หัวข้อ: พระเจ้า ๕๐๐ ชาติ เรื่องที่ ๒๑๐ มหาปิงคละชาดก : พระเจ้าปิงคละผู้ร้ายกาจ เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 29 กรกฎาคม 2567 15:31:28 (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/13576513404647__500_320x200_.jpg) พระเจ้า ๕๐๐ ชาติ เรื่องที่ ๒๑๐ มหาปิงคลชาดก พระเจ้าปิงคละผู้ร้ายกาจ ในอดีตกาล มีพระราชาพระนามว่า มหาปิงคละ เสวยราชสมบัติอยู่ในกรุงพาราณสีโดยอธรรมไม่เรียบร้อย ทำบาปกรรมด้วยอคติ มีฉันทาคติ เป็นต้น เก็บภาษีอากรริบเงินทอง ประพฤติตนเยี่ยงโจรป่า พระเจ้ามหาปิงคละนั้นเป็นผู้กักขฬะหยาบช้า หุนหัน ไม่มีแม้แต่ความเอ็นดูในผู้อื่นเลย ไม่เป็นที่รักไม่เป็นที่พอใจของพวกสตรี บุตรธิดาในพระราชวัง แม้ของอำมาตย์ พราหมณ์ และคหบดี เป็นต้น เปรียบเหมือนธุลีเข้าตา เหมือนกรวดที่ก้อนข้าว และเหมือนหนามที่ตำส้นเท้าฉะนั้น ครั้งนั้นพระโพธิสัตว์เกิดเป็นโอรสของพระเจ้ามหาปิงคละ พระเจ้ามหาปิงคละเสวยราชสมบัติมานานแล้วก็เสด็จสวรรคต เมื่อพระเจ้าปิงคละเสด็จสวรรคตแล้ว ชาวกรุงพาราณสีทั้งสิ้นก็ร่าเริงยินดี ยิ้มแย้มแจ่มใสกันยกใหญ่ เผาศพพระเจ้ามหาปิงคละด้วยฟืนพันเล่มเกวียน ดับเชิงตะกอนด้วยน้ำหลายพันหม้อ แล้วอภิเษกพระโอรสขึ้นครองราชย์ ต่างก็ร่าเริงยินดีว่าเราได้พระราชาผู้ตั้งอยู่ในธรรมแล้ว เที่ยวตีกลองแห่กันครึกครื้น ตกแต่งพระนครด้วยธงทิวต่างๆ ทำปะรำตามประตูบ้านทุกประตู นั่งกินเลี้ยงกันที่ปะรำอันได้ตกแต่งแล้ว มีพื้นโปรยปรายด้วยข้าวตอกและดอกไม้ พระราชาก็ประทับนั่งทรงยศอันยิ่งใหญ่ ท่ามกลางบัลลังก์ซึ่งกั้นด้วยเศวตฉัตร ณ ท้องพระโรงอันประดับประดาแล้ว พวกอำมาตย์ พราหมณ์ คหบดี และเจ้าพนักงานและยามประตู เป็นต้น ต่างก็ยืนแวดล้อมพระราชาอยู่ มียามประตูนายหนึ่งยืนอยู่ในที่ไม่ไกล ได้ถอนสะอื้นร้องไห้อยู่ พระราชาทอดพระเนตรเห็นยามประตูนั้น จึงถามว่า “ยามประตู เมื่อพระบิดาของเราสวรรคตแล้ว ชนทั้งปวงต่างก็ร่าเริงยินดีเที่ยวเล่นมหรสพกัน ส่วนท่านกลับยืนร้องไห้” เมื่อจะตรัสถามว่า “พระบิดาของเราเป็นที่รัก เป็นที่ชอบใจของท่านนักหรือ” พระราชากล่าวต่อว่า “ชนทั้งปวงถูกพระเจ้าปิงคละเบียดเบียนแล้ว เมื่อพระเจ้าปิงคละนั้นสวรรคตแล้ว ชนทั้งหลายต่างก็พากันยินดี นายประตู พระเจ้าคละผู้ไม่มีพระเนตรดำ เป็นที่รักของท่านหรือ เพราะเหตุไรท่านจึงร้องไห้” นายประตูนั้นฟังคำพระราชาจึงกราบทูลว่า “ข้าพระองค์ไม่ได้ร้องไห้เพราะพระเจ้าปิงคละสวรรคต แต่ร้องไห้เพราะเกรงว่าศีรษะของข้าพระองค์เป็นสุขแล้ว เพราะพระเจ้าปิงคละเมื่อเสด็จลงและเสด็จขึ้นปราสาท ทรงเขกศีรษะข้าพระองค์เที่ยวละแปด เที่ยวละแปด ดุจเคาะด้วยค้อนของช้างทอง ฉะนั้น พระองค์เสด็จไปสู่ปรโลกแล้ว จะเขกศีรษะพวกนายนิริยบาลบ้าง พญายมบ้าง เหมือนกับเขกศีรษะข้าพระองค์ ทีนั้นพวกนายนิริยบาลคิดว่าพระเจ้าปิงคละนี้เบียดเบียนพวกเรานัก จักนำมาปล่อยคืนที่นี้อีก เมื่อเป็นเช่นนั้นพระองค์ก็จะพึงเขกศีรษะข้าพระองค์อีก” กล่าวต่อไปอีกว่า “พระเจ้าปิงคละผู้ไม่มีพระเนตรดำ จะเป็นที่รักของข้าพระพุทธเจ้าก็หามิได้ แต่ข้าพระพุทธเจ้ากลัวว่า พระเจ้าปิงคละนั้นจะกลับมาอีก” พระราชาเมื่อจะตรัสปลอบใจนายประตูผู้นั้นว่า “พระราชาพระองค์นั้นถูกเผาด้วยฟืนพันเล่มเกวียน ถูกเอาน้ำรดตั้งร้อยหม้อ แม้บริเวณป่าช้าของพระราชานั้นก็ล้อมรั้วรอบแล้ว และตามปกติผู้ไปสู่ปรโลกแล้ว ก็ไปที่อื่นที่เดียว เขาจะไม่กลับมาด้วยร่างกายนั้นอีก ท่านอย่ากลัวเลย” กล่าวต่อว่า “พระเจ้าปิงคละนั้นพวกเราช่วยกันเผาแล้วด้วยฟืนพันเล่มเกวียน รดด้วยน้ำหลายร้อยหม้อ พื้นที่ดินนั้นเราป้องกันไว้อย่างดีแล้ว ท่านอย่ากลัวเลย พระเจ้าปิงคละจักไม่เสด็จกลับมาอีก” ตั้งแต่นั้นนายประตูก็ได้รับความโล่งใจ พระราชาเสวยราชสมบัติโดยธรรม ทรงบำเพ็ญบุญ มีทาน เป็นต้น แล้วก็เสด็จไปตามยถากรรม นิทานชาดกเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า “ผู้นำต้องทรงธรรม จึงจะนำประโยชน์สุขมาสู่ประชาชน” พุทธศาสนสุภาษิตประจำเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า สาธุ ธมฺมรุจี ราชา ราชาชอบธรรมจึงจะดี (๒๘/๕๐) สพฺเพสํ สุขเมตพฺพํ ขตฺติเยน ปชานตา ผู้ปกครองแผ่นดินมีปัญญา พึงแสวงสุขเพื่อปวงประชา (๒๗/๑๐๕๖) ที่มา : นิทานชาดกจากพระไตรปิฎก : พระเจ้า ๕๐๐ ชาติ ฉบับสมบูรณ์ จัดพิมพ์เผยแพร่ธรรมโดยธรรมสภา สถาบันบันลือธรรม |