[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => ชาดก พระเจ้า 500 ชาติ => ข้อความที่เริ่มโดย: Kimleng ที่ 29 กรกฎาคม 2567 15:20:35



หัวข้อ: พระเจ้า ๕๐๐ ชาติ เรื่องที่ ๒๐๗ กามนีตชาดก : พระราชาผู้ไม่อิ่มในกาม
เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 29 กรกฎาคม 2567 15:20:35

(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/13576513404647__500_320x200_.jpg)

พระเจ้า ๕๐๐ ชาติ เรื่องที่ ๒๐๗ กามนีตชาดก
พระราชาผู้ไม่อิ่มในกาม

          สมัยพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติอยู่ในกรุงพาราณสี พระองค์ทรงมีโอรสทั้งหมด ๒ พระองค์ เมื่อเติบใหญ่ได้ส่งให้ทั้ง ๒ พระองค์ศึกษาที่สำนักอาจารย์ทิศาปาโมกข์ เมื่อพระราชาสวรรคตทั้ง ๒ พระองค์ก็ทรงกลับกรุงพาราณสี
          พระองค์พี่ได้กลับมาเป็นพระราชาในกรุงพาราณสี พระองค์น้องได้เป็นอุปราช ทั้งสองพระองค์นั้น องค์พี่ผู้เป็นพระราชาเป็นผู้ไม่อิ่มในวัตถุและกิเลสกาม มีพระทัยโลภในทรัพย์สมบัติ
          ในคราวนั้น พระโพธิสัตว์เป็นท้าวสักกเทวราชตรวจดูชมพูทวีป ทรงทราบว่าพระราชานั้นมิได้ทรงอิ่มในกาม ทรงดำริว่า “จักไปข่มขี่พระราชานี้ให้ละอายพระทัย” จึงทรงแปลงเป็นพราหมณ์หนุ่มเข้าเฝ้าพระราชา
          เมื่อพระราชาตรัสถามว่า “แน่ะมาณพ เจ้ามาด้วยประสงค์อะไร” กราบทูลว่า “ขอเดชะ ข้าพระองค์พบนครสามแห่ง น่ารื่นรมย์ มีพืชพรรณธัญญาหารอุดมสมบูรณ์ พรั่งพร้อมด้วย ช้าง ม้า รถ พลนิกร และเงินทองเครื่องอลังการ แต่พระองค์สามารถยึดนครทั้ง ๓ นั้นด้วยกำลังเล็กน้อยเท่านั้น ข้าพระองค์มาเพื่อรับอาสาไปตีเมืองทั้งสามถวายพระองค์”
          เมื่อตรัสถามว่า “เราจะไปกันเมื่อไรเล่ามาณพ”
          กราบทูลว่า “ไปพรุ่งนี้พระเจ้าข้า”
          ตรัสว่า “ถ้าเช่นนั้นเราไปด้วยกัน ท่านมาแต่เช้าๆ หน่อย”
          ท้าวสักกะตรัสว่า “ดีแล้ว พระเจ้าข้า” พระองค์จึงเตรียมพลไว้โดยเร็ว แล้วเสร็จกลับวิมานของพระองค์
          รุ่งขึ้นพระราชารับสั่งให้เที่ยวตีกลองเรียกชุมนุมพล รับสั่งให้อำมาตย์ทั้งหลายมา แล้วตรัสว่า “เมื่อวานนี้มีพราหมณ์มาณพผู้หนึ่ง รับอาสาจะตีนครทั้งสามเอาพระราชสมบัติถวาย คือ นครอุตตรปัญจาละ นครอินทปัตร นครเกกกะ เราจะพามาณพนั้นไปตีเอาราชสมบัติในนครทั้งสามนั้น พวกท่านจงไปตามตัวมาณพนั้นมาโดยเร็ว” พวกอำมาตย์ทูลถามว่า “ข้าแต่พระองค์ พระองค์พระราชทานที่พักให้มาณพนั้นที่ไหน”
          พระราชาตรัสว่า “เราไม่ได้ให้ที่พักแก่เขา”
          กราบทูลถามว่า “เสบียงอาหารพระองค์พระราชทานหรือเปล่า”
          ตรัสว่า “เสบียงอาหารก็ไม่ได้ประทาน”
          ทูลถามว่า “ข้าพระองค์จะไปตามตัวได้ที่ไหน”
          ตรัสว่า “พวกท่านจงเที่ยวตามหาดูตามถนนในนครเถิด”
          พวกอำมาตย์เที่ยวตรวจตราดูแล้วไม่พบ จึงกราบทูลว่า “ไม่พบตัวพระเจ้าข้า” เมื่อพระราชาไม่ได้ตัวมาณพก็เกิดความโศกเสียพระทัย จนทำให้จิตใจขุ่นมัว โรคหัวใจกำเริบจนอาเจียนออกมาเป็นเลือด บรรดาแพทย์ทั้งหลายก็ไม่สามารถจะรักษาได้
          เวลาผ่านมา ๓-๔ วัน ท้าวสักกเทวราชทรงตรวจดู ทรงทราบการประชวรของพระราชา ทรงดำริว่า จักช่วยรักษา จึงแปลงเป็นพราหมณ์มาเยือนประตูพระราชวัง ให้กราบทูลว่ามีหมอพราหมณ์จะมารักษาพระองค์ พระราชาทรงสดับดังนั้นตรัสว่า “หมอหลวงล้วนแต่ใหญ่โต ยังรักษาเราไม่ได้ ท่านจงจ่ายค่าป่วยการให้เขากลับไปเถิด”
