หัวข้อ: พระเจ้า ๕๐๐ ชาติ เรื่องที่ ๒๑๖ สุสีมชาดก : พระเจ้าสุสีมะ เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 21 ตุลาคม 2567 16:15:09 (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/13576513404647__500_320x200_.jpg) พระเจ้า ๕๐๐ ชาติ เรื่องที่ ๒๑๖ สุสีมชาดก พระเจ้าสุสีมะ ในอดีตกาลที่กรุงสาวัตถี ได้มีพระราชาพระนามว่า สุสีมะ ในครั้งนั้นพระโพธิสัตว์เกิดในครรภ์ของพราหมณีของปุโรหิตของพระองค์ เมื่อพระโพธิสัตว์อายุได้ ๑๖ ปี บิดาได้ถึงแก่กรรม ตอนปุโรหิตยังมีชีวิตอยู่ได้เป็นผู้กระทำมงคลแก่ช้างของพระราชา เขาได้เครื่องอุปกรณ์และเครื่องประดับช้างทุกอย่างที่มีผู้นำมาในที่ทำการมงคลแก่ช้างทั้งหลาย ในการมงคลครั้งหนึ่งๆ ทรัพย์สินประมาณหนึ่งโกฏิเกิดขึ้นแก่เขา ต่อมาเมื่อเขาถึงแก่กรรม มหรสพในการมงคลช้างได้มาถึง พวกพราหมณ์อื่นๆ เข้าไปเฝ้าพระราชา กราบทูลว่า “ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท มหรสพในการมงคลช้างได้มาถึงแล้ว ควรประกอบพิธีมงคล แต่บุตรของพราหมณ์ปุโรหิตยังเด็กนัก ไม่รู้ไตรเพท ไม่รู้สูตรกล่อมช้าง พวกข้าพระพุทธเจ้าจะทำการมงคลช้างกันเอง พระเจ้าข้า” พระราชาทรงรับว่าดีแล้ว พวกพราหมณ์ต่างพากันรื่นเริงยินดีเดินไปมาด้วยคิดว่า พวกเราไม่ให้บุตรปุโรหิตทำการมงคลช้าง จักทำเสียเองแล้วก็จะได้รับทรัพย์ ครั้นถึงวันที่สี่จักมีการมงคลช้าง เพราะฉะนั้น มารดาของพราหมณ์รู้ข่าวนั้น จึงเศร้าโศกคร่ำครวญว่า ขึ้นชื่อว่าการทำการมงคลแก่ช้างเป็นหน้าที่ของเราเจ็ดชั่วตระกูลแล้ว วงศ์ของเราจักเสื่อม และเราจักเสี่อมจากทรัพย์ด้วย พราหมณ์ถามว่า ร้องไห้ทำไม ครั้นได้ฟังเหตุการณ์นั้นแล้วจึงปลอบว่า “แม่จ๋า แม่อย่าเศร้าโศกไปเลย บางทีลูกจักทำการมงคลเอง” มารดาพูดว่า “ลูกแม่ ลูกไม่รู้ไตรเพท ไม่รู้สูตรกล่อมช้าง ลูกจักทำการได้อย่างไร” พระโพธิสัตว์ถามว่า “แม่จ๋า เมื่อไรเขาจักทำการมงคลช้างกัน” มารดาตอบว่า “ในวันที่สี่จากนี้ไปแหละลูก” พราหมณ์ถามว่า “แม่จ๋า อาจารย์ผู้เชี่ยวชาญไตรเพทรู้สูตรกล่อมช้างอยู่ที่ไหนเล่าแม่” มารดาบอกว่า “ลูกรัก อาจารย์ทิศาปาโมกข์เช่นว่านี้ อยู่ในเมืองตักศิลา แคว้นคันธาระ สุดทางจากนี้ไปร้อยยี่สิบโยชน์” พราหมณ์ปลอบมารดาว่า “แม่จ๋า ลูกจะไม่ยอมให้วงศ์ของเราพินาศ พรุ่งนี้ลูกจะไปเมืองตักสิลา เดินทางวันเดียวก็ถึง เรียนไตรเพทและสูตรกล่อมช้างเพียงคืนเดียวเท่านั้น รุ่งขึ้นจะกลับมาทำการมงคลช้างในวันที่สี่ในวันรุ่งขึ้น” พราหมณ์บริโภคอาหารแต่เช้า ออกเดินทางคนเดียว