[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

นั่งเล่นหลังสวน => สุขใจ จิบกาแฟ => ข้อความที่เริ่มโดย: Kimleng ที่ 29 มิถุนายน 2567 16:24:33



หัวข้อ: หมีโคอาลา หรือ หมีต้นไม้ สัตว์ใกล้สูญพันธุ์ในประเทศออสเตรเลีย
เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 29 มิถุนายน 2567 16:24:33
(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/89301022763053_438082874_1840590593123279_258.jpg)
หมีโคอาลา ขนสีน้ำตาล นอนหลับปุ๋ยบนต้นยูคาลิปตัส ในประเทศออสเตรเลีย

(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/19270331702298_438088444_1840590996456572_441.jpg)
หมีโคอาลา หรือ หมีต้นไม้ ขนสีเทา ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขบนต้นยูคาลิปตัส ในประเทศออสเตรเลีย

(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/51696951480375_441550464_1840590913123247_819.jpg)

(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/45810732659366_442412436_1840590536456618_254.jpg)
ป้ายบอกถึงถิ่นที่อยู่อาศัยของหมีโคอาลา

หมีโคอาลา

โคอาลา (koala) เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมมีกระเป๋าหน้าท้อง จำพวกพอสซัม (ไม่ใช่หมี) ตัวเมียจะมีกระเป๋าหน้าท้อง สำหรับให้ลูกอ่อนอาศัยอยู่ จากการที่มีลักษณะรูปร่างหน้าตาคล้ายสัตว์ในตระกูลหมี ทำให้ส่วนใหญ่นิยมว่า "หมีโคอาลา" หรือ "หมีต้นไม้"

โคอาลา นับเป็นซากดึกดำบรรพ์มีชีวิตอีกชนิดหนึ่ง เนื่องจากพบหลักฐานเป็นฟอสซิลอายุนานกว่า ๒๐ ล้านปีมาแล้ว ในออสเตรเลียตอนใต้ เป็นโคอาลาขนาดยักษ์

ใน ค.ศ.๑๗๙๘ มีบันทึกครั้งแรกสุดที่พบโคอาลา ข้อมูลรายละเอียดของโคอาลาเริ่มถูกตีพิมพ์ในซิดนีย์กาเซ็ตต์ ค.ศ.๑๘๑๖ นักธรรมชาติวิทยาชาวฝรั่งเศส อองรี-มารีย์ ดูโครเตย์ เดอ แบลงวิลล์ ตั้งชื่อทางวิทยาศาสตร์ให้ ชื่อว่า Phascolarctos ซึ่งมาจากภาษากรีก โดยเกิดจากคำ ๒ คำ รวมกัน คือคำว่า "กระเป๋าหน้าท้องของจิงโจ้" และคำว่า "หมี" ต่อมานักธรรมชาติวิทยาชาวเยอรมัน ยอร์จ ออกัส โกลด์ฟัสส์ ได้ตั้งชื่อที่เฉพาะเจาะจงลงไปเป็น cinereus ซึ่งหมายถึง "สีขี้เถ้า"

ส่วนชื่อสามัญคำว่า "โคอาลา" มาจากภาษาอะบอริจินี มีความหมายว่า "ไม่กินน้ำ" เนื่องจากพฤติกรรมที่เป็นสัตว์ที่ไม่ดื่มน้ำเลย เพราะได้รับน้ำในปริมาณที่เพียงพอจากใบยูคาลิปตัสอยู่แล้

ขนาดและน้ำหนัก
โคอาลาที่อยู่ทางตอนใต้จะมีขนาดใหญ่กว่าที่อื่น โดยตัวผู้สูงประมาณ ๓๐.๘ นิ้ว หรือ ๗๘ เซนติเมตร ในขณะที่ตัวเมียสูงประมาณ ๒๘ นิ้ว หรือ ๗๒ เซนติเมตร   โคอาลาที่อยู่ทางตอนใต้ ตัวผู้มีน้ำหนักเฉลี่ย ๒๖ ปอนด์ หรือ ๑๑.๘ กิโลกรัม ในขณะน้ำหนักเฉลี่ยของตัวเมียอยู่ที่ ๑๗.๔ ปอนด์ หรือ ๗.๙ กิโลกรัม   โคอาลาที่อยู่ทางตอนเหนือ ตัวผู้มีน้ำหนักเฉลี่ย ๑๔.๓ ปอนด์ หรือ ๖.๕ กิโลกรัม ในขณะน้ำหนักเฉลี่ยของตัวเมียอยู่ที่ ๑๑.๒ ปอนด์ หรือ ๕.๑ กิโลกรัม โคอาลาแรกเกิดมีน้ำหนักเพียง ๐.๕ กิโลกรัม เท่านั้น โคอาลาที่อยู่ทางตอนใต้มีขนที่หนาเหมือนขนแกะ บริเวณหลังจะมีขนที่หนาและยาวกว่าบริเวณท้อง โคอาลาที่อยู่ทางตอนเหนือมีขนที่สั้นกว่า โคอาลามีขนหนาที่สุดเมื่อเทียบกับสัตว์มีกระเป๋าหน้าท้องอื่นๆ ขนมีสีเทา ถึง น้ำตาลปนเหลือง และมีสีขาวบริเวณคาง หน้าอก และด้านหน้าของแขน–ขา ขนบริเวณหูมีลักษณะเป็นปุย และมีขนสีขาวที่ยาวกว่าบริเวณอื่น

