หัวข้อ: พระเจ้า ๕๐๐ ชาติ เรื่องที่ ๒๐๘ ธัมมัทธชชาดก : ฝูงนกกับกาเจ้าเล่ห์ เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 29 กรกฎาคม 2567 15:22:43 (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/13576513404647__500_320x200_.jpg) พระเจ้า ๕๐๐ ชาติ เรื่องที่ ๒๐๘ ธัมมัทธชชาดก ฝูงนกกับกาเจ้าเล่ห์ ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติอยู่ในนครพาราณสี พระโพธิสัตว์เกิดเป็นนก เติบโตแล้วมีฝูงนกห้อมล้อมอาศัยอยู่ที่เกาะกลางมหาสมุทร ครั้งนั้น พ่อค้าชาวกาสิกรัฐกลุ่มหนึ่งพากันแล่นเรือไปยังมหาสมุทร โดยเอากาบอกทิศไปด้วย เรือแตกท่ามกลางมหาสมุทร กาบอกทิศนั้นไปถึงเกาะนั้นแล้วคิดว่า นกฝูงนี้เป็นฝูงใหญ่ เราควรทำการโกหก แล้วกินไข่และลูกอ่อนของนกฝูงนี้อร่อยๆ มันบินร่อนลงแล้วยืนขาเดียวอ้าปากอยู่ที่พื้นดินท่ามกลางฝูงนก ลูกนกทั้งหลายถามว่า “ท่านเป็นใคร?” กาก็บอกว่า “ฉันเป็นผู้ประพฤติธรรม” นก “เหตุไฉน ท่านจึงยืนขาเดียว?” กา “เมื่อฉันเหยียบ ๒ ขา แผ่นดินก็ไม่สามารถจะทนทานได้” นก “เมื่อเป็นเช่นนั้น เหตุไฉนท่านจึงยืนอ้าปาก?” กา “ฉันไม่กินอาหารอื่น กินแต่ลมเท่านั้น” ครั้นมันตอบอย่างนั้นแล้ว จึงเรียกนกเหล่านั้นมาเตือนว่า “ฉันจักให้โอวาทเธอทั้งหลาย จงพากันมาฟังโอวาทของฉันกันทุกตัว” แล้วได้กล่าวโอวาทขึ้นว่า “ญาติพี่น้องทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงพากันประพฤติธรรม ความเจริญจักมีแก่พวกเธอ เพราะว่าผู้ประพฤติธรรมย่อมอยู่เป็นสุขทั้งโลกนี้และโลกหน้า” กานั้นแสดงว่าผู้ประพฤติธรรม ยืน นั่ง เดิน นอน ก็เป็นสุขอย่างยิ่ง เป็นสุขทุกอิริยาบถ นกทั้งหลายไม่รู้ว่า กาตัวนี้พูดอย่างนี้เพื่อจะโกหกกินไข่นก เมื่อจะพรรณนาความทุศีลนั้น จึงได้กล่าวว่า “จำเริญหนอนกตัวนี้ นกผู้ประพฤติธรรม ยืนขาเดียว พร่ำสอนธรรมอย่างเดียว” นกทั้งหลายเชื่อฟังกาทุศีลนั้นแล้วบอกว่า “นายครับ ได้ทราบว่าท่านไม่หาเหยื่ออย่างอื่น กินลมเท่านั้น ถ้ากระนั้นขอให้ท่านคอยดูไข่และลูกอ่อนของพวกฉันด้วย เวลาที่พวกฉันไปหาเหยื่อ” กาทุศีลตัวนั้น เวลานกเหล่านั้นไปแล้วก็จิกกินไข่และลูกอ่อนของนกเหล่านั้นจนเต็มท้อง แต่เวลานกเหล่านั้นกลับมาก็สงบเสงี่ยมยืนขาเดียวอ้าปากอยู่ นกทั้งหลายมาแล้วไม่เห็นลูกน้อยของตน ร้องดังลั่นว่าใครหนอกินลูกเรา แต่ไม่รู้สึกสงสัยในกาตัวนั้น เพราะคิดว่ากาตัวนี้ประพฤติธรรม อยู่มาวันหนึ่ง พญานกคิดว่าเมื่อก่อนที่นี่ไม่มีอันตรายอะไร แต่กาตัวนี้มาแล้วอันตรายจึงเกิด เราควรซุ่มจับพิรุธกาตัวนี้ พญานกนั้นทำเหมือนไปหาเหยื่อกับนกทั้งหลาย แต่ก็กลับมาเกาะอยู่ในที่กำบัง ฝ่ายกาเข้าใจว่านกทั้งหลายไปแล้ว ก็ไม่รอช้า ลุกไปหากินไข่นกและลูกอ่อน แล้วกลับมายืนขาเดียว อ้าปากอยู่ พญานกเมื่อนกทั้งหลายกลับมาแล้ว พญานกจึงเรียกให้ฝูงนกทั้งหมดมาประชุมกัน เตือนฝูงนกว่า “วันนี้ฉันซุ่มจับอันตรายของลูกสูเจ้าทั้งหลาย ได้เห็นกาทุศีลตัวนี้กินลูกสูเจ้าอยู่ มาเถิดสูเจ้าทั้งหลายพวกเราจงจับมันไว้” แล้วให้ล้อมกานั้นไว้สั่งว่า “ถ้าหากมันจะหนีไปไซร้ สูเจ้าทั้งหลายจงพากันจับมันไว้” แล้วได้กล่าวต่อว่า “กาตัวนั้นไม่มีศีล สูเจ้าทั้งหลายจงรู้ไว้เถิด เพราะไม่รู้จึงพากันสรรเสริญมัน มันกินทั้งไข่ทั้งลูกอ่อน” แล้วพูดว่า “ธรรมๆ มันพูดอย่างหนึ่งด้วยวาจา แต่ทำอย่างหนึ่งด้วยกาย พูดแต่ปาก แต่ไม่ทำด้วยกาย ไม่ตั้งในธรรมนั้น มันเป็นผู้อ่อนหวานทางวาจา แต่เป็นผู้มีใจร้ายกาจ คือ ปากปราศรัยหัวใจเชือดคอ มันเป็นผู้ยกธรรมขึ้นเป็นธงชัย ซ่อนตัวไว้ เหมือนงูเห่าหมอบ ซ่อนตัวอาศัยอยู่ในรู ฉะนั้น กาตัวนี้ถูกสมมติว่าเป็นสัตว์ดีในบ้านและนิคมทั้งหลาย คนโง่รู้ได้ยาก สูเจ้าทั้งหลายจงใช้จะงอยปาก ปีก และเท้า จิกตีกาตัวนี้ สูเจ้าทั้งหลาย จงให้กาชั่วช้าตัวนี้พินาศ กาตัวนี้ไม่ควรอยู่ร่วม” พญานกครั้นพูดอย่างนี้แล้ว ตนเองก็โดดขึ้นใช้จะงอยปากจิกหัวของกานั้น นกที่เหลือก็พากันใช้จะงอยปากบ้าง เล็บบ้าง แข้งบ้าง ปีกบ้าง จิกตี มันก็ถึงความสิ้นชีวิต ณ ที่นั้นนั่นเอง นิทานชาดกเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า “อย่าเป็นคนปากอย่างใจอย่าง” พุทธศาสนสุภาษิตประจำเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ยถาวาที ตถาการี พูดอย่างไร ทำอย่างนั้น (๒๗/๖๐๕) หทยสฺส สทิสี วาจา วาจาเช่นเดียวกับใจ (๒๗/๕๖๐) ที่มา : นิทานชาดกจากพระไตรปิฎก : พระเจ้า ๕๐๐ ชาติ ฉบับสมบูรณ์ จัดพิมพ์เผยแพร่ธรรมโดยธรรมสภา สถาบันบันลือธรรม |