[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

นั่งเล่นหลังสวน => สุขใจ ร้านน้ำชา => ข้อความที่เริ่มโดย: สุขใจ ข่าวสด ที่ 16 กุมภาพันธ์ 2567 05:33:36



หัวข้อ: [ข่าวมาแรง] - กสม. หนุนออก กม.นิรโทษกรรม คดีชุมนุมทางการเมือง จ่อชงข้อเสนอให้ กมธ.วิสามัญ พิจา
เริ่มหัวข้อโดย: สุขใจ ข่าวสด ที่ 16 กุมภาพันธ์ 2567 05:33:36
กสม. หนุนออก กม.นิรโทษกรรม คดีชุมนุมทางการเมือง  จ่อชงข้อเสนอให้ กมธ.วิสามัญ พิจารณา
 


<span class="submitted-by">Submitted on Fri, 2024-02-16 02:03</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>กสม. หนุนออกกฎหมายนิรโทษกรรมคดีชุ<wbr></wbr>มนุมทางการเมือง เตรียมชงข้อเสนอแนะให้ กมธ.วิสามัญ พิจารณา - สนับสนุนรัฐบาลไทยจัดตั้งระเบี<wbr></wbr>ยงมนุษยธรรมแก่ประชาชนเมี<wbr></wbr>ยนมาและผู้หนีภัยชายแดนไทย - เมียนมา</p>
<p> </p>
<p>15 ก.พ.2567 สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุ<wbr></wbr>ษยชนแห่งชาติ รายงานต่อสื่อมวลชนว่า วันนี้ (15 ก.พ.67) เวลา 13.30 น. คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) โดยวสันต์  ภัยหลีกลี้ และนางศยามล ไกยูรวงศ์ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ แถลงข่าวเด่นประจำสัปดาห์ครั้<wbr style="font-family: inherit; font-size: inherit; font-style: inherit; font-variant-ligatures: inherit; font-variant-caps: inherit; font-weight: inherit;"></wbr>งที่ 6/2567 โดยมีวาระสำคัญดังนี้</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">กสม. หนุนออกกฎหมายนิรโทษกรรมคดีชุ<wbr></wbr>มนุมทางการเมือง เตรียมชงข้อเสนอแนะให้ กมธ.วิสามัญ พิจารณา</span></h2>
<p>นายวสันต์  ภัยหลีกลี้ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้<wbr></wbr>แทนราษฎรได้มีหนังสื<wbr></wbr>อขอทราบความเห็นและข้อเสนอแนะต่<wbr></wbr>อร่างพระราชบัญญัติสร้างเสริมสั<wbr></wbr>งคมสันติสุข พ.ศ. .... (ฉบับพรรคครูไทยเพื่อประชาชน) ตามมาตรา 77 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจั<wbr></wbr>กรไทย คณะกรรมการสิทธิมนุษชนแห่งชาติ (กสม.) ซึ่งได้ติดตามการเสนอร่<wbr></wbr>างกฎหมายและการพิจารณาร่<wbr></wbr>างกฎหมายของสภาผู้แทนราษฎรและวุ<wbr></wbr>ฒิสภามาอย่างต่อเนื่อง ตรวจสอบแล้วพบว่า ปัจจุบันมีการเสนอร่างกฎหมายนิ<wbr></wbr>รโทษกรรม และร่างกฎหมายสร้างเสริมสังคมสันติสุข ให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณา จำนวน 5 ฉบับ ได้แก่ ร่างกฎหมายของพรรคพลังธรรมใหม่ พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคครูไทยเพื่อประชาชน พรรคก้าวไกล และร่างกฎหมายของภาคประชาชน ต่อมาเมื่อวันที่ 1 ก.พ.2567 สภาผู้แทนราษฎรได้เห็นชอบให้ตั้<wbr></wbr>งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึ<wbr></wbr>กษาแนวทางการตราพระราชบัญญัตินิ<wbr></wbr>รโทษกรรม ตามที่พรรคเพื่อไทยเสนอ โดยกำหนดกรอบเวลาทำงาน 60 วัน มี ชูศักดิ์  ศิรินิล เป็นประธานกรรมาธิการ</p>
