[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

นั่งเล่นหลังสวน => สุขใจ ใต้เงาไม้ => ข้อความที่เริ่มโดย: Kimleng ที่ 16 พฤษภาคม 2567 15:18:05



หัวข้อ: กากาติชาดก
เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 16 พฤษภาคม 2567 15:18:05
(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/33482404963837_888_Copy_.jpg)

กากาติชาดก

วาติ จายํ ตโต คนฺโธติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ อุกฺกณฺฐิฺตภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ ฯ

เมื่อสมเด็จพระบรมศาสดาเสด็จประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงพระปรารภภิกษุกระสันรูปหนึ่งให้เป็นเหตุ ได้ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า วาติ จายํ ตโต คนฺโธ เป็นต้น

ตทา หิ สตฺถา ก็ในกาลครั้งนั้นสมเด็จพระบรมศาสดาตรัสถามภิกษุรูปนั้นว่า ได้ยินว่าเธอกระสันหรือภิกษุ เมื่อเธอกราบทูลรับว่า จริงพระเจ้าข้า ตรัสถามซ้ำอีกว่ากระสันเพราะเหตุอะไร เธอกราบทูลว่าด้วยอำนาจกิเลสพระเจ้าข้าฯ  จึงตรัสว่า ภิกษุ ธรรมดามาตุคามใครๆ รักษาไว้ไม่ได้ ไม่อาจรักษาให้เป็นปรกติอยู่ได้ แต่พวกโบราณกบัณฑิตในกาลก่อน แม้ให้มาตุคามขึ้นอยู่บนวิมานคือต้นสิมพลีที่ท่ามกลางมหาสมุทรก็ยังไม่อาจรักษาไว้ได้ แล้วทรงนำอดีตนิทานมาแสดงดังต่อไปนี้

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต ฯลฯ  ในอดีตกาลครั้งเมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติอยู่ในเมืองพาราณสี มีพระโพธิสัตว์อุบัติในคัพโภทรพระอัครมเหสีแห่งท้าวเธอ พอทรงเจริญวัยพระราชบิดาเสด็จทิวงคตล่วงลับไปจึงได้ดำรงราชสมบัติสืบสันตติวงศ์ พระอัครมเหสีของพระองค์ ทรงพระนามว่ากากาติ มีพระรูปงดงามดังเทพอัปสร

ในเรื่องนี้ มีเนื้อความสังเขปดังนี้ แต่เรื่องพิสดารจักมีแจ้งในกุณาลชาดกฯ  ตทา ปเนโก สุปณฺณราชา ก็ในกาลครั้งนั้นยังมีพญาสุบรรณตนหนึ่ง ซึ่งจำแลงเพศเป็นมนุษย์มาเล่นสกากับพระเจ้าพาราณสี พอมีจิตปฏิพัทธ์ในพระอัครมเหสีอันมีพระนามว่ากากาติ ก็ลักพาไปสู่สุบรรณพิภพอภิรมย์อยู่ด้วยพระนางฯ  ฝ่ายพระราชาเมื่อไม่ได้ทัศนาเห็นพระเทวีจึงตรัสสั่งคนฟ้อนอันมีนามว่านฏะกุเวรให้เที่ยวค้นหาพระเทวีฯ  นฏะกุเวรสงสัยพญาสุบรรณ คิดจะจับให้ได้ตัวจริง จึงแอบนอนอยู่ ณ ป่าตะไคร้น้ำในสระแห่งหนึ่งซึ่งเป็นที่มาเล่นของพญาสุบรรณ  เวลาพญาสุบรรณมาเล่นในสระนั้นแล้วจะกลับไปจึงเข้าแอบนั่งในระวางปีกไปกับพญาสุบรรณ ครั้นถึงสุบรรณพิภพก็หนีออกจากระวางปีก แอบอภิรมย์กับพระราชเทวี แล้วเข้านั่งซ่อนตัวในระวางปีกของพญาสุบรรณกลับมาอีก ในเวลาพญาสุบรรณเล่นสกากับพระราชาก็ถือพิณของตนไปสู่บ่อนสกา ยืนในพระราชสำนักขับคาถาเป็นปฐมว่า


            วาติ จายํ ตโต คนฺโธ      ยตฺถ เม วสตี ปิยา
            ทูเร อิโต หิ กากาติยตฺถ เม นิรโต มโน ฯ

