หัวข้อ: พระพุทธรูปประจำเดือนเกิด เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 04 ตุลาคม 2567 14:45:23 (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/39853194562925_Gandhara_standing_Buddha_Copy_.jpg) พระพุทธรูปประจำเดือนเกิด พระพุทธรูป หรือพระพุทธปฏิมาตามศัพท์ คือ รูปเปรียบหรือรูปสัญลักษณ์แทนองค์พระพุทธเจ้า พระศาสดาแห่งศาสนาพุทธ ซึ่งไม่ใช่รูปเหมือนของพระองค์ท่าน ครั้งพระพุทธองค์ยังดํารงพระชนม์ชีพอยู่ยังไม่มีการสร้างถาวรวัตถุเพื่อสักการะบูชาในพระศาสนา การสร้างพระพุทธรูป หรือรูปพระพุทธเจ้าเป็นรูปมนุษย์เริ่มขึ้นภายหลังพุทธศตวรรษที่ ๖เล็กน้อย ในแคว้นคันธาระ ภาคตะวันตกเฉียงเหนือของอินเดีย ซึ่งปัจจุบันนี้อยู่ในเขตของปากีสถานและอัฟกานิสถาน ประติมากรรมดังกล่าว ได้รับอิทธิพลมาจากศิลปะกรีกมีลักษณะสมจริงในลักษณะของใบหน้าตลอดเรือนร่างของมนุษย์ ซึ่งไม่ใช่ลักษณะของรูปเคารพ ในส่วนประกอบอื่นๆ ก็ไม่ได้ทิ้งประเพณีหรือคติความเชื่อทาง พุทธศาสนา การสร้างพระพุทธรูปให้มีลักษณะพิเศษนั้นเกิดจากความต้องการให้มีความแตกต่างจากพระสาวก คือ มีมวยหรือมุ่นพระเกศาอยู่กลางพระเศียร ต่อมาลักษณะนี้ได้กลายเป็นพระเกตุมาลา กล่าวกันว่าพระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองมากในสมัยพระเจ้าเมนันเดอร์ (Menander) หรือ มิลินทร์ แห่งราชวงศ์ศุงคะ (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/64403962633675_m01_1_Copy_.gif) พระประจำเดือนอ้าย ปางปลงกัมมัฏฐานหรือปางชักผ้าบังสุกุล พระพุทธรูปอยู่ในพระอิริยาบทยืน พระหัตถ์ซ้ายทรงธารมะกร (ไม้เท้า) ยื่นพระหัตถ์ขวาออกไปข้างหน้า ทอดพระเนตรลงเบื้องต่ำ เป็นกิริยาชักผ้าบังสุกุล บางแบบพระหัตถ์ซ้ายห้อยลงทาบที่พระเพลา (ตัก) ครั้งหนึ่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีพระประสงค์จะนำผ้าขาวที่ห่อศพมาซักย้อมเป็นผ้าสังฆาฏิ จึงเสด็จไปพิจารณาปฏิกูลสัญญา แล้วทรงชักผ้าบังสุกุลและนำมาซักตากให้หมดกลิ่นซากศพ แล้วเย็บเป็นจีวร ในพุทธประวัติเล่าว่าท้าวสักกเทวราชเสด็จลงมาช่วยทำจีวร ตั้งแต่ซัก ตาก และเย็บเสร็จภายในคืนเดียว ผ้าจีวรผืนนี้พระพุทธองค์ทรงนำมาทำผ้าสังฆาฏิ ภายหลังได้ประทานผ้าผืนนี้แก่พระมหากัสสปะ ผู้เป็นเอตทัคคะด้านถือธุดงค์ (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/37924479072292_m02_Copy_.gif) พระประจำเดือนยี่ ปางชี้มาร พระพุทธรูปอยู่ในพระอิริยาบทยืน พระหัตถ์ซ้ายห้อยลงข้างพระวรกาย พระหัตถ์ขวายกขึ้นเสมอพระพักตร์ ชี้นิ้วพระหัตถ์ไปข้างหน้า พระโคถิกเถระ ปฏิบัติธรรมจนสำเร็จอรหันต์ผลเป็นพระอรหันต์ มารคิดว่าวิญญาณของท่านเพิ่งออกจากร่าง จึงแฝงกายเข้าไปในก้อนเมฆ เที่ยวตามหาวิญญาณของท่าน แต่ไม่พบ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงยกพระหัตถ์ชี้มารให้ภิกษุทั้งหลายดูและตรัสบอกภิกษุว่า "มารผู้มีใจบาปกำลังแสวงหาวิญญาณพระโคธิกะอยู่ แต่ไม่มีวิญญาณของพระเถระในที่นั้น ด้วยเธอได้นิพพานไปแล้ว" เมื่อมารค้นหาวิญญาณของพระโคธิกเถระไม่พบ จึงแปลงเพศเป็นมาณพน้อยเข้าเฝ้าพระพุทธองค์ มารทูลถามว่า พระโคธิกะอยู่ที่ใด เมื่อพระพุทธองค์ตรัสตอบว่า พระโคธิกะนิพพานแล้ว มารตกตะลึงด้วยคาดไม่ถึง อันตรธานหายวับไปทันที พระพุทธองค์ตรัสว่า "ผู้มีศีลบริสุทธิ์ อยู่ด้วยความไม่ประมาทย่อมถึงวิมุตติ เพราะฌานหยั่งรู้ชอบแล้ว มารจะไม่ประสบพบทางชองท่านได้เลย" (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/35958319571283_m03_Copy_.gif) พระประจำเดือน ๓ ปางแสดงโอวาทปาติโมกข์ พระพุทธรูปอยู่ในพระอิริยาบทพระทับ (นั่ง) ขัดสมาธิ พระหัตถ์ทั้งสองยกขึ้น จีบนิ้วพระหัตถ์ไว้เสมอพระอุระ (อก) ณ พระเวฬุวันมหาวิหาร กรุงราชคฤห์ หลังจากที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้แล้วประมาณ ๙ เดือน ได้เกิดเหตุการณ์ที่เรียกว่า จาตุรงคสันนิบาต คือ การประชุมที่ครบองค์ ๔ ได้แก่ ๑. วันนั้นเป็นวันดวงจันทร์เสวยมาฆฤกษ์ (วันเพ็ญเดือน ๓) ๒. พระสงฆ์ ๑,๒๕๐ รูป มาประชุมกันโดยมิได้นัดหมาย ๓. พระสงฆ์ทั้งหมดล้วนเป็นพระอรหันต์ผู้ได้อภิญญา ๖ และ ๔. พระสงฆ์ทั้งหมดเป็นเอหิภิกขุ คือ เป็นผู้ที่พระพุทธองค์ประทานอุปสมบทด้วยพระองค์เอง ในวันนั้นพระพุทธองค์ได้ทรงแสดงโอวาทปาติโมกข์ ซึ่งเป็นหลักสำคัญแห่งพระพุทธศาสนา เพื่อเป็นแนวทางในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา ใจความสำคัญแห่งพระโอวาทนั้น ได้แก่ ละเว้นความชั่วทั้งปวง ทำความดีให้ถึงพร้อม ทำจิตใจให้บริสุทธิ์ผ่องใส วันเพ็ญเดือน ๓ ถือเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา เรียกว่า "วันมาฆบูชา" (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/82018083251184_m04_Copy_.gif) พระประจำเดือน ๔ ปางนาคาวโลก พระพุทธรูปอยู่ในพระอิริยาบทยืน พระหัตถ์ขวาห้อยเยื้องมาข้างหน้า พระหัตถ์ซ้ายห้อยลงตามปกติ บางแบบพระหัตถ์ซ้ายห้อยลงมาข้างหน้า พระหัตถ์ขวาห้อยลง เอี้ยวพระวรกายผินพระพักตร์ เหลียวไปข้างหลัง บางแบบยกพระหัตถ์ขวาขึ้นเสมอพระอุระ วันหนึ่งเมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีพระชนมายุ ๘๐ พรรษาแล้ว ทรงนำเหล่าภิกษุสงฆ์เสด็จออกจากรุงเวสาลี พร้อมรับสั่งว่า การเห็นกรุงเวสาลีครั้งนี้เป็นปัจฉิมทัศนา คือ เป็นการเห็นครั้งสุดท้าย การตรัสเช่นนี้ถือเป็นมรณญาณ เป็นลางบอกให้ทราบว่าพระพุทธองค์ใกล้ปรินิพพานแล้ว และทรงทราบด้วยพระญาณว่า แม้มหาชนทั่วไปก็ไม่อาจเห็นเมืองเวสาลีอีก เพราะหลังพระพุทธองค์ปรินิพพาน กองทัพของพระเจ้าอชาตศัตรูจะเข้ายึดเมืองเวสาลีเพราะกษัตริย์ลิจฉวีไม่ได้ตั้งมั่นในอาปริหานิยธรรมที่พระพุทธองค์ประทานสำหรับใช้ปกครองร่วมกัน ซึ่งเคยต้านทัพของพระเจ้าอชาตศัตรูไว้ได้ถึง ๒ ครั้ง การทอดพระเนตรครั้งนี้ เรียกว่า "นาคาวโลก" คือการเหลียวมองอย่างพญาช้าง