หัวข้อ: ว่าด้วยเรื่องของพระคาถา "มงกุฎพระพุทธเจ้า" และคำแปลพระคาถา เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 09 กรกฎาคม 2567 08:50:41 คาถา "มงกุฎพระพุทธเจ้า"
เมื่อทำได้แล้วจะเข้าใจได้ทันทีว่าคาถานี้ทำไมจึงมีชื่อว่า คาถามงกุฎพระพุทธเจ้า และ ให้ทรงมงกุฏพระพุทธเจ้านี้เอาไว้ตลอดเวลาเป็นการทรงอารมณ์ในพุทธานุสติกรรมฐาน อ้างถึง อิติปิโส วิเสเสอิ อิเสเส พุทธะนาเมอิ อิเมนา พุทธะตังโสอิ อิโสตัง พุทธะปิติอิ การสวดพระคาถานี้ ว่า ๓ จบ หรือ ๙ จบ สำหรับอานิสงส์ของคาถานี้เป็น คาถาครอบจักรวาล เรานำไปใช้ในทางกุศลได้ทุก ๆ เรื่อง โดยมีประวัติของการใช้คาถานี้มายาวนาน ส่วนใหญ่ในราชสำนัก แม้แต่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า รัชกาลที่ ๕ ท่านก็ทรง พระคาถานี้เป็นประจำมีที่ปรากฏเป็นปาฏิหาริย์ ครั้งที่ถูกทูตต่างประเทศนำม้าเทศตัวใหญ่แต่เป็นม้าพยศ มาท้าให้ท่านทรง พระองค์ท่าน ได้ใช้พระคาถานี้เสกหญ้าให้ม้ากินก่อน ม้าตัวนั้นก็กลับเชื่องให้พระองค์ทรงม้าแต่โดยดี เรื่องนี้ทำให้รัชกาลที่ ๖ ผู้ทรงสร้างพระบรมรูปทรงม้าถวายเสด็จพ่อของท่านได้ทรงแฝงนัยยะ แห่งกฤษดาอภินิหารนี้เพื่อเทิดทูนพระคุณท่านเอาไว้ คราวนี้เรามาดูว่าเคล็ดในการว่าคาถาบทนี้กัน หลักในการว่าคาถาให้มีความศักดิ์สิทธิ์นั้น มีพื้นฐานจาก " จิต " เป็นสำคัญ หากจิตมีสมาธิสูงตั้งมั่นคาถาก็ยิ่งทรงความศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นระหว่างที่ว่าคาถาให้ จับลมหายใจสบายพร้อม ๆ กับ การภาวนาคาถาบทนี้ เป็นขั้นที่ ๑ ระดับสูงกว่านี้ ในสมัยกรุงศรีอยุธยา ท่านใช้คาถาบทนี้โดยมีนิมิต กำกับคาถา โดยทรงพุทธนิมิต ไว้ดังนี้ โดยตั้งกำลังใจว่าเรา ขอกราบอาธารณาบารมี พระพุทธเจ้าเสด็จประทับเหนือเศียรเกล้าของข้าพเจ้าเพื่อปกปักรักษาคุ้มครองข้าพเจ้าด้วยเทอญ จากนั้นสวดพระคาถา " อิติปิโส วิเสเสอิ อิเสเสพุทธนาเมอิ อิเมนา พุทธตังโสอิ อิโสตังพุทธปิติอิ " เมื่อว่าคาถาจบ คาบที่ ๑ ก็กำหนดอาราธณาพุทธนิมิต อยู่เบื้องหน้า ของศีรษะของเรา และ ทรงพุทธนิมิตนี้เอาไว้ " อิติปิโส วิเสเสอิ อิเสเส พุทธนาเมอิอิเมนา พุทธตังโสอิ อิโสตัง พุทธปิติอิ " ว่าคาถาจบที่ ๒ ก็กำหนดพุทธนิมิตอีกพระองค์หนึ่ง อยู่เบื้องขวา ของศีรษะของเรา