[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน => ข้อความที่เริ่มโดย: sometime ที่ 27 พฤษภาคม 2553 12:42:06



หัวข้อ: โต้ปัญหาเงียบเวอร์ชั่น 1
เริ่มหัวข้อโดย: sometime ที่ 27 พฤษภาคม 2553 12:42:06
(http://img535.imageshack.us/img535/6334/4444d.jpg)



อิคคิวซัง ตอน น้ำชาหนึ่งถ้วย PART1 (http://www.youtube.com/watch?v=EOGFJWJFfC8#)



ในประเทศญี่ปุ่นสมัยก่อน มีประเพณีอย่างหนึ่งของพระภิกษุนิกายเซ็น คือ พระภิกษุอาคันตุกะ ที่เดินทางมาถึงที่วัดใด จะต้องตอบ
ปัญหาธรรมชนะพระภิกษุที่อยู่ก่อน จึงจะมีสิทธิ์เข้าพักได้ ถ้าแพ้ก็ต้องเดินทางหาวัดใหม่ต่อไปวันหนึ่งมีพระอาคันตุกะองค์หนึ่งจาริกมาจากที่ไกลถึงที่
วัดแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ทางเหนือของประเทศญี่ปุ่น มีพระภิกษุพี่น้อง 2 องค์อาศัยอยู่ องค์พี่เป็นผู้คงแก่เรียนรอบรู้แตกฉานมากองค์น้องนอกจากจะตาบอด
ข้างหนึ่งแล้ว ยังมีสติปัญญาค่อนข้างทึบอีกด้วย เมื่อทราบระเบียบว่า จะต้องมีการโต้ธรรมะกันก่อนเข้าพักอาศัย พระอาคันตุกะก็ยินดีปฏิบัติตาม แต่เนื่องจากพระองค์พี่เหน็ดเหนื่อยจากการปฏิบัติงานมาทั้งวัน จึงได้มอบให้พระองค์น้องทำหน้าที่โต้ปัญหาธรรมแทน และได้แนะให้พระองค์น้องใช้วิธีโต้ปัญหาแบบเงียบพระทั้งสององค์จึงไปยังที่บูชา จุดธูปบูชาพระรัตนตรัย เสร็จแล้วการโต้ปัญหาธรรมะก็เริ่มขึ้น ชั่วครู่เดียวพระอาคันตุกะก็เดินออกไปหา
พระองค์พี่ แล้วกล่าวว่า.............................................
น้องชายท่านเก่งเหลือเกิน ผมยอมแพ้แล้ว
ท่านโต้ปัญหากันว่าอย่างไรล่ะ พระองค์พี่ถาม
พระอาคันตุกะจึงชี้แจงว่าทีแรกผมชูนิ้วขึ้นมาก่อนหนึ่งนิ้ว ซึ่งหมายถึงพระพุทธ น้องชายของท่านชูสองนิ้วตอบซึ่งหมายความว่าเมื่อมีพระพุทธก็ต้องมี
พระธรรมด้วยผมจึงชูสามนิ้วตอบซึ่งหมายถึงว่าถ้าจะให้ครบก็ต้องมีทั้งพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ด้วยคราวนี้น้องชายท่านกลับชูกำปั้นมาที่หน้าผมซึ่งหมายความว่าจะเป็นพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ก็ตามก็ต้องมารวมเป็นหนึ่งเดียว คือสัจธรรม ผมจึงว่าน้องท่านเป็นผู้ชนะผมไม่มีสิทธิ์ที่จะอยู่ที่นี่
พระภิกษุอาคันตุกะกล่าวแล้ว ก็ลาพระภิกษุองค์พี่เดินทางต่อไปสักครู่ พระองค์น้องก็เข้ามาหาพระพี่ชายอย่างเร่งรีบ แล้วถามหาพระอาคันตุกะว่า
เจ้าหมอนั่นมันไปไหนแล้วล่ะ ?
เธอชนะเขาแล้วไม่ใช่หรือ ? พระผู้พี่ถามด้วยความสงสัย
ชนะกะผีอะไรล่ะพระองค์น้องโกรธ
เธอโต้ปัญหากับเขาว่าอย่างไรล่ะ? พระองค์พี่ถามต่อ
โต้อย่างไรนะหรือพระองค์น้องตะโกน พอเห็นหน้าผมเท่านั้น มันก็ชูนิ้วเดียวมาที่หน้าผม ซึ่งมันดูหมิ่นว่าผมมีตาข้างเดียว ผมสู้อดทนเพราะเห็นว่าเป็นแขก จึงชูตอบไปสองนิ้ว แสดงความยินดีที่เขามีตาครบบริบูรณ์ แทนที่มันจะรู้ตัว มันกลับชูนิ้วกลับมาอีกสามนิ้ว ซึ่งหมายความว่า ทั้งผมและมันมีตา
รวมกันอยู่สามตา อย่างนี้ไม่ใช่เยาะเย้ยแล้วจะเรียกว่าอะไร ผมเหลืออดจริง ๆ จึงชูกำปั้นขึ้นมาจะต่อยหน้ามันสักหน่อย แต่มันกลับวิ่งออกมาเสียก่อน
พระที่แท้นั้น ท่านมองทุกสิ่งทุกอย่างเป็นธรรมะไปทั้งหมด แต่พระที่พบเห็นในปัจจุบัน ส่วนมากจะเป็นแบบพระองค์น้องเสียทั้งนั้น