ถิ่นที่อยู่อาศัย
โคอาลาอาศัยอยู่ในป่าที่มีต้นยูคาลิปตัส ปัจจุบันจะพบโคอาลาได้ที่ รัฐควีนส์แลนด์, รัฐนิวเซาท์เวลส์, รัฐวิกตอเรีย และรัฐเซาท์ออสเตรเลีย

ศัตรู
ศัตรูที่สำคัญที่สุดของโคอาลา คือ มนุษย์ที่ล่าเพื่อเอาขน เนื่องจากไม่ค่อยมีศัตรูตามธรรมชาติ จนกระทั่งเกือบถึงขั้นสูญพันธุ์ ในปี ค.ศ.๑๙๖๓ จึงมีการออกกฎหมายห้ามล่าโคอาลาขึ้นมา

อาหาร
โคอาลากินใบยูคาลิปตัสเป็นอาหาร ฟันและระบบย่อยอาหารถูกพัฒนามาให้สามารถกินและย่อยใบยูคาลิปตัสได้ ใบยูคาลิปตัสมีสารอาหารน้อยมาก และยังมีสารที่มีพิษต่อสัตว์ แต่ระบบย่อยอาหารของโคอาลามีการปรับตัว ทำให้สามารถทำลายพิษนั้นได้ โคอาลามีอวัยวะที่ทำหน้าที่ในการย่อยไฟเบอร์ (ส่วนประกอบหลักของใบยูคาลิปตัส) ยาวมากถึง ๒๐๐ เซนติเมตร ที่บริเวณอวัยวะนี้ จะมีแบคทีเรียที่ช่วยในการย่อยไฟเบอร์ให้กลายเป็นสารอาหารที่ดูดซึมได้ อย่างไรก็ตาม โคอาลามีการดูดซึมสารที่ได้จากการย่อยไฟเบอร์ไปใช้เพียงแค่ร้อยละ ๒๕ ของที่มันกินไปเท่านั้น ส่วนน้ำในใบยูคาลิปตัสส่วนใหญ่ถูกดูดซึม ทำให้โคอาลาไม่ค่อยหาน้ำกินจากแหล่งน้ำ ส่วนใหญ่โคอาลากินใบยูคาลิปตัสประมาณวันละ ๒,๐๐๐ ถึง ๕,๐๐๐ กรัม โดยปกติมันจะนอนถึง ๑๖-๒๔ ชั่วโมงต่อวัน เพื่อรักษาพลังงานไว้ ทำให้โคอาลาวิวัฒนาการตัวเองให้มีสมองขนาดเท่ากับมะเขือเทศหนึ่งผลเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ใบของยูคาลิปตัสมีความเหนียวมาก ทำให้โคอาลาต้องใช้การเคี้ยวในแต่ละครั้งอยู่เป็นเวลานานกว่าจะกลืนลงไป โดยอาจจะเคี้ยวมากถึง ๑๖,๐๐๐ ครั้งต่อวัน ทำให้โคอาลาตัวที่มีอายุมาก ฟันจะสึกหมดปาก

