[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

นั่งเล่นหลังสวน => สุขใจ ไปรษณีย์ => ข้อความที่เริ่มโดย: ใบบุญ ที่ 24 มีนาคม 2567 18:49:13



หัวข้อ: “จักรพรรดินีหลี่ว์” สตรีผู้ทรงอำนาจและเหี้ยมโหดแห่งราชวงศ์ฮั่น
เริ่มหัวข้อโดย: ใบบุญ ที่ 24 มีนาคม 2567 18:49:13

(https://www.silpa-mag.com/wp-content/uploads/2023/10/%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%9B%E0%B8%81--696x364.jpg)
ภาพประกอบ - Attributed to Zhou Fang, Ladies Wearing Flowers in Their Hair, c. late 8th–early 9th century,
handscroll, ink and color on silk, 46 x 180 cm (Liaoning Provincial Museum, Shenyang province, China)


“จักรพรรดินีหลี่ว์” สตรีผู้ทรงอำนาจและเหี้ยมโหดแห่งราชวงศ์ฮั่น
ปลิดชีพสนมด้วยการตัดแขนขา!

ผู้เขียน - ปดิวลดา บวรศักดิ์
เผยแพร่ - ศิลปวัฒนธรรม วันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ.2567


หากพูดถึงสตรีที่มีภาพจำว่าเป็นผู้ทรงอำนาจ เหี้ยมโหด และทำทุกอย่างเพื่อรักษาอำนาจของตนเองในเกมกระดานการเมืองจีน หลายคนคงนึกถึง “บูเช็กเทียน” สตรีที่ไต่เต้าจนก้าวขึ้นสู่บัลลังก์อำนาจในสมัยราชวงศ์ถัง หรือ “ซูสีไทเฮา” หญิงผู้ปราดเปรื่องจนกุมอำนาจและทำหน้าที่เป็นผู้ว่าราชการหลังม่านในยุคราชวงศ์ชิง แต่หากย้อนกลับไปเมื่อ 2,000 กว่าปีก่อน หรือในสมัยราชวงศ์ฮั่น มีจักรพรรดินีองค์หนึ่ง นามว่า “จักรพรรดินีหลี่ว์” หรือ “หลี่ว์โฮ่ว” ผู้มีความสามารถมากจนกุมอำนาจวังหลวงไว้ในมือของตนเอง ทั้งยังปลิดชีพคนใกล้ตัวและสนมคนโปรดของ “จักรพรรดิฮั่นเกาจู่” พระสวามีอย่างเหี้ยมโหด

จักรพรรดินีหลี่ว์” นามเดิมคือ “หลี่ว์จื้อ” อาศัยอยู่กับครอบครัวในมณฑลซานตง บิดาชื่อ หลี่ว์เหวิน ว่ากันว่าฐานะทางครอบครัวของหลี่ว์จื้อนั้นค่อนข้างดี มีอิทธิพล และมีหน้ามีตาในสังคม ทว่าหลังจากใช้ชีวิตอย่างยาวนานที่ซานตง เธอและบิดาก็ต้องย้ายมาอาศัยที่มณฑลเจียงซู เพื่อหนีศัตรูของตระกูล

แม้จะย้ายสำมะโนครัวมาตั้งรกรากใหม่ที่มณฑลเจียงซู แต่อำนาจที่เคยมีอยู่ในมือก็ไม่ได้ลดทอนลงไปเลยแม้แต่น้อย เพราะมีผู้กว้างขวางมากบารมีแวะเวียนมาพบปะสนทนากับบิดาของนางอยู่ไม่ขาด จนสนิทกับผู้พิพากษาท้องถิ่น ยิ่งไปกว่านั้นการจากลาบ้านเกิดเมืองนอนในครั้งนี้ยังทำให้ชีวิตของหลี่ว์จื้อเปลี่ยนไปตลอดกาลอีกด้วย