หัวข้อ: Re: โต้ปัญหาเงียบเวอร์ชั่น 1
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 27 พฤษภาคม 2553 14:05:03

(http://www.firodosia.com/images/awb_image225255361822.jpg)

ใช้สติเตือน..ตน

คนเรามักจะดำเนินชีวิต ไปในทางที่ดีได้นั้น เราต้องตั้งอยู่ในสมาธิ แต่มีน้อยคนนัก
สามารถดำเนินชีวิตไปอย่างมีสติ อย่างครบถ้วน คนส่วนใหญ่แล้ว ก็มักจะดำเนินชีวิตไปอย่างเรื่อยๆ

ตามแต่สภาพหรือสิ่งต่างๆ รอบตัวจะพาไป

นั่นก็คงเป็นเพราะ ความเคยชินกับ การใช้ชีวิตที่เลื่อน
ลอยโลเล โล้ไปทางนั้นที ทางนี้ที แล้วแต่สิ่งแวดล้อมจะพัดพา..

เหตุที่ทำให้เป็นเช่นนี้ เพราะคนเราขาดสติในการดำเนินชีวิต ขาดสติ..เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวรั้งใจ
หลายคราวที่คนเราดำเนินชีวิตไป ด้วยความประมาท และขาดสติจนต้องประสบพบเจอ กับ..ความหายนะ

..สติ..มีประโยชน์ทั้งปวง..เพราะการมี..สติ ถือว่ามีโชคอยู่กับตัว ตลอดเวลา
คนมีสติ มักจะทำอะไร ประสบความสำเร็จ และเป็นผล สติ..จึงมีความสำคัญยิ่ง
ผู้มี..สติ จึงเป็นผู้ตื่นอยู่ ตลอดเวลา แม้เวลาหลับไหลก็ยังมีสติ เพราะ..สติ เป็นเครื่องตื่นอยู่ในโลก..
ผู้ใดมีสติอยู่ในใจ ย่อมใความเจริญ อยู่ทุกเมื่อ.

ไม่ว่าจะประกอบกิจ อันใด หากเรามี..สติ..ที่ตื่นอยู่ตลอดเวลา สติ..จะช่วยเตือนให้เรา รับรู้สิ่งที่เรากระทำ อยู่นั้น..คืออะไร
ดี..หรือ..ไม่ดี.. อย่างไร และวิธีที่เราจะทำให้สติ อยู่กับตัวเราได้นั้น ก็คือ เราต้องบริหารจิต ด้วยการเจริญสติ
เราอาจจะเจริญสติได้ ด้วยวิธีการหลายๆ อย่าง เช่น การนั่งสมาธิ เพื่อเจริญสติของเรา เจริญสติด้วยการนั่ง กำหนดให้รู้ ..
ลมหายใจเข้า ออก ของตัวเราเองตลอดเวลา หรือเจริญสติ ของเราด้วยวิธี กำหนดรู้..

รู้รูป ..นาม..รู้
รู้รูปทำ..นามทำ..รู้
รู้รูปโรค..นามโรค..รู้

รูปโรค ..นามโรค มีอยู่ 2 อย่าง คือ โรคทางกาย เช่น เราเจ็บปวด ไม่สบาย เราก็ต้องรู้ว่าเจ็บปวด..ไม่สบาย
แล้วสั่งให้จิต นำกายไปโรงพยาบาล หาหมอเพื่อรักษา อาการทางกาย

ส่วนโรค..ทางใจ..นั้น คือ โทะ โมหะ โลภะ ต้องอาศัย การเจริญสติ ด้วยการรู้จัก ..อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา 
 เมื่อเราเจริญ..สติ ด้วยการกำหนดรู้ แบบนี้เป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นเวลากลางวัน หรือกลางคืน ก็จะช่วยให้ มีชีวิตที่ดีขึ้น
รู้จักดำเนินชีวิต ด้วยความมี..สติ และเราก็จะได้รับอานิสงส์ อันใหญ่หลวงชองการมีสติ นั่นก็คือ เรารู้จักห้ามปรามใจ
ไปให้พ้นจากความชั่ว มีสติรู้จักสิ่งไหน..ดี สิ่งไหน..ถูก

เมื่อเราไม่ทำผิด เราก็จะมีแต่ ..ความสุข ความเจริญ ในการดำเนินชีวิต

หากทราบว่า การเจริญ..สติ จะทำให้ชีวิตเรา มีชีวิตที่ดีขึ้น ก็จงเริ่มที่จะรู้จัก การเจริญสติ ของตัวเองเสีย
คงยังไม่สายเกินไป หากเรายังมีชีวิต อยู่เพื่อที่จะเรียนรู้ และได้กระทำ 

เขียนโดย :แสงส่องใจ
จาก FW