เพียงวันเดียวก็ถึงเมืองตักสิลา เข้าไปไหว้อาจารย์ แล้วนั่งอยู่ข้างหนึ่ง ลำดับนั้นอาจารย์ถามพราหมณ์ว่า “เจ้ามาจากไหนเล่าพ่อ” “จากกรุงพาราณสีขอรับท่านอาจารย์” “ต้องการอะไรเล่า” “ต้องการเรียนไตรเพทและสูตรกล่อมช้างในสำนักของท่านอาจารย์ขอรับ” “ดีละ เรียนเถิดพ่อ” พราหมณ์กล่าวว่า “ท่านอาจารย์ขอรับ งานของผมค่อนข้างด่วนมาก” แล้วก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้ทราบ กล่าวว่า “กระผมมาเป็นระยะทางร้อยยี่สิบโยชน์ เพียงวันเดียวเท่านั้น วันนี้ขอท่านอาจารย์ให้โอกาสแก่ผมเพียงคืนเดียวเท่านั้น ในวันที่สามจากวันนี้จักมีการมงคลช้าง กระผมขอเรียนทุกวิชาเพียงแต่หัวข้ออย่างเดียวเท่านั้น” ครั้นอาจารย์ให้โอกาส จึงล้างเท้าอาจารย์วางถุงทรัพย์พันหนึ่งไว้ข้างหน้าอาจารย์ ไหว้แล้วนั่งลงข้างอาจารย์ เริ่มศึกษา พออรุณขึ้นก็เรียนจบไตรเพทและสูตรกล่อมช้าง จึงถามว่า “ยังมีสิ่งอื่นๆ อีกหรือไม่ท่านอาจารย์” เมื่ออาจารย์กล่าวว่า “ไม่มีแล้ว จบหมดแล้ว” ยังสอบทานศิลปะให้อาจารย์ฟังว่า “ท่านอาจารย์ในคัมภีร์นี้มีบทขาดหายไปเท่านี้ มีที่เลอะเลือนเพราะสาธยายไปเท่านี้ ตั้งแต่นี้ไปท่านพึงบอกอันเตวาสิกทั้งหลายอย่างนี้” เสร็จแล้วบริโภคอาหารแต่เช้าตรู่ ไหว้อาจารย์กลับไปกรุงพาราณสีเพียงวันเดียวเท่านั้น แล้วไปไหว้มารดา เมื่อมารถามว่า “เรียนศิลปะจบแล้วหรือลูก” บอกว่า “จบแล้วจ้ะแม่” ทำให้มารดาปลาบปลื้มมาก วันรุ่งขึ้น เขาเตรียมงานมหรสพมงคลช้างกันเป็นการใหญ่ ประชาชนต่างจัดเตรียมช้างของตนๆ สวมเครื่องประดับด้วยทองคำ ผูกธงด้วยทองคำ คลุมด้วยตาข่ายทอง ตกแต่งกันที่พระลานหลวง พวกพราหมณ์ก็ประดับประดารอท่าตั้งใจว่าพวกเราจักทำการมงคลช้าง แม้พระเจ้าสุสีมะก็ทรงเต็มยศ ให้ข้าราชบริพารถือเครื่องอุปกรณ์เสด็จไปยังมงคลสถาน พราหมณ์ก็ตกแต่งร่างกายด้วยเครื่องประดับอย่างเด็ก มีบริษัทของตนห้อมล้อมเป็นบริวารไปยังสำนักของพระราชา กราบทูลว่า “ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ได้ทราบข่าวว่าพระองค์ทรงทำวงศ์ของข้าพระพุทธเจ้าและของพระองค์เองให้พินาศ แล้วได้รับสั่งจะให้พราหมณ์อื่นทำการมงคลช้าง แล้วมอบเครื่องประดับช้างและเครื่องอุปกรณ์ให้จริงหรือพระพุทธเจ้า” แล้วกล่าวว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้ทรงพระนามว่า สุสีมะ ช้างสีดำมีงาขาวประมาณร้อยเชือกเหล่านี้ ประดับด้วยข่ายทองเป็นของพระองค์ พระองค์ทรงระลึกถึงการกระทำของพระบิดาและพระอัยยิกาอยู่เนืองๆ แล้วทรงตรัสว่า เราจะให้ช้างเหล่านี้แก่พราหมณ์เหล่าอื่นดังนี้ เป็นความจริงหรือพระเจ้าข้า” พระราชากล่าว “เราให้ช้างเหล่านี้แก่ท่าน คือ ในสำนักของท่าน เราจะให้ช้างซึ่งประดับด้วยเครื่องอลังการทั้งปวงประมาณร้อยเชือก จำพวกสีดำงาขาวแก่พราหมณ์เหล่าอื่น" “ข้าแต่พระราชาสุสีมะ พระองค์ตรัสอย่างนี้เป็นความจริงหรือ” พระราชาทรงระลึกถึงการกระทำของพระบิดาและพระอัยยิกาเนืองๆ พราหมณ์ทูลถามซ้ำอีกว่า “ในวงศ์ของข้าพระพุทธเจ้าและของพระองค์เอง ข้าแต่มหาราช บิดาและปู่ของข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลายกระทำมงคลช้างแก่พระชนกและพระอัยยิกาของพระองค์จนเจ็ดชั่วตระกูล พระองค์แม้ทรงระลึกได้อย่างนี้ ก็ยังทำวงศ์ของข้าพระองค์ทั้งหลายและของพระองค์ให้พินาศ นัยว่ารับสั่งอย่างนี้จริงหรือ” พระเจ้าสุสีมะทรงสดับคำของพราหมณ์ จึงตรัสว่า “มาณพ ช้างสีดำมีงาขาวประมาณร้อยเชือกเหล่านี้ประดับด้วยข่ายทองซึ่งเป็นของเรา เราระลึกถึงการกระทำของพระบิดาและพระอัยยิกาอยู่เนืองๆ พูดว่า ว่าเราจะให้ช้างเหล่านั้นแก่พราหมณ์เหล่าอื่น เป็นความจริง” ลำดับนั้นพราหมณ์ได้กราบทูลพระราชาว่า “ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท เมื่อพระองค์ทรงระลึกถึงวงศ์ของพระองค์และของข้าพระองค์ได้ เพราะเหตุไรพระองค์จึงทิ้งข้าพระองค์เสีย แล้วให้ผู้อื่นกระทำการมงคลช้างเล่า พระเจ้าข้า” พระราชาตรัสว่า “เจ้าพวกพราหมณ์เขาบอกเราว่า เจ้าไม่รู้ไตรเพทและสูตรกล่อมช้าง เพราะฉะนั้น เราจึงให้พวกพราหมณ์อื่นทำพิธี” พราหมณ์พูดเสียงดังว่า “ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท บรรดาพราหมณ์ทั้งหมดนี้ แม้สักคนหนึ่งสามารถเจรจากับข้าพระองค์ได้ในพระเวทก็ดี ในพระสูตรก็ดีมีอยู่ จงลุกขึ้นมา พราหมณ์อื่นนอกจากข้าพระพุทธเจ้า ชื่อว่ารู้ไตรเพทและสูตรกล่อมช้าง พร้อมด้วยวิธีทำการมงคลช้าง ไม่มีเลยทั่วชมพูทวีป” พราหมณ์แม้สักคนหนึ่งก็ไม่สามารถลุกขึ้นเป็นคู่แข่งกับพระโพธิสัตว์ได้ ธรรมนิทานชาดกเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า “ความพยายามนำมาซึ่งความสำเร็จทุกประการ” พุทธศาสนสุภาษิตประจำเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า อาสึเสเถว ปุริโส น นิพฺพินฺเทยฺย ปณฺฑิโต ปสฺสามิ โวหํ อตฺตานํ ยถา อิจฺฉึ ตถา อหุ เราเห็นประจักษ์มากับตนเอง เราปรารถนาอย่างใด ก็ได้สมตามนั้น (๒๘/๔๕๐) คัดจาก : หนังสือ พระเจ้า ๕๐๐ ชาติ ฉบับสมบูรณ์ / จัดพิมพ์เพื่อเผยแพร่พระพุทธศาสนาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดย สถาบันบันลือธรรม |