หัวข้อ: พระเจ้า ๕๐๐ ชาติ เรื่องที่ ๑๗๙ เวนสาขชาดก พรหมทัตกุมารกับปุโรหิตชั่ว เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 22 เมษายน 2567 16:54:09 (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/13576513404647__500_320x200_.jpg) พระเจ้า ๕๐๐ ชาติ เรื่องที่ ๑๗๙ เวนสาขชาดก พรหมทัตกุมารกับปุโรหิตชั่ว ในสมัยพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติอยู่ในนครพาราณสี อาจารย์ทิศาปาโมกข์ตั้งสำนักสอนศิลปศาสตร์อยู่ในเมืองตักสิลา มีกุลบุตรจากตระกูลกษัตริย์ ตระกูลพราหมณ์และตระกูลเศรษฐีไปเล่าเรียนกันมาก พระโอรสของพระเจ้าพรหมทัต พระนามว่า พรหมทัตกุมาร ก็ทรงไปศึกษาที่นั่น ระหว่างที่ศึกษาอยู่อาจารย์รู้ดีว่าพรหมทัตกุมารเป็นผู้กักขฬะหยาบ จักทารุณ ถ้าได้ขึ้นครองราชสมบัติเมื่อใดก็จะดำรงอยู่ในตำแหน่งได้ไม่นาน จึงสั่งสอนให้ตั้งอยู่ในเมตตากรุณาธรรม ให้มองเห็นผลดีของการทำความดี ผลชั่วของการทำชั่ว ให้ตั้งมั่นอยู่ในศีลธรรม ไม่ให้ทำตัวให้ล่มจม เหมือนคนเรือแตกอยู่กลางทะเลไม่มีที่พึ่งพาอาศัย ก็จะจมน้ำตายอย่างแน่นอน ภายหลังที่พรหมทัตกุมารสำเร็จการศึกษาแล้ว อาจารย์ก็ยังสั่งสอนกำชับนักหนา พรหมทัตกุมารก็ดูเหมือนจะตั้งอยู่ในโอวาทของอาจารย์ แต่พอกลับนครพาราณสี ได้สืบราชสมบัติต่อจากบิดา ทรงได้ปุโรหิตชื่อปริงคิยะ เป็นคนหยาบช้า โลภจัด ยุยงให้พระราชารุกรานประเทศต่างๆ เพื่อจะได้เป็นจอมจักรพรรดิแห่งโลก พระเจ้าพรหมทัตก็ทรงหยาบช้ากล้าแข็งขึ้น ทรงดำเนินการตามแผนร้ายของปุโรหิต ยกทัพไปล้อมเมืองต่างๆ ถึง ๑,๐๐๐ เมือง จับพระราชามาได้ ๑,๐๐๐ พระองค์ ยึดพระราชสมบัติในชมพูทวีปมาไว้ในเงื้อมพระหัตถ์ ยังเหลืออีกเมืองเดียวเท่านั้น คือ เมืองตักสิลา ที่เมืองตักสิลานี้ได้อาจารย์ทิศาปาโมกข์มาเป็นที่ปรึกษา อาจารย์ทิศาปาโมกข์รู้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงในอนาคตจึงแนะนำให้พระราชาแห่งนครตักสิลาซ่อมแซมพระนครเป็นการใหญ่ สร้างกำแพงเมืองอย่างแข็งแรง สร้างป้อมปราการสำหรับป้องกันศัตรูไว้พร้อมสรรพ อยู่มาวันหนึ่ง พระเจ้าพรหมทัตเห็นว่าจะต้องตีเมืองตักสิลาให้แตกซะที จึงยกกองทัพใหญ่ล้อมไว้โดยนำพระราชาเชลยศึก ๑,๐๐๐ พระองค์ไปด้เวย แต่พอสั่งกองทัพโจมตีเมืองตักสิลาก็ไม่อาจเข้าตีและยึดเมืองไว้ จึงตรัสถามปุโรหิตปริงคิยะว่าจะทำอย่างไร ปุโรหิตผู้โง่เขลาแนะนำให้ควักนัยน์ตาพระราชา ๑,๐๐๐ พระองค์ แล้วปลงพระชนม์เสีย ให้เอาลำไส้ของกษัตริย์ ๑,๐๐๐ พระองค์ต่อกัน เจิมด้วยเลือดสดๆ นำไปพันรอบต้นไทร ด้วยวิธีการอย่างนี้ก็จะเข้ายึดเมืองตักสิลาได้แน่นอน พระราชารับสั่งให้ทหารที่มีร่างกายกำยำ ทำตามนั้นแล้วให้เอาศพทิ้งในแม่น้ำคงคา เมื่อทำพิธีเสร็จให้ลั่นกลองรบ ทันใดนั้นเองมียักษ์ตนหนึ่งชื่ออัชชิสกตะมาควักเอาพระเนตรของพระเจ้าพรหมทัตออกไป พระองค์ได้รับทุกขเวทนาอย่างสาหัส จึงไปบรรทมใต้ต้นไทร ขณะนั้นแร้งตัวหนึ่งได้คาบชิ้นเนื้อมาเกาะอยู่บนต้นไทร แล้วทิ้งกระดูกตกลงมาถูกพระเนตรซ้ายของพระราชาจนแตก ทุกขเวทนาที่ได้รับอย่างรุนแรงนี้ ทำให้พระองค์คิดถึงคำสอนของอาจารย์ที่สอนให้กระทำแต่ความดี แต่พระองค์ทรงรู้สึกว่า ความชั่วที่พระองค์ทำไปนั้น สาหัสสากรรจ์นัก ไม่รู้จะถ่ายทอดได้อย่างไร ทรงเห็นว่าชีวิตคงไม่มีโอกาสกลับเนื้อกลับตัวได้อีก ทรงคร่ำครวญถึงอัครมเหสี พระองค์ทรงบ่นเนิ่นนาน จนกระทั่งเสด็จสวรรคตไปเกิดเป็นสัตว์นรก ฝ่ายปุโรหิตชั่วไม่อาจจะนำทัพได้ เมื่อพระเจ้าแผ่นดินของตนเสด็จสวรรคต กองทัพก็แตกกระเซ็นซ่านไป นิทานชาดกเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า “ผู้ใดทำกรรมให้แก่ผู้อื่น กรรมนั้นย่อมเกิดกับตน” พุทธศาสนสุภาษิตประจำเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ยานิ กโรติ ปุริโส ตานิ อตฺตนิ ปสฺสติ คนทำกรรมใดไว้ย่อมเห็นกรรมนั้นในตนเอง (๒๒/๒๙๔) ที่มา : นิทานชาดกจากพระไตรปิฎก : พระเจ้า ๕๐๐ ชาติ ฉบับสมบูรณ์ จัดพิมพ์เผยแพร่ธรรมโดย ธรรมสภา สถาบันบันลือธรรม |