เย็นวันหนึ่ง หลี่ว์เหวินจัดงานเลี้ยงขึ้นที่จวนของตนเอง โดยตั้งข้อแม้ไว้ว่าผู้ที่จะเข้าร่วมงานนี้จะต้องมอบของขวัญล้ำค่าให้เจ้าบ้านอย่างน้อย 1,000 เหรียญ ผู้คนที่มาเยี่ยมเยียนต่างมอบสิ่งต่าง ๆ ให้กับหลี่ว์เหวินมากมาย

ทว่ามีเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นนายหนึ่ง นามว่า “หลิวปัง” ที่แตกต่างออกไป เพราะชายหนุ่มคนนี้เดินเข้ามาหาเจ้าของงานเลี้ยงด้วยท่าทางกล้าหาญ ชูเหรียญขึ้นมาหนึ่งเหรียญ แต่ประกาศว่าจะมอบเงินจำนวน 10,000 เหรียญให้


ด้วยท่าทางอันอาจหาญและไม่เหมือนใคร ทำให้หลี่ว์เหวินประทับใจในตัวหนุ่มคนนี้มาก ถึงขนาดประกาศให้ลูกสาวของตนเองอย่าง “หลี่ว์จื้อ” แต่งงานกับชายคนนั้น ทั้งคู่ครองรักกันอย่างสงบสุขและมีลูกสองคน เป็นบุตรชาย ชื่อว่า “หลิวหยิง” และบุตรีคือ “หลี่ว์หยวน

วันเวลาผ่านไป บ้านเมืองเริ่มระส่ำระสาย ราชวงศ์ฉินเสื่อมอำนาจ เนื่องจากปัญหาต่าง ๆ ทั้งฮ่องเต้ผู้เป็นศูนย์รวมอำนาจสวรรคต ปัญหาเกณฑ์แรงงาน ภาษี ฯลฯ บุคคลมีอำนาจจึงต่างแบ่งก๊กเหล่าและก่อกบฏ หนึ่งในนั้นคือ “หลิวปัง” โดยเขาได้รวมกลุ่มของตนเอง หวังจะโค่นบัลลังก์ราชวงศ์เดิม

กระทั่งปี 206 ก่อนคริสต์ศักราช ราชวงศ์ฉินก็ล่มสลาย และกำเนิด “ราชวงศ์ฮั่น” โดยหลิวปัง ซึ่งกลายมาเป็นปฐมกษัตริย์ “ฮั่นเกาจู่”

เมื่อกลายมาเป็นจักรพรรดิแห่งราชวงศ์ฮั่น ภรรยาและลูกทั้งสองก็ขึ้นมามีตำแหน่งในวังหลวง หลี่ว์จื้อ กลายมาเป็น “จักรพรรดินีหลี่ว์” ส่วนลูกชายและลูกสาวก็กลายมาเป็นองค์ชายและองค์หญิง

ทว่าปัญหาทางการเมืองก็ยังไม่จบสิ้น เพราะยังมีกลุ่มก๊กน้อยใหญ่ที่พร้อมจะก่อกบฏได้อยู่เสมอ และด้วยต้องการให้อำนาจทางการเมืองของตนแข็งแรงยิ่งขึ้น จักรพรรดินีหลี่ว์จึงเริ่มต้นการกระทำอันร้ายกาจ พระนางใส่ร้าย “หานซิ่น” หนึ่งในมือรบที่เก่งกาจ และมีส่วนสำคัญที่ช่วยหนุนให้พระสวามีของตนเองขึ้นครองราชย์ โดยกล่าวหาว่า หานซิ่นคบค้าสมาคมกับพวกทรราช ขณะที่จักรพรรดิออกไปปราบกบฏ หานซิ่นถูกจับมาอยู่ในวัง ก่อนที่หงส์แห่งราชวงศ์ฮั่นจะสั่งประหาร จนในที่สุดขุนพลมากฝีมือก็เสียชีวิต


รวมถึงชะตาชีวิตของ “เผิงเยว่” ทหารมากความสามารถ ผู้เคยสู้รบให้กับองค์จักรพรรดิก็ไม่ต่างกัน เพราะเขาก็ถูกปลิดชีพจากคำสั่งของจักรพรรดินีหลี่ว์

