนไขให้มีการหมุนเงินกันเฉพาะร้านค้ารายย่อย ก็ย่อมจะตอบโจทย์วัตถุประสงค์นี้มากกว่า และนี่เป็นสาเหตุที่พรรคก้าวไกลเสนอนโยบาย ‘หวยใบเสร็จ SMEs’ ให้รายย่อย SMEs ได้มีแต้มต่อ เพื่อจูงใจให้คนหันมาอุดหนุนร้านรายย่อยมากขึ้น </p>
<p>ประการที่สอง คือโอกาสในการเข้าถึงสินเชื่อในระบบ ของ SMEs เพราะปีที่แล้วสินเชื่อในระบบทั้งหมดที่อนุมัติให้ SMEs ลดลง 2% ขณะที่สินเชื่อที่ปล่อยให้กลุ่มทุนใหญ่กลับเพิ่มขึ้นถึง 5% ซึ่งแนวโน้มเช่นนี้เป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นมา 6 ปีติดต่อกันแล้ว นี่คือความไม่เท่าเทียมในการแข่งขันที่เกิดขึ้นชัดเจน เมื่อเงินทุนจากสินเชื่อในระบบไหลไปกองอยู่ที่กลุ่มทุนขนาดใหญ่หมด เงินทุนสำหรับ SMEs น้อยลงเรื่อยๆ ยังไม่นับว่าดอกเบี้ยระหว่างรายเล็กกับรายใหญ่ก็ถ่างขึ้นเรื่อยๆ </p>
<p>ดังนั้น สิ่งที่ SMEs คาดหวังจากนโยบายรัฐบาล คือการเพิ่มวงเงินสำหรับค้ำประกันสินเชื่อ ให้ SMEs โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายย่อยที่ปกติมีความเสี่ยงสูง สถาบันการเงินไม่ค่อยอยากจะอนุมัติสินเชื่อให้ถ้ารัฐบาลไม่มีนโยบายค้ำประกันช่วย ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลจะใช้กลไก บสย. เป็นหน่วยงานหลักในการช่วยค้ำประกันสินเชื่อให้ SMEs แต่งบประมาณที่รัฐบาลก่อนหน้าจัดสรรให้ยังไม่มากพอ ที่จะทำให้สถาบันการเงินอนุมัติสินเชื่อให้แก่ SMEs</p>
<p>วรภพกล่าวต่อไป ว่าที่จริงแล้ว นโยบายการเพิ่มงบประมาณให้ บสย. 30,000 ล้านบาท ก็เป็นนโยบายเดียวกัน ที่ทั้งพรรคแกนนำรัฐบาลอย่างพรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกลได้เคยหาเสียงไว้ตรงกัน แต่วันนี้กลับไม่เห็นในคำแถลงนโยบายแล้ว ตนจึงต้องถามว่าเราจะได้เห็นการสนับสนุน SMEs เข้าถึงสินเชื่อในระบบในรัฐบาลชุดนี้หรือไม่ </p>
<p>เพราะการที่ SMEs กู้สินเชื่อในระบบไม่ได้ ทำให้ปัญหาหนี้นอกระบบและปัญหาสังคมเกิดขึ้นตามมา และตราบที่ SMEs เข้าถึงสินเชื่อในระบบไม่ได้ ต่อให้รัฐบาลจะเติมเงินเข้ามาในระบบเศรษฐกิจมากเท่าไหร่ โอกาสที่รายย่อยจะเข้าถึงทุนก็จะไม่เกิดขึ้น และจะกลายเป็นว่าประชาชนได้แค่ 10,000 บาทมาใช้ แต่มูลค่าเศรษฐกิจก็จะเข้ากระเป๋าทุนใหญ่เหมือนเดิม  </p>
<p>นอกจากนี้ ยังมีปัญหาว่าด้วยหนี้ ซึ่งตนขอเสนอ 3 มาตรการต่อรัฐบาลเพื่อไม่ให้ผู้ประกอบการ SMEs ต้องหันไปกู้หนี้นอกระบบแทน คือ 1) รัฐบาลมีโครงการช่วยค้ำประกันหนี้เสียให้ผู้ประกอบการแยกตามขนาดตามประเภทตามความเสี่ยงที่แตกต่างกัน 2) ข้อมูลที่อยู่ในมือหน่วยงานรัฐ ไม่ว่าจะเป็น ค่าน้ำค่าไฟ ยอดขายจากเงินดิจิทัล สามารถเอามาอำนวยความสะดวกให้ยื่นขอกู้ได้สะดวกขึ้น และ 3) ขอให้มีธนาคารรัฐช่วยอนุมัติให้ผู้ที่มีประวัติบูโร โดยกำหนดให้ต้องหักบัญชีจ่ายคืนค่างวดเป็นรายวันหรือรายสัปดาห์ก็ได้</p>