<p>จากการศึกษาร่างกฎหมาย ประกอบหลักสิทธิมนุษยชน กสม. เห็นว่า รัฐมีหน้าที่ในการคุ้มครองสิทธิ<wbr></wbr>และเสรีภาพของประชาชน เมื่อปรากฏการละเมิดสิทธิมนุ<wbr></wbr>ษยชน ผู้ได้รับความเสียหายมีสิทธิเข้<wbr></wbr>าถึงกระบวนการยุติธรรมอย่างเท่<wbr></wbr>าเทียมและได้รับการเยียวยาที่<wbr></wbr>เหมาะสม การนิรโทษกรรมจึงเป็นเครื่องมื<wbr></wbr>อหนึ่งในการยุติความขัดแย้<wbr></wbr>งในอดีตที่สมควรถูกหยิบยกขึ้<wbr></wbr>นมาใช้ในกรณีที่กระบวนการยุติ<wbr></wbr>ธรรมปกติไม่อาจระงับความขัดแย้<wbr></wbr>งได้ ทั้งนี้ การนิรโทษกรรมต้องอยู่ภายใต้หลั<wbr></wbr>กสิทธิมนุษยชน ความเสมอภาคเบื้องหน้ากฎหมายที่<wbr></wbr>เป็นเป้าหมายสูงสุ<wbr></wbr>ดของการธำรงไว้ซึ่งหลักนิติธรรม และการไม่เลือกปฏิบัติ กสม. จึงมีความเห็น ดังนี้</p>
<p>(1) ความมุ่งหมายของการนิรโทษกรรม ที่ผ่านมาร่างกฎหมายว่าด้<wbr></wbr>วยการนิรโทษกรรมของฝ่ายนิติบั<wbr></wbr>ญญัติมีเจตนารมณ์ในการนิ<wbr></wbr>รโทษกรรมสองรูปแบบ คือ กรณีเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์<wbr></wbr>ทางการเมืองและไม่เกี่ยวข้องกั<wbr></wbr>บเหตุการณ์ทางการเมือง ในกระบวนการร่างกฎหมายนิ<wbr></wbr>รโทษกรรมครั้งนี้มีความมุ่<wbr></wbr>งหมายเพื่อยุติ<wbr></wbr>ความแตกแยกทางความคิดและความขั<wbr></wbr>ดแย้งทางการเมืองตั้งแต่ก่<wbr></wbr>อนการรัฐประหารในปี 2549 ครอบคลุมการกระทำความผิดอันเกิ<wbr></wbr>ดจากการชุมนุม การประท้วง การเรียกร้อง การแสดงออก หรือการแสดงความคิดเห็น ที่มีมูลเหตุจูงใจทางการเมื<wbr></wbr>องหรือเกิดจากความขัดแย้<wbr></wbr>งทางการเมือง ซึ่งผู้กระทำความผิดมีมูลเหตุจู<wbr></wbr>งใจแตกต่างจากเจตนาในการกระทำผิ<wbr></wbr>ดทางอาญาในกรณีทั่วไป</p>
<p>(2) การกำหนดช่วงเวลาที่จะได้รั<wbr></wbr>บการนิรโทษกรรม ควรกำหนดให้ครอบคลุมถึงเหตุ<wbr></wbr>การณ์ หรือห้วงเวลาที่เกี่ยวข้องกับปั<wbr></wbr>จจัยหรือผลที่นำไปสู่ความขัดแย้<wbr></wbr>งทางการเมืองที่เกิดขึ้นทั้งหมด และในปัจจุบันความขัดแย้งดังกล่<wbr></wbr>าวก็ยังคงดำรงอยู่ในสังคมไทย ดังนั้น ควรกำหนดระยะเวลาการนิ<wbr></wbr>รโทษกรรมตั้งแต่ปี 2549 ถึงวันที่กฎหมายนิรโทษกรรมมี<wbr></wbr>ผลใช้บังคับ</p>
<p>(3) กรณีจำเป็นต้องมีคณะกรรมการพิ<wbr></wbr>จารณากลั่นกรองการให้นิ<wbr></wbr>รโทษกรรมในกฎหมาย คณะกรรมการต้องมีความเป็นอิสระ เป็นกลาง และไม่มีส่วนได้เสียในการพิ<wbr></wbr>จารณานิรโทษกรรม เพื่อไม่ให้ขัดกับหลักการที่ว่<wbr></wbr>าผู้กระทำความผิดย่อมไม่อาจเป็<wbr></wbr>นผู้ตัดสินความผิดที่ตนได้<wbr></wbr>กระทำลง และเป็นหน้าที่ของรัฐในการดำเนิ<wbr></wbr>นคดีและลงโทษผู้กระทำความผิด รวมทั้งเยียวยาผู้ที่ได้รั<wbr></wbr>บความเสียหายจากการกระทำความผิด</p>
<p>(4) ประเภทความผิดที่สมควรได้รั<wbr></wbr>บการนิรโทษกรรม ต้องกำหนดไว้โดยชัดแจ้<wbr></wbr>งในกฎหมายหรือบัญชีท้ายพระราชบั<wbr></wbr>ญญัติ ไม่ควรให้<wbr></wbr>คณะกรรมการไปกำหนดประเภทหรื<wbr></wbr>อฐานความผิดในภายหลัง เพราะการนิรโทษกรรมถือเป็นข้<wbr></wbr>อยกเว้นการกระทำความผิด ต้องใช้และตีความอย่างเคร่งครัด ไม่ขยายความไปใช้กับความผิดที่<wbr></wbr>ไม่ได้บัญญัติไว้ในกฎหมาย เพื่อป้องกันปัญหาการใช้ดุลพินิ<wbr></wbr>จและการมีส่วนได้เสียในการให้นิ<wbr></wbr>รโทษกรรม และต้องกระทำผ่านองค์กรนิติบั<wbr></wbr>ญญัติซึ่งเป็นผู้แทนปวงชนตามหลั<wbr></wbr>กการประชาธิปไตย</p>