การสืบพันธุ์
ฤดูการสืบพันธุ์ของโคอาลาอยู่ในช่วงฤดูฝน (ราวเดือนกันยายน–มีนาคม) โดยปกติโคอาลาโดยเฉพาะตัวผู้เป็นสัตว์ที่ก้าวร้าว ดุร้าย จึงมักอยู่อย่างสันโดษ ตัวผู้และตัวเมียจะอยู่ด้วยกันก็ต่อเมื่อในฤดูผสมพันธุ์เท่านั้น ตัวเมียเริ่มเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์เมื่ออายุ ๓ ถึง ๔ ปี และมักมีลูกปีละตัว แต่ทั้งนี้อาจมีลูกปีเว้นปี หรือ ปีเว้น ๒ ปี ก็ได้ ขึ้นกับอายุของตัวเมียและสภาพแวดล้อม อายุขัยเฉลี่ยของโคอาลาตัวเมียประมาณ ๑๒ ปี ทำให้มีลูกได้อย่างมาก ๕-๖ ตัว ตลอดอายุขัยของมัน มันใช้เวลาตั้งท้องประมาณ ๓๔-๓๖ วัน ลูกโคอาลาที่เกิดใหม่ มีความยาวเพียง ๒ เซนติเมตร และมีน้ำหนักไม่ถึง ๑ กรัม ผิวหนังสีชมพู ไม่มีขน ยังไม่ลืมตา และยังไม่มีหู ลูกโคอาลาจะอาศัยอยู่ในกระเป๋าหน้าท้องของแม่ และกินนมแม่อยู่นาน ๗-๘ เดือน หลังจากอายุได้ ๖-๗ สัปดาห์ ลูกโคอาลามีความยาวของหัวประมาณ ๒๖ มิลลิเมตร และเมื่อเริ่มสัปดาห์ที่ ๑๓ จะมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นเป็น ๕๐ กรัม และมีความยาวของหัวเพิ่มขึ้นเป็น ๕๐ มิลลิเมตร เมื่ออายุได้ ๒๒ สัปดาห์ ตาของลูกโคอาลาจะเริ่มเปิด และมันจะเริ่มโผล่หัวออกมาจากกระเป๋าหน้าท้องของแม่ พออายุได้ ๒๔ สัปดาห์ จะมีขนเต็มตัว และฟันซี่แรกเริ่มงอก สัปดาห์ที่ ๓๐ ลูกโคอาลาจะมีน้ำหนักประมาณ ๐.๕ กิโลกรัม และมีขนาดของหัวยาว ๗๐ มิลลิเมตร ตอนนี้มันเริ่มใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ข้างนอกกระเป๋าหน้าท้องของแม่ สัปดาห์ที่ ๓๖ ลูกโคอาลามีน้ำหนักเพิ่มขึ้นเป็น ๑ กิโลกรัม และไม่เข้าไปอยู่ในกระเป๋าหน้าท้องแม่อีกแล้ว ส่วนมากมันมักจะเกาะอยู่ที่หลังของแม่ แต่ในช่วงอากาศหนาว หรืออากาศชื้น มันก็จะกลับเข้าไปอยู่ในกระเป๋าหน้าท้องของแม่อีก สัปดาห์ที่ ๓๗ ลูกโคอาลาเริ่มออกห่างจากแม่เพื่อเดินเที่ยวเล่น แต่ยังอยู่ในระยะใกล้ๆ สัปดาห์ที่ ๔๔ ลูกโคอาลากล้าเดินออกมาไกลมากขึ้น แต่ยังไปเกินระยะทาง ๑ เมตร ที่ห่างจากแม่ สัปดาห์ที่ ๔๘ ลูกโคอาลายิ่งมีความอยากผจญภัย หรืออยากรู้อยากเห็นยิ่งขึ้น และไม่ส่งเสียงร้องอีกแล้วเมื่อแม่ของมันเดินห่างออกไป มันจะอยู่กับแม่ของมันถึงอายุประมาณ ๑ ปี ซึ่งช่วงนี้มันจะมีน้ำหนัก ๒ กิโลกรัมกว่าเล็กน้อย

ในระยะแรกๆ ลูกโคอาลาจะกินมูลของแม่ด้วย เพื่อให้ร่างกายได้สะสมแบคทีเรียจำพวกเพปไทด์ซึ่งมีฤทธิ์ในการย่อยใบยูคาลิปตัส ซึ่งจะเป็นประโยชน์เมื่อโตขึ้น