นอกจากนี้ ครอบครัวและญาติพี่น้องของทั้งสองคนก็ได้รับโทษประหารอีกด้วย

ความโหดเหี้ยมของพระนางยังไม่หมด เพราะมีนางสนมคนหนึ่งที่หงส์งามคนนี้โกรธเกลียดเคียดแค้นเป็นอย่างมาก นามว่า “สนมฉี” เนื่องจากเธอเป็นคนโปรดของพระสวามี และได้รับความรักอันล้นเปี่ยม ทั้งยังคลอดบุตรชายอย่าง “หลิวหรูอี้” ซึ่งเก่งกล้าสามารถ จักรพรรดิฮั่นเกาจู่จึงวางตัวไว้จะให้เป็นรัชทายาทแทนหลิวหยิง

ทว่าพระสวามียังคงมีชีวิตอยู่ และคอยปกป้องดูแลให้สนมฉีมีชีวิตรอดไปได้ในแต่ละวัน พระนางจึงยังไม่สามารถทำการอันใดได้ แต่ท้ายที่สุดก็เหมือนสวรรค์เปิดทาง เพราะเมื่อเข้าสู่ปี 195 ก่อนคริสต์ศักราช จักรพรรดิฮั่นเกาจู่ ก็สวรรคต

พระนางเริ่มต้นฆ่าหลิวหรูอี้เป็นอันดับแรก โดยส่งคนไปลอบฆ่าเขาขณะออกไปล่าสัตว์ เมื่อลูกชายของอดีตสนมคนโปรดสิ้นชีพ ก็จับตัวสนมฉีมาโกนศีรษะ บังคับให้นางทำงานหนัก ก่อนจะตัดแขน ตัดขา ควักลูกตา ตัดหู ให้ดื่มยาพิษจนเป็นใบ้ ตายอย่างสยดสยองในกองเลือด แล้วนำศพโยนลงไปในโถส้วม

เหตุการณ์นี้เรียกได้ว่าเป็นที่โจษจันไปทั่วดินแดน ถึงขนาดจักรพรรดิฮุ่ยที่เข้ามาพบในเวลาต่อมา ออกปากว่า “นี่เป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นจากมนุษย์ ในฐานะลูกชายของไทเฮา เจิ้นไม่สามารถปกครองจักรวรรดิได้อีกต่อไป”

ไม่เพียงแค่องค์ชายหรูอี้และสนมฉีเท่านั้นที่ตกเป็นเหยื่อของพระนาง ยังมีองค์ชายอีกสองพระองค์เช่นกันที่ต้องตกเป็นเหยื่อการกระทำอันเหี้ยมโหดนี้ หนึ่งคือ “หลิวเฝย” เขาถูกวางยาพิษในงานเลี้ยงของจักรพรรดิฮั่นฮุ่ย ทว่าได้รับการช่วยเหลือ ก่อนจะตัดสินใจขออนุญาตจักรพรรดิออกไปจากวังหลวง โดยสัญญาว่าจะสละดินแดนของตนเองให้

ส่วนอีกคนหนึ่งคือ “หลิวโหย่ว” องค์ชายคนนี้แต่งงานกับหลานสาวของไทเฮาหลี่ว์ ทว่าต่อมากลับมีชู้ ทำให้ภรรยาโกรธมาก จึงโป้ปดกับพระพันปีหลี่ว์ว่าพระสวามีของเธอจะก่อกบฏ จนในที่สุดหลิวโหย่วก็ถูกจับ ได้รับโทษไม่ให้กินดื่มอันใดทั้งสิ้น และอดตายในคุก

แม้ว่าการกระทำที่ผ่านมาของ “จักรพรรดินีหลี่ว์” จะเป็นที่น่าสะพรึงกลัว และสร้างความรู้สึกอกสั่นขวัญผวามากแค่ไหนก็ตาม ทว่าท้ายที่สุดพระนางก็ไม่เคยได้รับการลงโทษใด ๆ ทั้งยังมีอำนาจตลอดจนสิ้นอายุขัย และเสียชีวิตในปี 180 ก่อนคริสต์ศักราช