และ ทรงพุทธนิมิตทั้งหมดเอาไว้ " อิติปิโส วิเสเสอิ อิเสเสพุทธนาเมอิ อิเมนา พุทธตังโสอิ อิโสตังพุทธปิติอิ " ว่าคาถาจบที่ ๓ ก็กำหนดพุทธนิมิตอีกพระองค์ อยู่ด้านหลัง ของศีรษะเรา และ ทรงพุทธนิมิตเอาไว้ " อิติปิโสวิเสเสอิ อิเสเส พุทธนาเมอิ อิเมนา พุทธตังโสอิ อิโสตังพุทธปิติอิ " ว่าคาถาจบที่ ๔ ก็กำหนดพุทธนิมิตอีกพระองค์ อยู่ด้านซ้าย และ ทรงพุทธนิมิตเอาไว้ " อิติปิโส วิเสเสอิ อิเสเสพุทธนาเมอิ อิเมนา พุทธตังโสอิ อิโสตังพุทธปิติอิ " ว่าคาถาจบที่ ๕ ก็กำหนดพุทธนิมิตอีกพระองค์อยู่ด้านตะวันออกเฉียงเหนือ ของศีรษะของเรา และ ทรงพุทธนิมิตเอาไว้ " อิติปิโสวิเสเสอิ อิเสเส พุทธนาเมอิ อิเมนา พุทธตังโสอิ อิโสตังพุทธปิติอิ " ว่าคาถาจบที่ ๖ ก็กำหนดพุทธนิมิตอีกพระองค์ อยู่ด้านตะวันออกเฉียงใต้ ของศีรษะของเรา และ ทรงพุทธนิมิตเอาไว้ " อิติปิโส วิเสเสอิ อิเสเส พุทธนาเมอิ อิเมนาพุทธตังโสอิ อิโสตัง พุทธปิติอิ " ว่าคาถาจบที่ ๗ ก็กำหนดพุทธนิมิตอีกพระองค์ อยู่ด้านตะวันตกเฉียงใต้ ของศีรษะของเรา และ ทรงพุทธนิมิตเอาไว้ " อิติปิโส วิเสเสอิ อิเสเส พุทธนาเมอิ อิเมนาพุทธตังโสอิ อิโสตัง พุทธปิติอิ " ว่าคาถาจบที่ ๘ ก็กำหนดพุทธนิมิตอีกพระองค์ อยู่ด้านตะวันตกเฉียงเหนือ ของศีรษะของเรา และทรงพุทธนิมิตเอาไว้ทั้ง ๘ พระองค์เรียงวนรอบศีรษะของเรา " อิติปิโส วิเสเสอิ อิเสเสพุทธนาเมอิ อิเมนา พุทธตังโสอิ อิโสตังพุทธปิติอิ " ว่าคาถาจบที่ ๙ กำหนดพุทธนิมิตพระพุทธเจ้าองค์ใหญ่เสด็จประทับกึ่งกลางศีรษะเป็นยอดมงกุฎเปล่งประกายพรึก ทุกๆพระองค์เป็นมงกุฎเพชรพระพุทธเจ้าทั้งเก้าพระองค์ บนเศียรเกล้าของเรา เมื่อทำได้แล้วจะเข้าใจได้ทันทีว่าคาถานี้ทำไมจึงมีชื่อว่า คาถามงกุฎพระพุทธเจ้า และให้ทรงมงกุฎพระพุทธเจ้านี้เอาไว้ตลอดเวลาเป็นการทรงอารมณ์ในพุทธานุสติกรรมฐาน คำแปลคาถามงกุฎพระพุทธเจ้า ขออัญเชิญคุณแห่งพระพุทธเจ้าอันวิเศษ คุณแห่งกระแสพระนิพพานอันประเสริฐ ซึ่งพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ทรงสรรเสริญแล้ว จงเป็นมหาวิภูษิตาภรณ์ประดับด้วยมงกุฎทิพย์ และเครื่องทรงแห่งพระเจ้ามหาจักรพรรดิ ครอบคลุมข้าพเจ้าตลอดกาลทุกเมื่อเทอญ ยอดคาถามหามนต์ จากตำราเก่า ตำราโบราณ เรียบเรียงโดยเพจเรื่องเล่าชาวสยาม |