หัวข้อ: หายใจให้เป็นสุข : สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก เริ่มหัวข้อโดย: มดเอ๊ก ที่ 29 ธันวาคม 2566 11:10:28 (https://img-196.uamulet.com/uauctions/UAKMNImages/2017/3/26/U16421326362614204834965911.jpg)
หายใจให้เป็นสุข : พระโอวาทธรรมบรรยายในสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (http://www.dhammajak.net/board/files/__11_605.jpg) "หายใจให้เป็นสุข" เป็นการรวบรวมพระโอวาทธรรมบรรยายกัมมัฏฐานในสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ได้รับหนังสือ "หายใจให้เป็นสุข" ซึ่งเป็นการรวบรวมพระโอวาทธรรมบรรยายกัมมัฏฐานในสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ที่เป็นประจำทุกวันพระและหลังวันพระ ณ ตึก ส.ว. ธรรมนิเวศ วัดบวรนิเวศวิหาร เป็นเวลายาวนานกว่า 30 ปี ซึ่งหนังสือนี้ได้รวบรวมไว้ในวโรกาสทรงเจริญพระชนมายุครบ 95 พรรษา ในวันคล้ายวันประสูติ 3 ตุลาคม 2551 จัดพิมพ์โดยบริษัท ซไท-กราฟ จำกัด โดยแจกเป็นธรรมทาน ลมหายใจเข้าออกของทุก ๆ คนนี้ เป็นแหล่งบังเกิดขึ้นแห่งสมาธิและปัญญา ซึ่งพระพุทธเจ้าเองตามที่ปรากฎในพระสูตรก็ได้ทรงจับปฏิบัติกำหนด ซึ่งผู้ปฎิบัติควรจะถือเอาหลักที่ทรงสั่งสอนไว้ด้วยพระองค์เองในการทำอานาปานัสสติเป็นหลักสำคัญ พิจารณาให้เข้าใจในแนวปฏิบัติที่ตรัสสอนไว้ ส่วนแนวปฏิบัติของพระอาจารย์ทั้งหลาย เลือกปฏิบัติมาประกอบเข้าตามที่เหมาะสมแก่อัธยาศัยของตน โดยการตั้งสติไว้จำเพาะหน้า คือไม่ส่งสติไปข้างไหนเป็นสิ่งที่ต้องทำ การรวมใจเข้ามาจากลมหายใจเข้าลมหายใจออก ก็จะปรากฏแก่ความรู้ เพราะว่าจิตนี้เป็นธาตุรู้ จิตอยู่ที่ไหนก็รู้ที่นั้น เมื่อจิตเกาะอยู่กับอารมณ์ภายนอก เข้ามาตั้งอยู่ในลมหายใจเข้า ลมหายใจออก ก็ย่อมรู้ลมหายใจเข้าลมหายใจออกได้ จิตเป็นธรรมชาติประภัสสร คือผุดผ่อง แต่จะเศร้าหมองไปเพราะอุปกิเลสคือเครื่องเศร้าหมองที่จรเข้ามา จิตเป็นธรรมชาติที่น้อมได้ ถ้าน้อมไปทางความชั่ว ก็จะคุ้นเคยกับความชั่ว ถ้าน้อมไปทางความดี ก็จะคุ้นเคยกับความดี ธรรมชาติของจิตอีกอย่างหนึ่งก็คือเป็นธาตุรู้ รับอารมณ์ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ ประกอบขึ้นเป็นอารมณ์ หากความรับรู้ของจิตยังเป็นแค่มายา ก็จะบังเกิดความยินดี ยินร้ายในอารมณ์ จึงปรากฎเป็นราคะ , โลภะ , โทสะ และโมหะ ได้ พระพุทธเจ้าทรงตรัสให้รูจักว่าอย่างไรเป็นอกุศลกรรม อย่างไรเป็นกุศลกรรม การที่จะได้ปัญญาพิจารณาให้เห็นสัจจะ ให้จิตใจตนเองรับรองด้วยนั้น ไม่ใช่เพียงแต่เชื่อในพระวาจาตรัสเท่านั้น จิตใจของตนเองต้องมีการชำระในบริสุทธิ์ผ่องใสด้วย เริ่มต้นจากการประพฤติในศิล ต่อด้วยการปฏิบัติในสมาธิ เช่น อานาปานัสสติ (สติกำหนดลมหายใจเข้าออก) ซึ่งจิตจะรวมเป็นเอกัคคตา (ความมีอารมณ์เป็นอันเดียวกันของจิต) เป็นสมาธิได้ตั้งแต่ขั้นบริกรรม (ปฎิบัติกำหนด) ขั้นอุปจาร (ใกล้ที่จะสงบแน่วแน่) และขั้นอัปปนา (แน่วแน่) จากนั้นเป็นการบำเพ็ญภาวนา ให้เห็นสุจจะว่าความจริงล้วนเป็นอนิจจังไม่เที่ยงต้องเกิดต้องดับ การบรรลุผล ไม่ใช้บรรลุได้ด้วยความคิดว่าจะบรรลุหรืออยากบรรลุ แต่อยู่ด้วยการปฏิบัติ ซึ่งธรรมะก็จะสนับสนุนส่งผู้ปฏิบัติขึ้นไปตามลำดับเอง จาก https://www.gotoknow.org/posts/219976 (https://www.gotoknow.org/posts/219976) https://www.youtube.com/v//U-fcXgrE_MY https://youtu.be/U-fcXgrE_MY?si=z5yLLzm80XY77m7L (https://youtu.be/U-fcXgrE_MY?si=z5yLLzm80XY77m7L) https://www.youtube.com/v//9eOCkoIgFxE https://youtu.be/9eOCkoIgFxE?si=CDtg9GO2kbAwADri (https://youtu.be/9eOCkoIgFxE?si=CDtg9GO2kbAwADri) https://www.youtube.com/v//6COzAUCL9NI https://youtu.be/6COzAUCL9NI?si=9Utd__uPPM3Llo0- (https://youtu.be/6COzAUCL9NI?si=9Utd__uPPM3Llo0-) Playlist จนจบเล่ม https://youtube.com/playlist?list=PLTW9hmmylYtrEbVsy07lzjEu1nrB1Mm_m&si=pT9HmwIN-zuH7yPb (https://youtube.com/playlist?list=PLTW9hmmylYtrEbVsy07lzjEu1nrB1Mm_m&si=pT9HmwIN-zuH7yPb) อีกที http://www.tairomdham.net/index.php/topic,16197.0.html (http://www.tairomdham.net/index.php/topic,16197.0.html) |