หัวข้อ: ประวัติ และ มหาปณิธาน 48 ประการของพระอมิตาภพุทธะ เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 14 พฤศจิกายน 2567 13:05:22 พระอมิตาภพุทธะ
(https://enlightenmentthangka.com/cdn/shop/products/2_60397cb7-c2f4-4fd5-8883-38ca102ab839_800x.jpg?v=1679550766) พระอมิตาภพุทธะ (สันสกฤต: अमिताभ बुद्ध) เป็นพระธยานิพุทธะที่ประทับในแดนสุขาวดี ซึ่งเป็นพุทธเกษตรแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตก พระองค์มีรูปกายเป็นสีแดง นับถือกันมากในนิกายสุขาวดี ควบคู่กับพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์หรือเจ้าแม่กวนอิม ประวัติ มหาสุขาวตีวยูหสูตรระบุว่าก่อนจะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า พระอมิตาภะเคยเกิดเป็นกษัตริย์ชื่อ "พระเจ้าธรรมกร" ต่อมาผนวช และได้แสดงปณิธาน 48 ประการเฉพาะพระพักตร์พระโลเกศวรราชพุทธะว่า ขอให้มีพระองค์ได้มีพุทธเกษตรแห่งหนึ่งเป็นโลกธาตุดินแดนบริสุทธิ์ไว้ช่วยเหลือสรรพสัตว์ให้พ้นทุกข์มีชื่อว่าสุขาวดี อมิตาพุทธสูตรยังระบุว่าพระอมิตาภะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าเมื่อสิบกัปที่แล้ว หลังจากปรินิพพานจึงประทับ ณ สุขาวตีพุทธเกษตรนั้น ซึ่งเป็นที่ใช้ในประกาศพระธรรม ไม่มีอบายภูมิ มีแต่โพธิสัตวภูมิ เพื่อเป็นการสงเคราะห์สรรพสัตว์ให้เข้าสู่นิพพานต่อไป เชื่อกันว่าเมื่อพระอมิตาภพุทธะเสด็จปรินิพพานแล้ว พระอวโลกิเตศวรจะทรงบรรลุเข้าเป็นพระพุทธเจ้าในแดนสุขาวดีแทน พระองค์มีหลายพระนาม เช่น อมิตายุส (อ่านว่า ยุส - สะ) แปลว่า พระผู้มีอายุกาลไม่มีประมาณ และอมิตาภะ แปลว่า พระผู้มีแสงส่องสว่างไม่มีประมาณ เป็นพระธยานิพุทธะ 1 ใน 5 พระองค์ ประทับอยู่ทางตะวันตกของพุทธมณฑล พระกายสีแดงก่ำ เป็นต้นตระกูลของพระโพธิสัตว์ตระกูลปัทมะ หมายถึงปัญญาที่ทำให้มนุษย์รู้จักผิดชอบชั่วดี และเลือกปฏิบัติในทางที่ถูก สัญลักษณ์คือดอกบัว พระพุทธเจ้าในตระกูลนี้ทั่วไปใช้บัวแดง พระโพธิสัตว์ปางดุใช้บัวขาว ภาพวาดของพระองค์มักวาดให้พระหัตถ์ยาวหมายถึงความสามารถที่จะเอื้อมพาสรรพสัตว์เข้าสู่แดนสุขาวดี มีพระชิวหายาวตระหวัดได้รอบโลกหมายถึงความสามารถในการแสดงธรรมได้ทั่วโลก ทรงนกยูงเป็นพาหนะนับถือส่วนใหญ่ในพุทธศาสนานิกายมหายาน