<p>(5) ความผิดที่จะได้รับการนิ<wbr></wbr>รโทษกรรมจะต้องไม่เป็นความผิดที่<wbr></wbr>ละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง เช่น การทรมาน การบังคับบุคคลให้หายสาบสูญ การสังหารนอกระบบ การปฏิบัติหรือการลงโทษที่โหดร้<wbr></wbr>าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี การวิสามัญฆาตกรรม การสังหารโดยรวบรั<wbr></wbr>ดและตามอำเภอใจ อาชญากรรมต่อมนุษยชาติ การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ อาชญากรรมสงคราม การเอาคนลงเป็นทาส การค้ามนุษย์ และการกระทำรุนแรงที่เป็นการเลื<wbr></wbr>อกปฏิบัติทางเชื้อชาติ เป็นต้น เนื่องจากเป็นกรณีต้องห้<wbr></wbr>ามตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ เพราะละเมิดสิทธิในการได้รั<wbr></wbr>บความยุติธรรมและการชดใช้<wbr></wbr>ความเสียหาย ละเมิดพันธกรณีระหว่<wbr></wbr>างประเทศในการดำเนินคดี<wbr></wbr>และลงโทษผู้กระทำผิด ไม่สอดคล้องกับหน้าที่ของรัฐที่<wbr></wbr>ต้องสืบสวนการกระทำความผิด และสิทธิของเหยื่อที่จะได้รั<wbr></wbr>บการเยียวยาอย่างมีประสิทธิผล รวมทั้งละเมิดสิทธิในการรับรู้<wbr></wbr>ความจริงของผู้เสียหาย</p>
<p>ดังนั้น จึงต้องดำเนินการให้สอดคล้องกั<wbr></wbr>บสนธิสัญญาระหว่างประเทศ เช่น อนุสัญญาว่าด้วยการป้องกั<wbr></wbr>นและการลงโทษต่ออาชญากรรมที่เป็<wbr></wbr>นการทำลายเผ่าพันธุ์มนุษย์ (Genocide Convention) อนุสัญญาต่อต้<wbr></wbr>านการทรมานและการประติบัติหรื<wbr></wbr>อการลงโทษอื่นที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี (CAT) อนุสัญญาว่าด้วยการป้องกันบุ<wbr></wbr>คคลจากการหายสาบสูญโดยถูกบังคับ (CED) และกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิ<wbr></wbr>ทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ICCPR) และต้องไม่ขัดหรือแย้งต่อรั<wbr></wbr>ฐธรรมนูญที่บัญญัติรับรองและคุ้<wbr></wbr>มครองสิทธิเสรีภาพขั้นพื้<wbr></wbr>นฐานของประชาชน ด้วย</p>
<p>“หลังจากนี้ กสม. โดย ประธาน กสม. จะมีหนังสือแจ้งความเห็นและข้<wbr></wbr>อเสนอแนะดังกล่าวไปยั<wbr></wbr>งประธานสภาผู้<wbr></wbr>แทนราษฎรและประธานรัฐสภา เพื่อประกอบการพิ<wbr></wbr>จารณาแนวทางในการจัดทำร่<wbr></wbr>างกฎหมายนิ<wbr></wbr>รโทษกรรมของคณะกรรมาธิการวิสามั<wbr></wbr>ญพิจารณาศึ<wbr></wbr>กษาแนวทางการตราพระราชบัญญัตินิ<wbr></wbr>รโทษกรรมต่อไป” วสันต์ กล่าว</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">กสม. สนับสนุนรัฐบาลไทยจัดตั้งระเบี<wbr></wbr>ยงมนุษยธรรม (Humanitarian Corridor) แก่ประชาชนเมียนมาและผู้หนีภั<wbr></wbr>ยตามแนวชายแดนไทย - เมียนมา</span></h2>