สถานที่นี้มีผู้สร้างเจดีย์เอาไว้เรียกว่า "นาคาวโลกเจดีย์" (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/16804380425148_m05_Copy_.gif) พระประจำเดือน ๕ ปางคันธารราฏ หรือปางขอฝน พระพุทธรูปอยู่ในพระอิริยาบทพระทับ (นั่ง) ขัดสมาธิ ทรงผ้าวัสสิกสาฎก (ผ้าอาบน้ำฝน) พระหัตถ์ขวายกขึ้นเป็นกิริยาขอฝน พระหัตถ์ซ้ายวางอยู่บนพระเพลา (ตัก) บางแบบหงายพระหัตถ์ซ้ายวางอยู่บนพระชานุ (เข่า) หลังจากที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว ประมาณ ๕๐๐ ปี กษัตริย์เมืองคันธาระ พระนามว่า พระเจ้ามิลินท์ ได้โต้ตอบปัญหาธรรมะกับพระนาคเสนพุทธสาวกผู้เป็นพระอรหันต์ ทรงเลื่อมใสที่พระนาคเสนตอบข้อสงสัยในพระพุทธศาสนาของพระองค์ได้ทุกแง่ทุกมุม พระเจ้ามิลินท์จึงทรงได้ขอถึงพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง ที่นับถือสูงสุดในชีวิต และรับสั่งให้สร้างพระพุทธรูปขึ้นบูชาในเมืองคันธาระ (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/20499178891380_m06_Copy_.gif) พระประจำเดือน ๖ ปางมารวิชัย พระพุทธรูปอยู่ในพระอิริยาบทประทับ (นั่ง) ขัดสมาธิ พระหัตถ์ซ้ายวางหงายอยู่บนพระเพลา (ตัก) พระหัตถ์ขวาวางบนพระชานุ (เข่า) นิ้วพระหัตถ์ชี้ลงพื้นธรณี พระปางนี้นิยมสร้างเป็นพระประธานในพระอุโบสถ ขณะที่พระบรมโพธิสัตว์ประทับ ณ โพธิบัลลังก์ พญามารวสวัตตีประทับบนหลังช้างคีรีเมฃล์ สูง ๑๕๐ โยชน์ ยกทัพมาหมายจะทำลายความเพียรของพระองค์ พญามารเนรมิตร่างสูงใหญ่มีมือนับพันถือศัสตราวุธ พร้อมนำเหล่าเสนามารมากมายมืดฟ้ามัวดิน เหล่าเทวดาทั้งหลายหนีไปหมด แต่พระบรมโพธิสัตว์มิได้หวาดกลัว พวกมารซัดศัสตราวุธเข้าใส่พระบรมโพธิสัตว์ แต่ศัสตราวุธเหล่านั้นกลายเป็นบุปผามาลัยไปสิ้น พญามารยังกล่าวทึกทักว่า รัตนบัลลังก์เป็นของตน พระบรมโพธิสัตว์ ทรงกล่าวว่า รัตนบัลลังก์นี้เกิดมาด้วยบุญที่พระองค์สั่งสมมาแต่ปางก่อน โดยอาศัยแม่พระธรณีเป็นพยาน แม่พระธรณีได้ปล่อยมวยผมบีบน้ำ กรวดอุทิศผลบุญจากการทำทานของพระบรมโพธิสัตว์ให้ไหลพัดพาเหล่ามารไปจนสิ้น (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/37231828313734_m07_1_Copy_.gif) พระประจำเดือน ๗ ปางเรือนแก้ว พระพุทธรูปอยู่ในพระอิริยาบทพระทับ (นั่ง) ขัดสมาธิในเรือนแก้ว พระหัตถ์ซ้ายวางหงานบนพระเพลา (ตัก) พระหัตถ์ขวาวางคว่ำบนพระชานุ (เข่า) บางแบบพระหัตถ์วางซ้อนกันบนพระเพลา (ตัก) บางแบบอยู่ในอิริยาบถขัดสมาธิเพชรในเรือนแก้ว ในสัปดาห์ที่ ๔ จากวันตรัสรู้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จขึ้นประทับ (นั่ง) ขัดสมาธิ ณ เรือนแก้วที่เทวดาเนรมิตถวายทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของต้นศรีมหาโพธิ์ ทรงพิจารณาธรรมตลอดเวลา ๗ วัน สถานที่นั้นเรียกว่า "รัตนฆรเจดีย์" ในหนังสือพระปฐมสมโพธิกถา กล่าวว่าในสัปดาห์ที่ ๑ - ๓ พระฉัพพรรณรังสี (รัศมี ๖ ประการ) ยังมิได้โอภาสออกจากพระวรกาย จนในสัปดาห์ที่ ๔ เมื่อเสด็จประทับ (นั่ง) ขัดสมาธิ ทรงพิจารณาธรรมในเรือนแก้วแล้ว พระฉัพพรรณรังสีจึงมีโอภาสออกมาจากพระวรกาย (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/66414287562171_m08_Copy_.gif) พระประจำเดือน ๘ ปางปฐมเทศนา หรือ ปางแสดงธรรมจักร พระพุทธรูปอยู่ในพระอิริยาบทประทับ (นั่ง) ขัดสมาธิ บางแบบประทับ (นั่ง) ห้อยพระบาท พระหัตถ์ขวาจีบนิ้วพระหัตถ์เป็นวงกลม พระหัตถ์ซ้ายวางบนพระเพลา (ตัก) บางแบบพระหัตถ์ซ้ายประคองพระหัตถ์ขวา หรือพระหัตถ์ซ้ายยกขึ้นถือชายจีวร ในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๘ หรือวันเพ็ญเดือนอาสาฬหปุณมี สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมจักรกัปปวัตนสูตร อันเป็นปฐมเทศนาโปรดปัญจวัคคีย์ มีใจความสำคัญดังนี้ คือ ทรงให้งดเว้นทางสุดโต่ง ๒ สาย คือ กามสุขขัลลิกานุโยค ได้แก่ การประกอบตนให้หมกมุ่นในกาม และอัตตกิลมถานุโยค คือ ทำตนเองให้ลำบาก ทรงแสดงมัชฌิมาปฏิปทา หรือทางสายกลาง ได้แก่ มรรคมีองค์ ๘ อันเป็นข้อปฏิบัติให้ถึงทางดับทุกข์ และอริยสัจ ๔ หรือความจริงอันประเสริฐ ได้แก่ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค และเมื่อแสดงธรรมจบลง โกณฑัญญพราหมณ์ (พระอัญญาโกณฑัญญะ) หนึ่งในปัญจวัคคีย์ได้ดวงตาเห็นธรรม (สำเร็จเป็นพระโสดาบัน) ในวันนั้น เป็นบุคคลแรกในพุทธศาสนาที่ได้สำเร็จเป็นอริยบุคคล (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/12524923433860_m09_Copy_.gif) พระประจำเดือน ๙ ปางภัตกิจ พระพุทธรูปอยู่ในพระอิริยาบทประทับ (นั่ง) ขัดสมาธิ พระหัตถ์ซ้ายประคองบาตรซึ่งวางอยู่บนพระเพลา (ตัก) พระหัตถ์ขวาหย่อนลงในบาตร เป็นกิริยาเสวย ยสกุลบุตรผู้หนีความวุ่นวายในเรือน ออกมา ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ได้ฟังพระธรรมเทศนาจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจนได้ดวงตาเห็นธรรมเป็นพระโสดาบัน ต่อมาพระพุทธองค์ทรงแสดงธรรมโปรด บิดาของยสกุลบุตรได้แสดงตนเป็นอุบาสกขอถึงพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง นับเป็นปฐมอุบาสกผู้ขอถึงพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งคนแรกในพระพุทธศาสนา การเทศนาครั้งที่ ๒ นี้ ยังผลให้ยสกุลบุตร ผู้นั่งฟังอยู่ด้วยบรรลุอรหัตผล พระพุทธองค์ทรงประทานเอหิภิกขุอุปสัมปทาให้ยสกุลบุตร วันต่อมาทรงรับนิมนต์ไปเสวยภัตตาหารที่บ้านบิดาพระยสะ นับเป็นครั้งแรกที่เสด็จไปเสวยภัตตาหารตามบ้านและได้ทรงแสดงธรรมโปรดมารดาและภรรยาเก่าของพระยสะ จนได้ดวงตาเห็นธรรม เป็นพระโสดาบันและขอถึงพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งเป็นอุบาสิกาคู่แรกในพระพุทธศาสนา (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/86372642177674_m10_Copy_.gif) พระประจำเดือน ๑๐ ปางประดิษฐานรอยพระพุทธบาท