          ท้าวสักกเทวราชได้สดับคำอำมาตย์มาบอกแล้วตรัสว่า “เราไม่ต้องการที่พักและค่าป่วยการแม้ค่าขวัญ ข้าวเราก็ไม่ขอรับ เราขอรักษาพระองค์ ขอพระราชาจงให้เราเฝ้าเถิด”
          พระราชาทรงสดับดังนั้นแล้วรับสั่งว่า “ถ้าเช่นนั้นจงมาเถิด”
          ท้าวสักกเทวราชเสด็จเข้าไปแล้ว ถวายบังคม ยืน ณ ส่วนข้างหนึ่ง
          พระราชาตรัสถามว่า “ท่านจะรักษาเราหรือ จงรักษาเถิด” ท้าวสักกเทวราชกราบทูลว่า “ข้าแต่พระองค์ ขอประทานโอกาส ขอพระองค์จงบอกลักษณะของโรคแก่ข้าพระองค์ว่าเกิดเพราะเหตุอะไร เกิดเพราะเสวยอะไร หรือได้ทอดพระเนตร หรือทรงสดับอะไร”
          พระราชาตรัสว่า “แน่ะพ่อ โรคของเราเกิดเพราะได้ฟังข่าว” ท้าวสักกเทวราชกราบทูลว่า “พระองค์ทรงสดับข่าวอะไร”
          ตรัสว่า “มีมาณพคนหนึ่งมาบอกว่าจักรับอาสาตีเอาราชสมบัติในนครทั้งสามถวายเรา เราก็ไม่ได้ให้ที่พักหรือค่ากินอยู่แก่เขา เขาคงโกรธเราจึงไปเฝ้าพระราชาองค์อื่น เมื่อเป็นเช่นนั้นจึงได้เกิดโรคขึ้น ถ้าท่านสามารถก็จงรักษาโรคอันเกิดเพราะจิตปรารถนาของเรา”
          พระราชาทรงตรัสว่า “เราปรารถนาระหว่างเมืองทั้งสาม คือ เมืองปัญญาจาละ ๑  เมืองกุรุยะ ๑  เมืองเกกกะ ๑  ท่านพราหมณ์ เราปรารถนาราชสมบัติทั้งสามเมืองนั้นมากกว่าราชสมบัติที่เราได้แล้วนี้ พราหมณ์ขอท่านรักษาเราผู้ถูกความใคร่ครอบงำด้วยเถิด”
          ท้าวสักกะเทวราชจึงตรัสกะพระราชาว่า “ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท พระองค์จะรักษาด้วยสมุนไพรคงไม่หาย ต้องรักษาด้วยญาณอย่างเดียว” ได้กล่าวว่า “อันที่จริงเมื่อบุคคลถูกงูเห่ากัด หมอบางคนก็รักษาได้ บุคคลถูกผีสิง หมอผู้ฉลาดก็ไล่ออกได้ แต่บุคคลผู้ถูกความใคร่เข้าครอบงำ ใครๆ ก็รักษาไม่หาย เพราะว่าเมื่อบุคคลล่วงเลยธรรมขาวเสียแล้ว จะรักษาได้อย่างไร” ท้าวสักกเทวราชบอกสาเหตุที่พระราชาทรงประชวร แล้วกล่าวว่า “ราชสมบัติทั้งสามแคว้นนั้น เมื่อพระองค์เสวยราชทั้ง ๔ นครจะฉลองพระองค์ด้วยสาฎกทั้ง ๔ คู่ คราวเดียวกันได้อย่างไรเล่าหนอ จะเสวยทั้ง ๔ ถาดทอง จะบรรทมทั้ง ๔ พระแท่น สิริไสยาสน์คราวเดียวกันได้อย่างไร ข้าแต่มหาราช พระองค์ไม่พึงเป็นไปด้วยอำนาจตัณหา ชื่อว่าตัณหานี้เป็นมูลรากของความวิบัติ ย่อมซัดบุคคลลงนรกทั้ง ๘ ขุม อุสสทนรก ๑๖ ขุม และอบายภูมิที่เหลือ มีประเภทนานาประการ”
          ท้าวสักกเทวราชแสดงธรรมขู่พระราชด้วยภัยในนรกอย่างนี้
          ฝ่ายพระราชาฟังธรรมของท้าวสักกเทวราชแล้วก็คลายความเศร้าหายจากป่วยทันที ท้าวสักกะประทานโอวาทแด่พระราชาให้ดำรงอยู่ในศีลแล้วเสด็จกลับเทวโลก ฝ่ายพระราชาตั้งแต่นั้นทรงบำเพ็ญบุญ มีทาน เสด็จไปตามยถากรรม
   

นิทานชาดกเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
“จงอย่าอยู่อย่างอยาก อย่าหลงใหลในกามคุณ”

พุทธศาสนสุภาษิตประจำเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
มา กามรติสนฺถวํ
จงอย่ายินดีหมกมุ่นในกาม (๒๖/๓๘๗)

สตฺติสูลูปมา กามา
กามทั้งหลายเปรียบเหมือนหอกและหลาว (๑๕/๑๘๐)

ที่มา : นิทานชาดกจากพระไตรปิฎก : พระเจ้า ๕๐๐ ชาติ ฉบับสมบูรณ์ จัดพิมพ์เผยแพร่ธรรมโดยธรรมสภา สถาบันบันลือธรรม