<p>ศยามล  ไกยูรวงศ์ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เปิดเผยว่า ตามที่ยังคงปรากฏสถานการณ์<wbr></wbr>การปะทะกันระหว่างกองกำลั<wbr></wbr>งทหารเมียนมากับกองกำลังกลุ่<wbr></wbr>มชาติพันธุ์และกลุ่มต่อต้<wbr></wbr>านกองทัพเมี<wbr></wbr>ยนมาตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา โดยเกิดขึ้นเป็นระยะตั้งแต่ปี 2564 เรื่อยมา ส่งผลให้ประชาชนเมียนมา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง เด็ก คนชรา ผู้ป่วย และคนที่ได้รับบาดเจ็บ หนีภัยความไม่สงบเข้<wbr></wbr>ามาในเขตประเทศไทยโดยพักอาศั<wbr></wbr>ยในศูนย์พักพิงชั่วคราวจังหวั<wbr></wbr>ดตากและจังหวัดแม่ฮ่องสอน ขณะที่ประชาชนชาวไทยที่อาศัยอยู่<wbr></wbr>บริเวณชายแดนไทย-เมียนมา ก็มีความเสี่ยงต่อการสูญเสียชี<wbr></wbr>วิตและทรัพย์สิน เนื่องจากหลายครั้งมีกระสุนปื<wbr></wbr>นไม่ทราบฝ่ายตกมายังฝั่งไทย ทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลั<wbr></wbr>วและวิตกกังวลและหลายคนต้องหนี<wbr></wbr>ไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย</p>
<p>กสม. ได้ติดตามสถานการณ์การสู้รบดั<wbr></wbr>งกล่าวมาอย่างต่อเนื่องและใกล้<wbr></wbr>ชิด โดยประสานความร่วมมือกับภาคส่<wbr></wbr>วนต่าง ๆ เพื่อติดตามและหารือเพื่อให้<wbr></wbr>ภาคประชาสังคมร่วมกับหน่<wbr></wbr>วยงานภาครัฐสามารถส่งความช่<wbr></wbr>วยเหลือการดูแลสิทธิขั้นพื้<wbr></wbr>นฐานของชาวเมียนมาที่หนีภั<wbr></wbr>ยการสู้รบเข้ามาในเขตประเทศไทย รวมทั้<wbr></wbr>งประชาชนชาวไทยตามแนวชายแดนที่<wbr></wbr>ได้รับผลกระทบ โดยขอชื่นชมภาคส่วนต่าง ๆ ที่ได้ให้ความช่วยเหลือด้านมนุ<wbr></wbr>ษยธรรมแก่ผู้ประสบภัยมาอย่างต่<wbr></wbr>อเนื่อง</p>
<p>ล่าสุด เป็นที่น่ายินดีว่า เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2567 รัฐบาลไทยโดยรัฐมนตรีว่<wbr></wbr>าการกระทรวงการต่างประเทศได้<wbr></wbr>ลงพื้นที่บริเวณอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เพื่อสำรวจพื้นที่ที่เหมาะสมเพื่<wbr></wbr>อริเริ่มจัดตั้ง “ระเบียงมนุษยธรรม” (Humanitarian Corridor) บริเวณแนวชายแดน ซึ่งจะเป็นครั้<wbr></wbr>งแรกของประเทศไทยที่มี<wbr></wbr>การออกแบบศูนย์ส่งต่อความช่<wbr></wbr>วยเหลือให้แก่ประชาชนที่ได้รั<wbr></wbr>บผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่<wbr></wbr>สงบในเมียนมา อันสอดคล้องและเป็นส่วนหนึ่<wbr></wbr>งตามฉันทามติของผู้นำอาเซี<wbr></wbr>ยนในการประชุม ณ กรุงจาการ์ตา เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2564 ซึ่งไทยได้เสนอแนวทางการแก้ไขปั<wbr></wbr>ญหาไว้ 4 ประการ หรือ D4D ได้แก่ (1) De-escalating Violence การยุติความรุนแรง (2) Delivering Humanitarian Assistance การจัดส่งความช่วยเหลือด้านมนุ<wbr></wbr>ษยธรรม (3) Discharge of Detainees การปล่อยตัวผู้ถูกคุมขัง และ (4) Dialogue การหารือเพื่อนำไปสู่สันติภาพ ซึ่งในช่วงแรกเริ่มจะเป็นการเปิ<wbr></wbr>ดศูนย์ช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม (Humanitarian Assistance) โดยส่งมอบความช่วยเหลือ เช่น ข้าวสาร อาหารแห้ง ยารักษาโรค ผ่านสภากาชาดไทยไปยั<wbr></wbr>งสภากาชาดเมียนมา</p>