อายุขัย
ขึ้นกับปัจจัยรอบข้าง โดยเฉลี่ยมีอายุประมาณ ๑๓-๒๐ ปี เนื่องจากยีนส์

การติดต่อสื่อสาร
โคอาลาใช้เสียงในการติดต่อสื่อสาร ซึ่งเสียงที่ใช้มีหลายลักษณะ โดยทั่วไปตัวผู้มักส่งเสียงร้องดังเพื่อประกาศหรือบอกบริเวณที่ตนอาศัยอยู่ ในขณะที่ตัวเมียจะไม่ค่อยส่งเสียงร้อง ตัวเมียจะส่งเสียงร้องดังเมื่อมีอาการก้าวร้าว สำหรับโคอาลาตัวเมียที่มีลูกอ่อน จะใช้เสียงที่มีความอ่อนโยนกับลูกของตนเอง เมื่อเกิดความกลัวขึ้น โคอาลาทั้งตัวผู้และตัวเมียจะใช้ส่งเสียงคล้ายเสียงเด็กร้องไห้ นอกจากนี้ โคอาลายังใช้กลิ่นของตนเองทำเครื่องหมายตามต้นไม้ที่ต่างๆ ในการติดต่อถึงกัน

สถานที่เลี้ยง
ปัจจุบัน โคอาลาได้กลายเป็นสัตว์ที่มีจัดแสดงตามสวนสัตว์ต่างๆ ทั่วโลก โดยสามารถเพาะขยายพันธุ์ในสถานที่เลี้ยงได้ สำหรับในประเทศไทย จนถึงปัจจุบัน (ค.ศ.๒๐๑๖) สามารถเพาะขยายพันธุ์โคอาลาได้แล้วถึง ๒๐ ตัว และจำหน่ายไปยังสวนสัตว์ต่างๆ ทั่วโลก



๕ เหตุผลสุดคูลที่ทำให้ 'โคอาลา' ผู้น่ารัก กลายเป็นหนึ่งในฮีโร่รัก(ษ์) แหล่งน้ำของผืนโลก

อาหารที่อุดมด้วยน้ำ
โคอาลาเป็นสัตว์ที่มีวิธีอันชาญฉลาดในการทำให้ร่างกายของพวกเขาไม่ขาดน้ำ เหล่าโคอาลาไม่เหมือนกับมนุษย์ที่จำเป็นต้องดื่มน้ำเข้าไปในปริมาณ ๑.๕ ลิตร แต่โคอาลาจะได้รับความสดชื่นจากการเคี้ยวใบยูคาลิปตัส อาหารหลักที่อุดมไปด้วยน้ำ

เรื่องขนนุ่มๆที่คุณไม่รู้
หากมองเผินขนของเหล่าโคอาลาดูเหมือนนุ่มนิ่มน่ากอดซะเหลือเกิน แต่หากในความเป็นจริงขนของพวกเขากลับแข็งราวกับเส้นลวด ช่วยกันน้ำได้อย่างดี ทำให้ตัวของพวกเขาอบอุ่นและแห้งสบายอยู่ตลอดเวลา

ร้อนเหลือทน!
โคอาลาอาศัยอยู่ในประเทศออสเตรเลีย หนึ่งในประเทศที่แห้งแล้งที่สุดในโลก ด้วยผลกระทบนี้ทำให้แหล่งอาหาร แหล่งใบยูคาลิปตัสของพวกเขาลดลง บางครั้งพวกเขาจำต้องลงจากต้นไม้มาหาน้ำดื่มทดแทน

ดื่มน้ำช่วงแรกเกิด
เหล่าลูกๆ ของโคอาลา หรือที่เรียกกันว่า 'โจอี้' จะหยุดดื่มนมแม่เมื่อพวกเขาอายุราว ๕-๖ เดือน และจะเปลี่ยนมากินใบยูคาลิปตัสแหล่งอาหารที่อุดมไปด้วยน้ำเช่นเดียวกับแม่โคอาลา

มื้อใหญ่เวลาเที่ยงคืน
สัตว์แสนน่าเอ็นดูเหล่านี้มีเวลากินอาหารที่แปลก พวกเขาจะใช้เวลาในตอนกลางวันนอนหลับพักผ่อน และกินอาหารมื้อใหญ่ในช่วงตอนกลางคืน ซึ่งเป็นเวลาที่อากาศเย็นทำให้พวกเขาไม่ต้องสูญเสียน้ำในร่างกายมากนัก



แหล่งอ้างอิง (ข้อมูล) :
     - www.nestlepurelife.com
     - wikimedia.org

(https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/2/25/Friendly_Female_Koala.JPG/800px-Friendly_Female_Koala.JPG)
สัตว์โลกน่ารัก หมีโคอาลา หรือ หมีต้นไม้
ขอขอบคุณเว็บไซต์ "วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี" (ที่มาภาพ)