ควบคู่กับพระอวโลกิเตศวรหรือเจ้าแม่กวนอิมในภาษาไทย ท่านเป็นพระพุทธเจ้าในสุขาวดีพุทธภูมิห่างจากโลกมนุษย์ ทางทิศตะวันตกสิบล้านล้านกิโลเมตร ใช้เวลาสร้าง 5 กัป จึงสำเร็จเป็นอาณาจักรหนึ่ง ชื่อ แดนสุขาวดี (เก็กลกซือไก) จุดประสงค์ในการสร้าง เพื่อเป็นที่อยู่ของสัตว์โลกที่สำเร็จธรรม ขอเพียงมีปณิธานแน่วแน่จริงใจและสวดคำว่า อามีทอฝอ (แต้จิ๋ว: อานีทอฮุก) อยู่เสมอ ยามใกล้จะสิ้นใจจะปรารถนาที่จะลาโลกไป พระอมิตาภพุทธะ พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ และพระมหาสถามปราปต์โพธิสัตว์ จะเสด็จมารับไปยังแดนสุขาวดี ดังเช่นหลวงจีนในนิกายมหายานนิยมท่องกัน เพราะเป็นความเชื่อส่วนนิกาย ไม่ได้บันทึกไว้ในพระไตรปิฏก และไม่พบในนิกายเถรวาท หัวข้อ: Re: ประวัติ และ มหาปณิธาน 48 ประการของพระอมิตาภพุทธะ เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 14 พฤศจิกายน 2567 13:11:33 ตามอรรถาธิบายของจีนได้กล่าวสรุปความพระมหาปณิธานของพระอมิตาภะพุทธเจ้า ที่เคยทรงประกาศไว้เฉพาะเบื้องพระพักตร์แห่งพระโลเกศวรราชาพุทธเจ้าตอนเสวยพระชาติ เป็นธรรมากรภิกษุทั้ง ๔๘ ประการดังนี้ ๑. เพื่อการเป็นพระพุทธะแล้ว หากในโลกธาตุของเราหากมีนรก เปรต เดรัจฉานแล้วไซร้ เราจักมิขอสำเร็จพระสัมโพธิญาณ ๒. เพื่อการเป็นพระพุทธะแล้ว หากเทวดาและมนุษย์ในโลกธาตุ ภายหลังที่สิ้นชีพลงแล้ว ยังตกสู่อบายภูมิทั้ง ๓ อีกไซร้ ก็จักมิขอสำเร็จพระสัมโพธิญาณ ๓. เพื่อการเป็นพระพุทธะแล้ว หากเทวดาและมนุษย์ทั้งหมดในโลกธาตุมิได้มีรูปกายดั่งสุวรรณบริสุทธิ์แล้วไซร้ เราจักมิขอสำเร็จพระสัมโพธิญาณ ๔. เพื่อการเป็นพระพุทธะแล้ว หากเทวดาและมนุษย์ในโลกธาตุมีรูปลักษณ์ที่แตกต่างกัน ยังมีศุภลักษณ์และอัปลักษณ์อยู่ไซร้ เราจักมิขอสำเร็จพระสัมโพธิญาณ ๕. เพื่อการเป็นพระพุทธะแล้ว หากเทวดาและมนุษย์ในโลกธาตุไร้ซึ่งบุพเพนิวาสานุสติญาณ มิสามารถล่วงรู้ย้อนไปอย่างน้อยร้อยพันโกฏินยุตะ กัลป์ได้แล้วไซร้ เราจักมิขอสำเร็จพระสัมโพธิญาณ ๖. เพื่อการเป็นพระพุทธะแล้ว หากเทวดาและมนุษย์ในโลกธาตุมิอาจบรรลุถึงทิพยจักษุ แล้วแลเห็นพุทธประเทศต่างๆจำนวนอย่างน้อยร้อยพันโกฏินยุตะได้แล้วไซร้ เราจักมิขอสำเร็จพระสัมโพธิญาณ ๗. เพื่อการเป็นพระพุทธะแล้ว หากเทวดาและมนุษย์ในโลกธาตุมิอาจบรรลุถึงทิพยโสต