<p>“กสม. ขอสนับสนุนการเดินหน้าจัดตั้<wbr></wbr>งระเบียงมนุษยธรรม (Humanitarian Corridor) เพื่อยกระดับการให้ความช่วยเหลื<wbr></wbr>อด้านมนุษยธรรมแก่ประชาชนเมี<wbr></wbr>ยนมาและผู้หนีภั<wbr></wbr>ยตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา โดยกำหนดให้มีพื้นที่ปลอดภัย รวมถึงจัดหาสถานที่พักพิงช่<wbr></wbr>วยเหลือผู้ที่ได้รับการประหั<wbr></wbr>ตประหาร ผู้ที่หนีภัยการสู้รบ และผู้ที่พลัดถิ่นในประเทศเมี<wbr></wbr>ยนมาที่ติดกับชายแดนไทย ทั้งนี้ ควรดำเนินการร่วมกันระหว่างหน่<wbr></wbr>วยงานภาครัฐ ส่วนท้องถิ่น และภาคีเครือข่ายภาคประชาสังคม โดยเร่งดำเนินการในพื้นที่ที่มี<wbr></wbr>ความสำคัญเร่งด่วนที่สุดซึ่งเป็<wbr></wbr>นพื้นที่ที่มีการพลัดถิ่นเข้<wbr></wbr>ามาในประเทศไทยจำนวนมาก บริเวณแนวชายแดนไทยของจังหวั<wbr></wbr>ดแม่ฮ่องสอนขึ้นไปทั้งหมด และ กสม. ขอเน้นย้ำในหลักการให้ความคุ้<wbr></wbr>มครองผู้ประสบภัยจากการสู้รบ ไม่ผลักดันกลับสู่อันตราย (non - refoulement) อันสอดคล้องและเป็นไปตามกติ<wbr></wbr>การะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิ<wbr></wbr>พลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ICCPR) และอนุสัญญาว่าด้วยการต่อต้<wbr></wbr>านการทรมานและการประติบัติหรื<wbr></wbr>อการลงโทษอื่นที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี (CAT) ที่ประเทศไทยเป็นภาคีและมีพั<wbr></wbr>นธกรณีต้องปฏิบัติตาม” ศยามล กล่าว        </p>
<p> </p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ข่าว[/url]</div></div></div><div class="field field-name-field-category field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">การเมือง[/url]</div><div class="field-item odd"><a href="/category/%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B8%A9%E0%B8%A2%E0%B8%8A%E0%B8%99" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">สิทธิมนุษยชน[/url]</div></div></div><div class="field field-name-field-tags field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">สิทธิพลเมือง[/url]</div><div class="field-item odd"><a href="/category/%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B8%A9%E0%B8%A2%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ระเบียงมนุษยธรรม[/url]</div><div class="field-item even"><a href="/category/humanitarian-corridor" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">Humanitarian Corridor[/url]</div><div class="field-item odd"><a href="/category/%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%A3%E0%B9%82%E0%B8%97%E0%B8%A9%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">นิรโทษกรรม[/url]</div><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%84%E0%B8%93%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B8%A9%E0%B8%A2%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B4" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ[/url]</div><div class="field-item odd"><a href="/category/%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">สิทธิทางการเมือง[/url]</div></div></div><div class="field field-name-field-promote-end field-type-text field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even">ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่เฟซบุ๊ก https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2024/02/108084