พระพุทธรูปอยู่ในพระอิริยายืน พระหัตถ์ทั้งสองวางบนพระเพลา (ตัก) บางแบบประสานพระหัตถ์ด้วยพระบาทซ้ายทรงเหยียบหลังพระบาทขวา เป็นกิริยากดพระบาท ปางประดิษฐานรอยพระพุทธบาทนั้น เกี่ยวข้องกับพระพุทธประวัติ ๓ เหตุการณ์ ดังนี้ คือ ครั้งเมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จเขาสัจพันธ์ ทรงหยุดบุษบกอยู่บนอากาศ เพื่อทรมานสัจพันธ์ฤๅษีให้ละมิจฉาทิฐิ จนได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุแล้วขึ้นบุษบกตามเสด็จไปยังสถานที่ที่ทรงรับนิมนต์ไว้ เมื่อพระพุทธองค์ทรงทำภัตกิจเสร็จ พญานาคราชทูลขอให้ประดิษฐานรอยพระพุทธบาทไว้ริมฝั่งน้ำมทามหานที ครั้งที่ ๒ เมื่อเสด็จกลับถึงเขาสัจพันธ์ ได้ตรัสสั่งพระสัจพันธ์ให้พักอยู่ที่เขาแห่งนี้ เพื่อปลดเปลื้องผู้ที่พระสัจพันธ์เคยสอนลัทธิผิดๆ ไว้ให้พ้นจากมิจฉาทิฐิ พระพุทธองค์ได้ประดิษฐานรอยพระพุทธบาทไว้ที่หลังหิน ตามที่พระสัจพันธ์ทูลขอไว้ และครั้งที่ ๓ ในพระนครโกสัมพี มีพราหมณ์ชื่อว่า มาคันทิยะ มีธิดาสาวสวยชื่อ มาคันทิยา มาคันทิยะได้เห็นพระพุทธองค์ซึ่งงามพร้อมด้วยมหาบุรุษลักษณะทุกประการ จึงนำลูกสาวมาถวาย พระพุทธองค์ได้ทรงประดิษฐานรอยพระพุทธบาทเบื้องขวาให้ปรากฏยังพื้นดิน แล้วเสด็จจากไปประทับอยู่ในบริเวณนั้น พราหมณีภรรยามาคันทิยพราหมณ์เห็นรอยพระพุทธบาทแล้วทราบทันทีว่า รอยเท้าเช่นนี้เป็นรอยเท้าของคนสละกามได้แล้ว ต่อมาทรงแสดงธรรมโปรดพราหมณ์ทั้งสองจนได้เป็นพระอนาคามี (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/18801925000217_m11_Copy_.gif) พระประจำเดือน ๑๑ ปางลีลา พระพุทธรูปอยู่ในพระอิริยาบถยืน ยกส้นพระบาทขวา พระหัตถ์ขวาห้อยในท่าไกว พระหัตถ์ซ้าย (บางตำนานว่าพระหัตถ์ขวา) ยกเสมอพระอุระ (อก) ตั้งฝ่าพระหัตถ์ป้องไปเบื้องหน้า บางแบบจีบนิ้วพระหัตถ์ บางตำราใช้ปางเสด็จลงจากดาวดึงส์เป็นพระประจำเดือนนี้ เมื่อครั้งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ พร้อมด้วยเหล่าเทวดาและพรหมที่ตามมาส่งเสด็จนั้น ขบวนตามเสด็จมาหยุด ณ ประตูสังกัสสนคร เมืองที่พระสารีบุตรจำพรรษาอยู่ พระพุทธองค์ทรงมีพุทธลีลาและพระสิริงดงามยิ่ง ครอบงำรัศมีของเหล่าเทวดาและพรหมทั้งหลาย เป็นภาพที่งดงามเหนือคำบรรยาย เป็นที่ชื่นชมโสมนัสแก่พุทธบริษัทที่เฝ้ารับเสด็จ (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/42819150164723_m12_Copy_.gif) พระประจำเดือน ๑๒ ปางประทานอภัย (นั่ง) พระพุทธรูปอยู่ในพระอิริยาบทประทับ (นั่ง) ขัดสมาธิ ยกพระหัตถ์ทั้งสองขึ้นเสมอพระอุระ (อก) ตั้งฝ่าพระหัตถ์ทั้งสองเบน ไปข้างหน้าเล็กน้อย บางแบบเป็นพระอิริยาบถยืน พระเจ้าอชาตศรัตรู พระราชโอรสของพระเจ้าพิมพิสาร แห่งกรุงราชคฤห์ ถูกพระเทวทัตยุยงให้ปลงพระชนม์พระราชบิดา แล้วขึ้นครองราชแทน พระเจ้าอชาตศัตรูยังทรงช่วยสนับสนุนพระเทวทัตส่งนายขมังธนูไปปลงพระชนม์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่ไม่สำเร็จ ภายหลังสำนึกตัว จึงเสด็จมาสารภาพความผิดของตนและขอพระราชทานอภัยโทษกับพระพุทธองค์ ขอถึงพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งสูงสุด หันมาทะนุบำรุงพระพุทธศาสนา และทรงให้ความอุปถัมภ์ในการทำสังคายนาพระไตรปิฎก ครั้งที่ ๑ ขอขอบคุณที่มา - ข้อมูล/ภาพ - www.zipeventapp.com - http://www.mantanasin.com/ - เว็บไซต์ วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี หัวข้อ: Re: พระพุทธรูปประจำเดือนเกิด เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 04 ตุลาคม 2567 15:16:47 (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/61448335564798_4_Copy_.jpg) พระประจำเดือน ๔ ปางนาคาวโลก ภาพจาก : วัดพิกุลทอง (หลวงพ่อแพ เขมังกโร) ต.พิกุลทอง อ.ท่าช้าง จ.สิงห์บุรี (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/37811023328039_5_Copy_.jpg) พระประจำเดือน ๕ ปางคันธารราฏ ภาพจาก : วัดพิกุลทอง (หลวงพ่อแพ เขมังกโร) ต.พิกุลทอง อ.ท่าช้าง จ.สิงห์บุรี (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/35331824587451_6_Copy_.jpg) พระประจำเดือน ๖ ปางมารวิชัย ภาพจาก : วัดพิกุลทอง (หลวงพ่อแพ เขมังกโร) ต.พิกุลทอง อ.ท่าช้าง จ.สิงห์บุรี (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/61839489183492_7_Copy_.jpg) พระประจำเดือน ๗ ปางเรือนแก้ว ภาพจาก : วัดพิกุลทอง (หลวงพ่อแพ เขมังกโร) ต.พิกุลทอง อ.ท่าช้าง จ.สิงห์บุรี (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/14073683818181_8_2_Copy_.jpg) พระประจำเดือน ๘ ปางปฐมเทศนา ภาพจาก : วัดพิกุลทอง (หลวงพ่อแพ เขมังกโร) ต.พิกุลทอง อ.ท่าช้าง จ.สิงห์บุรี (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/74981297014488_9_Copy_.jpg) พระประจำเดือน ๙ ปางภัตตกิจ ภาพจาก : วัดพิกุลทอง (หลวงพ่อแพ เขมังกโร) ต.พิกุลทอง อ.ท่าช้าง จ.สิงห์บุรี (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/86589448485109_10_Copy_.jpg) พระประจำเดือน ๑๐ ปางประดิษฐานรอยพระบาท ภาพจาก : วัดพิกุลทอง (หลวงพ่อแพ เขมังกโร) ต.พิกุลทอง อ.ท่าช้าง จ.สิงห์บุรี (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/22567509197526_11_2_Copy_.jpg) พระประจำเดือน ๑๑ ปางลีลา (๑) ภาพจาก : วัดพิกุลทอง (หลวงพ่อแพ เขมังกโร) ต.พิกุลทอง อ.ท่าช้าง จ.สิงห์บุรี (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/31046514668398_11_Copy_.jpg) พระประจำเดือน ๑๑ ปางเสด็จลงจากดาวดึงส์ (๒) ภาพจาก : วัดพิกุลทอง (หลวงพ่อแพ เขมังกโร) ต.พิกุลทอง อ.ท่าช้าง จ.สิงห์บุรี (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/11182396693362_12_Copy_.jpg) พระประจำเดือน ๑๒ ปางประทานอภัย ภาพจาก : วัดพิกุลทอง (หลวงพ่อแพ เขมังกโร) ต.พิกุลทอง อ.ท่าช้าง จ.สิงห์บุรี |