ได้สดับในพระพุทธวัจนะทั้งปวงจำนวนอย่างน้อยร้อยพันโกฏินยุตะได้แล้วไซร้ เราจักมิขอสำเร็จพระสัมโพธิญาณ ๘. เพื่อการเป็นพระพุทธะแล้ว หากเทวดาและมนุษย์ในโลกธาตุมิอาจบรรลุถึงเจโตปริยญาณ ได้ล่วงรู้ถึงความระลึกแห่งจิตของสรรพสัตว์ในพุทธประเทศจำนวนอย่างน้อยร้อยพันโกฏินยุตะได้แล้วไซร้ เราจักมิขอสำเร็จพระสัมโพธิญาณ ๙. เพื่อการเป็นพระพุทธะแล้ว หากเทวดาและมนุษย์ในโลกธาตุมิอาจบรรลุถึงอภิญญาฤทธิ์ โดยในชั่วขณะหนึ่งหากมิสามารถผ่านล่วงบรรดาพุทธประเทศจำนวนอย่างน้อยร้อยพันโกฏินยุตะได้แล้วไซร้ เราจักมิขอสำเร็จพระสัมโพธิญาณ ๑๐. เพื่อการเป็นพระพุทธะแล้ว หากเทวดาและมนุษย์ในโลกธาตุเกิดสัญญาความยึดมั่น ยังละโมบมีแผนการณ์เพื่อสังขารแห่งตนแล้วไซร้ เราจักมิขอสำเร็จพระสัมโพธิญาณ ๑๑. เพื่อการเป็นพระพุทธะแล้ว หากเทวดาและมนุษย์ในโลกธาตุมิอาจธำรงมั่นในสมาธิตราบถึงพระนิพพานได้แล้วไซร้ เราจักมิขอสำเร็จพระสัมโพธิญาณ ๑๒. เพื่อการเป็นพระพุทธะแล้ว หากรัศมีประภาสถูกจำกัดขอบเขตปริมาณ มิอาจฉายส่องไปยังพุทธประเทศจำนวนอย่างน้อยร้อยพันโกฏินยุตะแล้วไซร้ เราจักมิขอสำเร็จพระสัมโพธิญาณ ๑๓. เพื่อการเป็นพระพุทธะแล้ว หากอายุกาลถูกจำกัดขอบเขตปริมาณ อยู่น้อยกว่าร้อยพันโกฏินยุตะกัลป์แล้วไซร้ เราจักมิขอสำเร็จพระสัมโพธิญาณ ๑๔. เพื่อการเป็นพระพุทธะแล้ว หากสามารถคณนาซึ่งปริมาณของบรรดาสาวกในโลกธาตุได้ ฤๅสามารถคณนาถึงปริมาณสรรพสัตว์ในตรีสหัสมหาสหัสโลกธาตุที่ล้วนได้สำเร็จเป็นปัจเจกโพธิ หากด้วยอาศัยระยะเวลาหนึ่งร้อยกัลป์ในการคำนวณนับจนสามารถทราบถึงจำนวนทั้งหมดนั้นได้แล้วไซร้ เราจักมิขอสำเร็จพระสัมโพธิญาณ ๑๕. เพื่อการเป็นพระพุทธะแล้ว หากเทวดาและมนุษย์ในโลกธาตุไร้ซึ่งอายุกาลที่มิอาจประมาณได้ เว้นเสียแต่เป็นปณิธานที่จักย่นอายุกาลของตนเอง (เพื่อนิพพาน) เท่านั้น หากมิเป็นเช่นนี้แล้วไซร้ เราจักมิขอสำเร็จพระสัมโพธิญาณ ๑๖. เพื่อการเป็นพระพุทธะแล้ว หากเทวดาและมนุษย์ในโลกธาตุ ยังได้สดับยลยินถึงนามของอกุศลอยู่ไซร้ เราจักมิขอสำเร็จพระสัมโพธิญาณ ๑๗. เพื่อการเป็นพระพุทธะแล้ว หากบรรดาพระพุทธเจ้าจำนวนอนันตะในทศทิศโลกธาตุ มิได้สรรเสริญสดุดีในนามของเราอย่างอุโฆษเลื่องลือแล้วไซร้ เราจักมิขอสำเร็จพระสัมโพธิญาณ ๑๘. เพื่อการเป็นพระพุทธะแล้ว