<p>ส่วนลูกหนี้ที่อยู่ในวงจรหนี้นอกระบบไปแล้ว รัฐบาลเองก็จำเป็นที่จะต้องเข้ามาช่วยเหลือลูกหนี้เจรจากับเจ้าหนี้นอกระบบเพื่อให้เกิดการปรับโครงสร้างหนี้ที่เป็นธรรม โดยต้องทำควบคู่กันทั้งมาตรการไม้แข็งและไม้อ่อน คือมีกฎหมายนิรโทษกรรมเจ้าหนี้นอกระบบที่ยอมปรับโครงสร้างหนี้ให้เป็นธรรม โดยไม่รอการดำเนินการของตำรวจอย่างเดียว แต่ต้องใช้กระทรวงยุติธรรมและกรมสรรพากรเข้ามาดำเนินการต่อเจ้าหนี้ที่ไม่ยอมปรับโครงสร้างหนี้ บังคับใช้กฎหมายไปพร้อมกันด้วย</p>
<p>ส่วนประเด็นหนี้ในระบบ ตนเข้าใจจากคำแถลงนโยบายรัฐบาล ว่าจะเกิดการพักชำระหนี้ให้กับลูกหนี้ที่ติดบูโรรหัส 21 หรือ ลูกหนี้ที่มีปัญหาในช่วงโควิด ซึ่งตนอยากเสนอว่าการพักชำระหนี้ ถึงแม้จะช่วยบรรเทา แต่จะไม่ช่วยแก้ปัญหาให้ลูกหนี้หลุดพ้นจากปัญหาหนี้สินได้ และมีความเสี่ยงว่าจะเป็นการละลายงบประมาณไปกับการพักชำระหนี้โดยที่ไม่ช่วยลูกหนี้หลุดพ้นจากปัญหาหนี้สินได้อยู่ดี ตนจึงอยากให้รัฐบาลมุ่งเป้าไปที่การปลดหนี้มากกว่า เช่น การแก้ไขกฎหมาย ให้ลูกหนี้ SMEs รวมถึงบุคคลธรรมดา มีสิทธิขอฟื้นฟูกิจการหรือขอฟื้นฟูหนี้สิน เพื่อให้สามารถเจรจาปรับโครงสร้างหนี้กับเจ้าหนี้ทุกรายพร้อมกันได้ จากที่แต่เดิมการเจรจาเป็นไปกับเจ้าหนี้ทีละราย</p>
<p>นอกจากนี้ รัฐบาลควรต้องมีมาตรการที่กำหนดให้สถาบันการเงิน มีมาตรการปล่อยสินเชื่อที่เป็นธรรมกับลูกหนี้ด้วย อย่างน้อยที่สุดรัฐบาลควรบังคับธนาคารรัฐทุกแห่งให้ลูกหนี้ดีเด่นได้รางวัลเป็็นการลดดอกเบี้ยให้ ส่วนใครที่มีปัญหาค่างวด อย่างน้อยเงินต้นควรต้องลดลงทุกครั้งที่มีการจ่ายค่างวด เพื่อให้ลูกหนี้มีกำลังใจในการชำระหนี้ต่อจนหมดได้</p>
<p>วรภพกล่าวต่อไป ว่าสิ่งสุดท้ายที่ SMEs คาดหวัง คือการรื้อกฎหมายที่ผูกขาดและล้าสมัย ซึ่งในคำแถลงนโยบายรัฐบาลก็มีระบุอยู่ เพราะประเทศไทยมีกฎหมายจำนวนมากที่เป็นอุปสรรคต่อการทำมาหากิน ทั้งในระดับ พ.ร.บ. 955 ฉบับ พระราชกฤษฎีกา 7,107 ฉบับ และ กฎกระทรวงอีก 7,119 ฉบับ ทั้งนี้ ตนขอเสนอให้รัฐบาลรับฟังความคิดเห็นโดยตรงจากภาคเอกชน ให้ป็นผู้ริเริ่มว่ากฎหมายใดไม่มีความจำเป็น หรือควรจะถูกยกเลิกทิ้ง ใบอนุญาตใดใช้แทนกันได้ ไม่ใช่ให้หน่วยงานราชการเป็นผู้ริเริ่ม และต้องเร่งออก พ.ร.บ.อำนวยความสะดวกฉบับใหม่ ให้ใบอนุญาตให้ทดแทนกันได้แบบรวดเร็ว โดยไม่ต้องไปไล่แก้ทีละ พ.ร.บ. ซึ่งใช้เวลานานกว่ามาก</p>
<p>วรภพยังอภิปรายถึงนโยบายเศรษฐกิจที่เกี่ยวกับการผูกขาด โดยระบุว่านี่เป็นสิ่งที่ไม่ชัดจนในคำแถลงนโยบาย เช่น การปลดล็อคกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับสุราพื้นบ้าน จะเป็นเพียงการแก้กฎหมายเล็กๆ น้อยๆ ให้สุราพื้นบ้านแบบพอเป็นพิธี แต่ยังคงล็อคมูลค่าเศรษฐกิจ 5 แสนล้านบาทไว้เฉพาะกับกลุ่มทุนใหญ่หรือไม่ และคำถามสำคัญ คือรัฐบาลชุดนี้จะกล้าหาญพอที่จะทลายกฎหมายผูกขาด ทั้งในกิจการสุราและอีกหลากหลายธุรกิจ เช่น การส่งออกข้าว, การนำเข้าปุ๋ย, โควต้าแม่ไก่ ฯลฯ หรือจะยังสานต่อกฎหมายผูกขาดเหล่านี้ต่อไปอีกหรือไม่</p>
<p>“เพราะถ้ารัฐบาลชุดนี้ ยังคงไม่กล้าที่จะยกเลิกกฎหมายที่เอื้อให้เกิดการผูกขาด โอกาสของคนไทยที่จะลืมตาอ้าปาก มีกินมีใช้ ก็จะไม่เกิด และจะเป็นการเสียดายเวลาและโอกาสของประเทศไทยอย่างมาก ถ้าประเทศไทยสามารถเปลี่ยนรัฐบาลเป็นพลเรือนได้แล้วทั้งที แต่อำนาจทางเศรษฐกิจจะยังคงอยู่ในกำมือของกลุ่มทุนผูกขาดเบื้องหลังกลุ่มเดิมๆ” วรภพกล่าว</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ข่าว[/url]</div></div></div><div class="field field-name-field-category field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">การเมือง[/url]</div><div class="field-item odd"><a href="/category/%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%90%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">เศรษฐกิจ[/url]</div></div></div><div class="field field-name-field-tags field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%90%E0%B8%B2-%E0%B8%97%E0%B8%A7%E0%B8%B5%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%99" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">เศรษฐา ทวีสิน[/url]</div><div class="field-item odd"><a href="/category/%E0%B9%81%E0%B8%96%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%A2%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%90%E0%B8%AA%E0%B8%A0%E0%B8%B2" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">แถลงนโยบายต่อรัฐสภา[/url]</div><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%A0%E0%B8%9E-%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A2%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%88%E0%B8%99%E0%B9%8C" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">วรภพ วิริยะโรจน์[/url]</div><div class="field-item odd"><a href="/category/smes" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">SMEs[/url]</div><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%AD%E0%B8%A5%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%87%E0%B8%95" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ดิจิทัลวอลเล็ต[/url]</div></div></div><div class="field field-name-field-promote-end field-type-text field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even">ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่เฟซบุ๊ก https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/09/105858