[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

นั่งเล่นหลังสวน => สุขใจ ห้องสมุด => ข้อความที่เริ่มโดย: Kimleng ที่ 01 กรกฎาคม 2567 16:27:38



หัวข้อ: นางผีเสื้อสมุทร
เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 01 กรกฎาคม 2567 16:27:38
(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/83904444881611_12_Copy_.jpg)
นางผีเสื้อสมุทร
ภาพจาก : อุทยานเขาแหลมหญ้า ต.บ้านเพ จ.ระยอง



นางผีเสื้อสมุทร

ผีเสื้อสมุทร หรือ นางผีเสื้อสมุทร หรือบางทีก็เรียกว่า ผีเสื้อยักษ์ แปลตามศัพท์ว่า “นางยักษ์ที่อยู่ในทะเล”  เป็นยักษ์เพศหญิง รูปร่างใหญ่มหึมา ถ้ามิได้อยู่ในน้ำก็จะเป็นนางยักษ์ที่มีหน้าที่คุ้มครองเมืองอยู่บนบก  ในพระราชนิพนธ์รามเกียรติ์ รัชกาลที่ ๒ เรียกว่าผีเสื้อเมืองหรือปีศาจเสื้อเมือง ชื่อนางอากาศตะไล   อย่างไรก็ดี การกล่าวถึงนางผีเสื้อหรือผีเสื้อสมุทร มักจะเป็นการกล่าวอย่างประชดหรือดูหมิ่นดูแคลนว่า “ผู้หญิงคนนั้นรูปร่างใหญ่โต หน้าตาน่าเกลียด” เช่นกล่าวว่า “หน้าตายังกะนางผีเสื้อ” บ้าง “รูปร่างใหญ่โตราวกะนางผีเสื้อสมุทร” บ้าง   ในเรื่องรามเกียรติ์ รัชกาลที่ ๑ และที่ ๒ กล่าวข้อความตรงกันว่า นางผีเสื้อสมุทรเป็นนางยักษ์ที่พิทักษ์ท้องทะเล มีหน้าที่ป้องกันข้าศึกทางทะเล มิให้เข้ามาตีบ้านเมืองเอาได้

ในพระราชนิพนธ์รามเกียรติ์ รัชกาลที่ ๑ กล่าวถึงการสู้รบระหว่างหนุมานกับนางผีเสื้อสมุทรที่รักษาทะเลเมืองลังกา ว่าดังนี้


      “บัดนั้น     กำแหงหนุมานชาญสมร
เห็นนางผีเสื้อฤทธิ์รอน     ขึ้นจากสาครมาราวี
จึงชักตรีเพชรออกจากกาย     ลูกพระพายต่อฤทธิ์ยักษี
โรมรุกบุกบั่นประจันตี     ต่างหนีต่างไล่กันไปมา
      บัดนั้น     ผีเสื้อสมุทรใจกล้า
กวัดแกว่งกระบองเป็นโกลา         หวดซ้ายป้ายขวาอลวน
ต่างตนสัประยุทธ์ยุดแย้ง         ตีรันฟันแทงสับสน
สองแข็งต่อแข็งแรงรณ     ถ้อยทีโจมผจญไม่ลดกัน

(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/86798680863446_444488684_1854908431691495_540.jpg)
พระอภัยมณี
ภาพจาก : หาดแม่รำพึง จังหวัดระยอง

อย่างไรก็ดี เรื่องของนางผีเสื้อสมุทรบางทีก็เป็นเรื่องโรแมนติก มีลักษณะบางอย่างเป็นแบบรักโลภโกรธหลงเหมือนมนุษย์ทั่วไปก็มี ดังในเรื่องพระอภัยมณี ของสุนทรภู่  นางยักษิณีผีเสื้อสมุทรเป็นบุคคลที่มีอารมณ์เหมือนมนุษย์ทุกอย่าง จึงมีบทบาทที่เข้ากับตัวบุคคลอื่นๆ ในเรื่องได้กลมกลืนที่สุด จะขอยกเรื่องของนางผีเสื้อสมุทรมากล่าวอย่างสั้นๆ ดังคำกลอนต่อไปนี้

