หัวข้อ: สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 29 กรกฎาคม 2567 17:42:22 (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/52437444445159_441542707_985283342972957_9066.jpg) สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี ในรัชกาลที่ ๗ พระราชินีองค์แรกของระบบประชาธิไตย และองค์สุดท้ายของระบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี เป็นพระราชินีอันเป็นที่เริ่มต้นของ “ยุคใหม่” หลายอย่างด้วยกัน ได้แก่ ๑. เป็นพระราชินีองค์แรกของระบบประชาธิไตย และองค์สุดท้ายของระบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ๒. เป็นพระราชินีเดียว องค์แรกของพระมหากษัตริย์ (ตามแบบตะวันตก) ๓. เป็นพระราชินีเดียวของไทย ที่พระมหากษัตริย์ทรงสละราชสมบัติ (ยกเว้นพระราเมศวร ซึ่งสละราชสมบัติให้ขุนหลวงพะงั่ว โดยถูกบังคับกลายๆ) ๔. เป็นพระราชินีที่ต้องระเหเร่ร่อน หนี “ราษฎร์ภัย” ไปไกลถึงต่างแดน ๕. เป็นพระราชินีเดียว ที่ตกเป็นจำเลยของรัฐบาล สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี มิได้ทรงตระหนักมาก่อนว่าจะต้องทรงรับพระราชภาระในตำแหน่งพระบรมราชินีในระบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ เพราะทรงอภิเษกสมรสกับสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอพระองค์เล็กเท่านั้น แต่เมื่อพระบุญญาธิการสนับสนุนในเสด็จขึ้นดำรงตำแหน่งฐานันดรศักดิ์เป็นพระบรมราชินี เป็นศูนย์รวมของสตรีทั้งชาติ ที่จะต้องทรงเป็นผู้นำทุกด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการศึกษาและศิลปวัฒนธรรม และก็ได้ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจได้อย่างเรียบร้อยงดงามทุกประการ เดือนมกราคม พุทธศักราช ๒๔๗๖ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีไปทรงเจริญทางพระราชไมตรีกับนานาประเทศในทวีปยุโรป และประทับทรงรับการผ่าตัดและรักษาพระเนตร ณ ประเทศอังกฤษ ในระหว่างนั้นการเจรจาความเมืองกับรัฐบาลทางกรุงเทพฯ ก็ยังดำเนินอยู่อย่างสืบเนื่อง ในวันที่ ๒ มีนาคม พุทธศักราช ๒๔๗๗ ขณะที่ยังประทับอยู่ที่ประเทศอังกฤษ จึงทรงเลือกโอกาสสุดท้ายที่จะแสดงความไม่เห็นพ้องกับคณะผู้บริหารประเทศด้วยการตัดสินประราชหฤทัยว่า “บัดนี้ข้าพเจ้าเห็นว่า ความประสงค์ของข้าพเจ้าที่จะให้ราษฎรมีสิทธิออกเสียงในนโยบายของประเทศโดยแท้จริงไม่เป็นผลสำเร็จ และเมื่อข้าพเจ้ารู้สึกว่าบัดนี้เป็นอันหมดหนทางที่ข้าพเจ้าจะช่วยเหลือหรือให้ความคุ้มครองแก่ประชาชนได้ต่อไปแล้ว ข้าพเจ้าจึงขอสละราชสมบัติออกจากตำแหน่งพระมหากษัติรย์แต่บัดนี้เป็นต้นไป” หลังจากที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสละราชสมบัติแล้ว พระองค์และสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี พร้อมด้วยพระประยูรญาติสนิทบางพระองค์ ได้ประทับอยู่ในชนบทใกล้กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ทรงวางพระองค์เยี่ยงคหบดีชนบท ในเวลาที่ประทับอยู่ในประเทศอังกฤษนั้น พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระประชวรอยู่เนืองๆ เนื่องเพราะพระพลานามัยของพระองค์ไม่ใคร่จะสมบูรณ์ แต่ก็ทรงมีสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีพระบรมราชินี คอยเฝ้าถวายการรักษาพยาบาลสนองพระเดชพระคุณอย่างใกล้ชิดโดยตลอด ครั้นถึงวันที่ ๓๐ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๔๘๔ ขณะประทับ ณ พระตำหนักคอมพ์ตันประเทศอังกฤษ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จสวรรคตโดยฉับพลันด้วยพระหทัยวาย ขณะนั้นทรงมีพระชนมพรรษา ๔๘ พรรษา เมื่อพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคตแล้ว สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีในรัชกาลที่ ๗ ยังประทับอยู่ในประเทศอังกฤษ ต่อมาในพุทธศักราช ๒๔๙๒ รัฐบาลได้กราบบังคมทูลสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชีนีในรัชกาลที่ ๗ ขอพระราชทานให้ทรงอัญเชิญพระบรมอัฐิพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวกลับสู่พระนคร เพื่ออัญเชิญขึ้นประดิษฐานไว้ ณ ที่อันควรแก่พระบรมราชอิสริยยศ ในวันที่ ๒๒ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๒๗ มีประกาศสำนักพระราชวัง เรื่อง สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี ในรัชกาลที่ ๗ สวรรคต “สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี ในรัชกาลที่ ๗ ประชวรสวรรคตด้วยพระหทัยวาย โดยพระอาการสงบ วันที่ ๒๒ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๒๗ เวลา ๑๕ นาฬิกา ๕๐ นาที ณ พระตำหนักวังศุโขทัย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเศร้าสลดพระราชหฤทัยเป็นอย่างยิ่ง จึงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้สำนักพระราชวังจัดการพระบรมศพถวายพระเกียรติยศตามราชประเพณี ประดิษฐานพระบรมศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง (https://lifestyle.campus-star.com/app/uploads/2017/01/raibme.jpg) คลังวิชาการ กรมศิลปากร (ที่มาข้อมูล) |