            ความว่า หญิงที่รักของเราไปอยู่ที่ใด กลิ่นยังฟุ้งมาแต่ที่นั้นจนถึงนี่

มีอธิบายว่า พญาสุบรรณบริบูรณ์ด้วยทิพยสมบัติดังเทพดา ของหอมเครื่องไล้ทาก็เป็นทิพย์มีกลิ่นหอมตรลบ ถึงพระราชเทวีตกไปในสำนักของพญาสุบรรณก็ได้ไล้ทาของหอมที่เป็นทิพย์เหมือนกัน เมื่อได้ถึงตัวกับนฎะกุเวรกลิ่นหอมนั้นก็ติดกายเขามา เขาจึงขับคาถาแสดงความประสงค์ว่ากลิ่นของหอมอันเป็นทิพย์ที่กายของพระราชเทวีติดตัวเขามาถึงบ่อนสกานี้ ฯ ใจเรายินดีนักแล้วในนางใด นางนั้นชื่อว่ากากาติไปอยู่ไกลแต่ที่นี้ไป ดังนี้

ตํ สุตฺวา สุปณฺณราชา เมื่อพญาสุบรรณได้สดับดังนั้นจึงกล่าวประพันธทุติยคาถาว่า


            กถํ สมุทฺทมตริ    กถํ อติ เกปุกํ
            กถํ สตฺต สมุทฺทานิ  กถํ สิมฺพลิมารุหิ ฯ  

            ความว่า  ท่านข้ามทะเลนี้ไปได้อย่างไร  ท่านข้ามแม่น้ำเกปุกะไปได้อย่างไร
                       ท่านข้ามสมุทรทั้งเจ็ดไปได้อย่างไร  ท่านขึ้นต้นสิมพลีไปได้อย่างไร

อธิบายว่า ต่อทะเลชมพูทวีปนี้ไปมีแม่น้ำชื่อว่าเกปุกะอยู่ข้างหน้า แล้วมีภูเขาใหญ่ๆ มีมหาสมุทรสลับไปถึงเจ็ดชั้นจึงจะถึงต้นสิมพลีซึ่งเป็นสุบรรณวิมาน เหตุดังนี้เมื่อพญาสุบรรณได้ฟังเพลงขับพรรณนาเหตุการณ์ เข้าใจว่าเขาได้ไปถึงวิมานของตนแล้วกลับมา จึงผูกความถามเป็นคาถาที่สองนั้น

ตํ สุตฺวา นฏกุเวโร เมื่อนฏะกุเวรได้ฟังดังนั้นจึงกล่าวประพันธตติยาคาถาว่า


            ตยา สมุทฺทมตรึ    ตยา อตริ เกปุกํ
            ตยา สตฺต สมุทฺทานิ   ตยา สิมฺพลิมารุหึ ฯ

            ความว่า ข้าเจ้าได้ข้ามทะเลนี้ไปกับท่าน ข้าเจ้าได้ข้ามแม่น้ำเกปุกะไปกับท่าน ข้าเจ้าได้ข้ามมหาสมุทรทั้งเจ็ดไปกับท่าน ข้าเจ้าได้ขึ้นต้นสิมพลีไปกับท่านดังนี้

ตโต สุปณฺณราชา ลำดับนั้นพญาสุบรรณได้กล่าวจตุตถคาถาว่า


            ธิรตฺถุ มํ มหากายํ  ธิรตฺถุ มํ อเจตนํ  
            ยตฺถ ชายายหํ ชารํ   อาวหามิ วหามิ วา ฯ

ความว่า น่าเกลียด กายใหญ่นี้หาประโยชน์มิได้ น่าชัง กายใหญ่นี้ไม่มีเจตนา คือใหญ่โตเกินไปจนไม่รู้สึกของเบาของหนัก แต่เราต้องนำมา
นำไปซึ่งชู้ของเมีย จึงน่าติเตียนร่างกายใหญ่อันไม่มีประโยชน์ดังนี้

พญาสุบรรณจึงพาพระราชเทวีกลับมาถวายพระเจ้าพาราณสีคืน แล้วกลับไปสู่ภพของตนมิได้มาอีก

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา เมื่อพระบรมศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประกาศจตุราริยสัจประชุมชาดก เมื่อจบอริยสัจลง อุกกัณฐิตภิกษุได้ดำรงในโสดาปัตติผล นฏะกุเวรในกาลนั้นได้มาเป็นอุกกัณฐิตภิกษุในกาลนี้ ส่วนพระราชาได้มาเป็นเรานี้แล.


ที่มา : กากาติชาดก (นิบาตชาดก เล่ม ๓) กากีคำกลอนและลิลิตกากี กรมศิลปากร พิมพ์เผยแพร่ พุทธศักราช ๒๕๖๓