”จะกล่าวถึงอสุรีผีเสื้อน้ำ     อยู่ท้องถ้ำวังวนชลสาย
ได้เป็นใหญ่ในพวกปีศาจพราย     สกนธ์กายตัวใหญ่เท่าไอยรา
ตะวันเย็นขึ้นมาเล่นทะเลกว้าง               เที่ยวอยู่กลางวารินกินมัจฉา
ฉวยฉนากกลากฟัดกัดกุมภา     เป็นภักษานางมารสำราญใจ
แล้วเล่นน้ำดำโดดโลดทะลึ่ง     เสียงโผงผึงเผ่นโผนโจนไถล
เข้าในฝั่งวังวนข้างต้นไทร     พอนางได้ยินเสียงสำเนียงดัง
วิเวกแว่ววังเวงด้วยเพลงปี่     ป่วนฤดีดาลดิ้นถวิลหวัง
เสน่หาอาวรณ์อ่อนกำลัง     เข้าเกยฝั่งหาดทรายสบายใจ
แล้วลุกขึ้นเท้าแขนแหงนชะแง้     ชำเลืองแลหลากจิตคิดสงสัย
เห็นพระองค์ทรงโฉมประโลมใจ           นั่งเป่าปี่อยู่ใต้พระไทรทอง
ทั้งทรวดทรงองค์เอวก็อ้อนแอ้น     เป็นหนุ่มแน่นน่าชมประสมสอง
ถ้าแม้นได้กันกับกูเป็นคู่ครอง     จะประคองกอดแอบไว้แนบเนื้อ
น้อยหรือแก้มซ้ายขวาก็น่าจูบ     ช่างสมรูปนี่กระไรวิไลเหลือ
ทั้งลมปากเป่าปี่ไม่มีเครือ     นางผีเสื้อตาดูทั้งหูฟัง
ยิ่งปั่นป่วนรวนเรเสน่ห์รัก     สุดจะหักวิญญาณ์เหมือนบ้าหลัง
อุตลุดผุดทะลึ่งขึ้นตึงตัง     โดยกำลังโลดโผนโจนกระโจม
ชุลมุนหมุนกลมดังลมพัด     กอดกระหวัดอุ้มองค์พระทรงโฉม
กลับกระโดดลงน้ำเสียงด้ำโครม         กระทุ่มโถมถีบดำไปถ้ำทอง
ครั้นถึงถ้ำแผ่นผาศิลาลาด     แสนสวาทเปรมปรีดิ์ไม่มีสอง
ค่อยวางองค์ลงบนเตียงเคียงประคอง     ทำกระหยิ่มยิ้มย่องด้วยยินดี

เรื่องของนางผีเสื้อสมุทรดำเนินต่อไปยืดยาว เป็นที่สนุกสนานตื่นเต้นจนถึงวาระสุดท้ายของนางที่ต้องตายด้วยเสียงปี่ แม้พระอภัยมณีจะเกลียดชังนางมาตั้งแต่ต้น แต่เมื่อนางตายแล้วก็หวนคิดถึงความดีของนางและคร่ำครวญด้วยความเสียดายว่า

      “สงสารนักภคินีเจ้าพี่เอ๋ย              เป็นคู่เชยเคียงชิดพิสมัย
ถึงรูปชั่วตัวดำแต่น้ำใจ     จะหาไหนได้เหมือนเจ้าเยาวมาลย์


แหล่งอ้างอิงข้อมูล : “ผีเสื้อสมุทร” สารานุกรมไทยภาคกลาง หน้า ๓๗๘๘-๓๗๙๐ มูลนิธิสารานุกรมวัฒนธรรมไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ พิมพ์เผยแพร่