หัวข้อ: วัฒนธรรมการบริโภคอาหารเช้า (Breakfast) เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 21 ตุลาคม 2567 17:14:52 (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/15166377524534_Medieval_baker_Copy_.jpg) (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/89810313988063_Breakfast_at_the_Black_Bear_Di.jpg) วัฒนธรรมการบริโภคอาหารเช้า (Breakfast) อาหารเช้า (Breakfast) คือ อาหารมื้อแรกของวันซึ่งมักจะรับประทานในตอนเช้า เป็นพลังงานที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของร่างกายและสมอง ในภาษาอังกฤษสมัยก่อน เรียกอาหารเช้า ว่า “มอร์เกนเมต” (morgenmete) โดยตัวเลือกอาหารจะแตกต่างกันไปตามภูมิภาคและวัฒนธรรมการกินทั่วโลก เช่น อียิปต์โบราณ ในอียิปต์โบราณ ชาวนากินอาหารเช้าทุกวันก่อนที่จะออกไปทำงานในทุ่งนาหรือทำงานตามคำสั่งของฟาโรห์ โดยอาหารส่วนใหญ่ในตอนเช้าประกอบด้วยซุป เบียร์ ขนมปัง และหัวหอม อาหารเช้าแบบดั้งเดิมที่เชื่อกันว่าปรุงในอียิปต์โบราณคือ ฟูล (fūl) ทำจากถั่วฟาวา ซึ่งเป็นพืชให้เนื้อสัมผัสที่เหนียวและเด้งกว่าโปรตีนจากพืชชนิดอื่น, ขนมปังบาลาดี ทำจากข้าวสาลีเอมเมอร์ และฟาลาเฟล ซึ่งเป็นของทอดที่ทำจากถั่ว และส่วนผสมของถั่วฟาวากับหัวหอม กระเทียม ผักชีฝรั่ง และผักชี ยุคคลาสสิก ในยุคคลาสสิก (classical period) หลังยุคโฮเมอริกของกรีซ อาหารที่เรียกว่า อคราติสมา (akratisma) มักจะรับประทานทันทีหลังจากตื่นนอนในตอนเช้า ประกอบด้วยขนมปังข้าวบาร์เลย์จุ่มในไวน์ บางครั้งก็เสริมด้วยมะเดื่อหรือมะกอก แพนเค้กที่ราดด้วยน้ำผึ้ง งา และชีส โรมโบราณ ชาวโรมันเรียกอาหารเช้าว่า เอนทาคูลัม (ientaculum) โดยปกติจะประกอบด้วยอาหารหลักในชีวิตประจำวัน เช่น ขนมปัง ชีส มะกอก สลัด ถั่ว ลูกเกด และเนื้อที่เหลือจากเมื่อวันก่อน พวกเขายังดื่มเครื่องดื่มที่ทำจากไวน์ เช่น มัลซุม ซึ่งเป็นส่วนผสมของไวน์ น้ำผึ้ง และเครื่องเทศที่มีกลิ่นหอม ส่วนพวกทหารโรมันตื่นขึ้นมาด้วยอาหารเช้าซึ่งประกอบด้วยพัลเมนตุส ซึ่งเป็นโจ๊กที่มีลักษณะคล้ายกับโพเลนต้าของอิตาลี ทำจากข้าวสาลีหรือข้าวบาร์เลย์คั่ว จากนั้นนำมาโขลกและปรุงในหม้อต้มน้ำ ยุคกลางของยุโรป ในยุคกลางของยุโรป อาหารเช้ามักไม่ถือเป็นมื้ออาหารที่จำเป็นและสำคัญ และแทบไม่มีเลยในช่วงยุคกลางตอนต้น พระมหากษัตริย์และผู้ติดตามจะใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ที่โต๊ะเพื่อรับประทานอาหาร โดยมีการรับประทานอาหารอย่างเป็นทางการเพียงสองมื้อต่อวันจนตลอดยุคกลาง ได้แก่ อาหารมื้อกลางวันและมื้อเย็น สำหรับอาหารมื้อเช้ามีความจำเป็นเพียงสำหรับ เด็ก คนชรา คนป่วย และคนทำงาน หรือคนยากจน (อาจเป็นชาวนาหรือกรรมกรที่มีสถานะต่ำซึ่งต้องการพลังงานเพื่อใช้แรงทำงาน) หรือผู้ที่มีร่างกายอ่อนแอเกินกว่าจะไปรับประทานอาหารมื้อใหญ่ในมื้อเที่ยงวัน ในศตวรรษที่ ๑๓ อาหารเช้าจะประกอบด้วย ขนมปังข้าวไรย์และชีสเล็กน้อย จะไม่มีเนื้อสัตว์ใดๆ และอาจมีเบียร์ที่มีแอลกอฮอล์ต่ำ เมื่อถึงศตวรรษที่ ๑๕ อาหารเช้าในยุโรปตะวันตกมักมีเนื้อสัตว์รวมอยู่ด้วย ในช่วงเวลานี้ เริ่มมีผู้สูงศักดิ์รับประทานอาหารเช้า และรับประทานกันโดยสม่ำเสมอมากขึ้น และเมื่อถึงต้นศตวรรษที่ ๑๖ อาหารเช้าถูกบันทึกไว้ให้กลายเป็นอาหารมื้อปกติเหมือนกับสมัยใหม่ และนอกเหนือจากอาหารเช้าแล้ว ในศตวรรษที่ ๑๖ มีการนำเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนเป็นอาหารเสริมนอกเหนือจากอาหารเช้าด้วย โดยเชื่อกันว่ากาแฟและชามีประโยชน์ต่อร่างกาย แอฟริกา อาหารหลากหลายของแอฟริกา ได้แก่ ผลไม้ ธัญพืชและผักที่หาได้ในท้องถิ่น รวมถึงผลิตภัณฑ์นมและเนื้อสัตว์ ในบางส่วนของทวีป อาหารแบบดั้งเดิมประกอบด้วยผลิตภัณฑ์จากนม นมเปรี้ยว และเวย์ ซึ่งเป็นโจ๊กประเภทหนึ่งที่รับประทานกันมากที่สุด มีบันทึกว่า ชาวเบดูอินมักใช้ตั๊กแตนผสมกับเนยเป็นอาหารเช้า โดยทาส่วนผสมบนขนมปัง อียิปต์ ในหนังสือ The Bible cyclopædia ตีพิมพ์ในปี พ.ศ.๒๓๘๖ มีบันทึกว่า ชาวอียิปต์เป็นคนตื่นเช้า บางครั้งรับประทานอาหารมื้อแรกที่ประกอบด้วยกาแฟพร้อมกับสูบบุหรี่ไปป์ และไม่รับประทานอาหารเช้าจนถึงเที่ยงวัน ในเวลานี้ มีการบันทึกไว้ว่าอาหารเช้าของอียิปต์ประกอบด้วยขนมปัง ชีส ไข่ เนย นมเปรี้ยว Clotted cream (ครีมที่ข้นหนืด มีกลิ่นหอมเฉพาะตัวออกไปทางถั่วคั่วหรือคาราเมล มีรสชาติอมหวานเล็กน้อย) และถั่วตุ๋น นอกจากนี้ ถั่วฟาว่ายังเป็นอาหารเช้าประจำชาติที่เป็นที่ยอมรับอีกด้วย - ในญี่ปุ่น เป็นเรื่องปกติที่จะรับประทานซุปมิโซะและโจ๊กเป็นอาหารเช้า - ชาวเลบานอนผู้ยากจน บริโภคกระเทียมดิบกับขนมปังเป็นอาหารเช้า - อาหารเช้าของฝรั่งเศส ได้แก่ ขนมอบ แอปเปิลหลากสี บริยอช(ขนมปังอบแบบดั้งเดิม) ครัวซองต์ และแปงโอช็อกโกแลต ครัวซองต์(ครัวซองต์ไส้ช็อกโกแลต) - อาหารเช้าของชาวดัตช์ ในเนเธอแลนด์ ได้แก่ ขนมปังที่มีเนื้อโคลด์คัท(เนื้อตัดเย็นที่ถูกจัดวางอย่างสวยงามบนถาด) ชีส และท็อปปิ้งรสหวานหลากหลายชนิด ช็อคโกแลตสเปรด น้ำเชื่อม (น้ำเชื่อมน้ำตาลเข้มสีน้ำตาลเข้มที่เรียกว่า stroop) เนยแอปเปิ้ล และเนยถั่ว - ในสหราชอาณาจักร อาหารเช้าเป็นอาหารหลัก โดยทั่วไปจะประกอบด้วยเบคอน ไส้กรอก และไข่ ซึ่งมักเสิร์ฟพร้อมกับเครื่องเคียงและเครื่องดื่ม เช่น กาแฟหรือชา ก่อนปี ๑๖๐๐ อาหารเช้าในบริเตนใหญ่มักประกอบด้วยขนมปัง เนื้อเย็นหรือปลา เบียร์ ชา ช็อคโกแลต และกาแฟ และในคริสต์ทศวรรษ ๑๗๐๐ กาแฟและช็อกโกแลตถูกนำมาใช้เป็นเครื่องดื่มมื้อเช้าโดยคนยุคใหม่ และในที่สุด ชาก็ได้รับความนิยมเป็นเครื่องดื่มมื้อเช้ามากกว่าช็อกโกแลต - ทวีปอเมริกาเหนือ มีหลักฐานทางโบราณคดีว่า ชาวอะบอริจิน ดื่มน้ำเชื่อมเมเปิ้ลหรือน้ำตาลจากต้นเมเปิ้ลเป็นอาหารตามประเพณี และน้ำจากต้นเมเปิ้ลที่ถูกแปรรูปเป็นน้ำเชื่อมนี้ ได้ดื่มกันมานานก่อนที่ชาวยุโรปจะมาถึงในภูมิภาคนี้ - เม็กซิโก อาหารเม็กซิกันมื้อเช้าของชาวแอซเท็กมักประกอบด้วยโจ๊กข้าวโพดกับน้ำผึ้งและพริก หรือตอติญ่ากับถั่วและซัลซ่า ย้อนกลับไปในสมัยของชาวแอซเท็ก ชิลาคิลิส (Chilaquiles) อาหารเช้าหลักของชาวแอซเท็ก ประกอบด้วยแผ่นแป้งตอติญ่า (เรียกในท้องถิ่นว่า "โทโทโป") ราดด้วยซัลซ่าและมักมาพร้อมกับถั่วบด อาจรับประทานกับไข่ดาวหรือไข่คน ไก่ฉีก โรยชีส ครีมมา หัวหอมหั่นเต๋า หรือใบผักชี สับ และ “ไข่” ยังเป็นอาหารหลักในอาหารเช้าแบบเม็กซิกัน โดยมักรับประทานไข่คนและไข่ทอดกับตอติญ่า ซัลซ่า และถั่ว และในปัจจุบัน ๖% ของเด็กชาวเม็กซิกัน รับประทานเฉพาะ “ซีเรียลพร้อมกับนม” เป็นอาหารเช้าเท่านั้น สาเหตุหลักมาจากอิทธิพลของอเมริกา |