หากสรรพสัตว์ในทศทิศ ที่ยินดีในศรัทธาด้วยความเป็นที่สุดแห่งใจ ปรารถนาอุบัติยังโลกธาตุของเรา แม้นกระทั่งได้ระลึกถึงเรา ๑๐ วาระ แล้วมิได้ไปถืออุบัติแล้วไซร้ เราจักมิขอสำเร็จพระสัมโพธิญาณ เว้นเพียงแต่ผู้ก่ออนันตริยกรรม และผู้ทำลายพระสัทธรรม ๑๙. เพื่อการเป็นพระพุทธะแล้ว หากสรรพสัตว์ในทศทิศได้บังเกิดมีโพธิจิต ได้บำเพ็ญซึ่งสรรพกุศลมีปณิธานมุ่งมั่นยิ่งเป็นที่สุดแห่งใจ ปรารถนาไปอุบัติยังโลกธาตุของเรา แลเมื่อคราวายชนม์แล้ว สมมติว่าเราและบรรดามหาชนผู้แวดล้อมมิอาจไปปรากฏกายเบื้องหน้าของผู้นั้นได้แล้วไซร้ เราจักมิขอสำเร็จพระสัมโพธิญาณ ๒๐. เพื่อการเป็นพระพุทธะแล้ว หากสรรพสัตว์ในทศทิศได้สดับนามของเรา มีจิตพันผูกระลึกถึงโลกธาตุของเรา เป็นผู้สั่งสมไว้ซึ่งกุศลมูลทั้งปวง แล้วมีจิตอุทิศเพื่อมุ่งไปอุบัติยังโลกธาตุของเราด้วยความเป็นที่สุดแห่งใจ หากมิอาจสำเร็จซึ่งผลนั้นแล้วไซร้ เราจักมิขอสำเร็จพระสัมโพธิญาณ ๒๑. เพื่อการเป็นพระพุทธะแล้ว หากเทวดาและมนุษย์ในโลกธาตุ มิได้สำเร็จบริบูรณ์ในทวัตติงสมหาบุรุษลักษณะทั้ง ๓๒ ประการแล้วไซร้ เราจักมิขอสำเร็จพระสัมโพธิญาณ ๒๒. เพื่อการเป็นพระพุทธะแล้ว บรรดาคณะโพธิสัตว์ทั้งปวงจากพุทธเกษตรอื่นๆ ที่มาถืออุบัติยังโลกธาตุของเรานั้น หากเป็นเอกชาติปฏิพันธ์โพธิสัตว์ แล้วไซร้(เราจักมิขอสำเร็จพระสัมโพธิญาณ) เว้นแต่จักเป็นผู้ที่มีมูลปณิธานดั้งเดิมของตนที่ยังจะสั่งสอนสรรพสัตว์ต่อไปเป็นเหตุ แลด้วยความตั้งใจนั้นอันเป็นคุณธรรมมูลฐานที่ตนได้สั่งสมไว้ด้วยความเหนื่อยยาก ในการโปรดสรรพสัตว์ให้หลุดพ้น เพื่อท่องเที่ยวไปในพุทธเกษตรทั้งปวงเพื่อบำเพ็ญโพธิสัตวจริยา เพื่อถวายสักการบูชาพระพุทธตถาคตเจ้าในทศทิศทั้งปวง เพื่ออนุศาสน์สอนสั่งสรรพสัตว์จำนวนอเนกอนันต์เท่าเม็ดทรายของคงคานทีหลวง เพื่อได้ตั้งมั่นในอนุตรสัมมาสัตยมรรคแล้วได้ก้าวพ้นออกจากจริยาแห่งภูมิทั้งปวง ได้ปรากฏสำแดงว่าได้บำเพ็ญซึ่งคุณธรรมแห่งพระสมันตภัทร หากมิเป็นเช่นนี้แล้วไซร้ เราจักมิขอสำเร็จพระสัมโพธิญาณ ๒๓. เพื่อการเป็นพระพุทธะแล้ว โพธิสัตว์ในโลกธาตุหากด้วยอาศัยพุทธานุภาพในการถวายสักการบูชาพระพุทธเจ้าทั้งปวง แม้นในชั่วขณะภัตรกิจคราวเดียว หากมิอาจ(ถวายสักการะ)ไปได้ถ้วนทั่วถึงพุทธเกษตรจำนวนอสงไขยอนันตโกฏินยุตะแล้วไซร้ เราจักมิขอสำเร็จพระสัมโพธิญาณ ๒๔. เพื่อการเป็นพระพุทธะแล้ว โพธิสัตว์ในโลกธาตุหากแม้นเมื่ออยู่เฉพาะพระพุทธพักตร์แล้ว ก็ย่อมจักสำแดงซึ่งการปลูกฝังกุศลมูล อันเครื่องสักการะบรรดาที่ต้องการใช้บูชานั้น หากมิสามารถได้ดั่งสมประสงค์แล้วไซร้ เราจักมิขอสำเร็จพระสัมโพธิญาณ ๒๕. เพื่อการเป็นพระพุทธะแล้ว โพธิสัตว์ในโลกธาตุหากมิอาจกล่าวแสดง(ธรรม)ด้วยความเป็นสัพพัญญู(รู้แจ้งในสรรพสิ่งทั้งปวง)แล้วไซร้ เราจักมิขอสำเร็จพระสัมโพธิญาณ ๒๖. เพื่อการเป็นพระพุทธะแล้ว โพธิสัตว์ในโลกธาตุหากมิได้บรรลุถึงวัชรนารายณกาย แล้วไซร้ เราจักมิขอสำเร็จพระสัมโพธิญาณ ๒๗. เพื่อการเป็นพระพุทธะแล้ว เทวดาและมนุษย์ในโลกธาตุหากในบรรดาสรรพสิ่งทั้งปวง อันบริสุทธิ์อลังการและสว่างสุกใส มีรูปลักษณ์อันวิเศษพิศดาร วิจิตรประณีตบรรจงซึ่งมิอาจกล่าวถึงปริมาณได้ แม้นบรรดาสรรพสัตว์ทั้งหลายนั้นจักได้บรรลุซึ่งทิพยจักษุแล้ว หากสามารถล่วงรู้ถึงนามและนับจำนวน(ของสรรพสิ่งอันวิเศษในโลกธาตุ)ได้หมดสิ้นแล้วไซร้ เราจักมิขอสำเร็จพระสัมโพธิญาณ ๒๘. เพื่อการเป็นพระพุทธะแล้ว โพธิสัตว์ในโลกธาตุตราบถึงผู้ที่มีกุศลน้อย มิอาจได้รู้แลได้ประสบซึ่งโพธิพฤกษ์(แห่งตน) ว่ามีประภาวรรณะจำนวนอเนกอนันต์ และมีความสูงถึงสี่ล้านลี้ แล้วไซร้ เราจักมิขอสำเร็จพระสัมโพธิญาณ ๒๙. เพื่อการเป็นพระพุทธะแล้ว โพธิสัตว์ในโลกธาตุหากสาธยายพระธรรมสูตร อ่านท่องกล่าวแสดงแล้ว หากมิได้บรรลุซึ่งปฏิภาณแลปัญญาญาณแล้วไซร้ เราจักมิขอสำเร็จพระสัมโพธิญาณ ๓๐. เพื่อการเป็นพระพุทธะแล้ว โพธิสัตว์ในโลกธาตุหากมีปัญญาญาณแลปฏิภาณที่อาจหยั่งวัดถึงขอบเขตปริมาณได้แล้วไซร้ เราจักมิขอสำเร็จพระสัมโพธิญาณ ๓๑. เพื่อการเป็นพระพุทธะแล้ว อันความบริสุทธิ์แห่งโลกธาตุจักฉายส่องโชติช่วงไปยังบรรดาพุทธเกษตรจำนวนอสงไขย จำนวนอนันต์ จำนวนอจินไตยในทศทิศโดยทั่ว ประดุจกระจกที่สว่างใสที่ฉายส่องอยู่ตรงหน้า หากมิดุจฉะนี้แล้วไซร้ เราจักมิขอสำเร็จพระสัมโพธิญาณ ๓๒. เพื่อการเป็นพระพุทธะแล้ว อันพื้นพสุธาขึ้นไปเบื้องบนจรดความว่างเปล่าแห่งอากาศ พระตำหนักมณเฑียรสถาน พระวิหารแลหอทัศนา สระโบกขรณี พฤกษาแลมาลี อีกสรรพสิ่งบรรดามีในโลกธาตุ ให้ล้วนสำเร็จจากรัตนชาตินานาชนิดและเครื่องสุคนธานับร้อยพันประการมิมีประมาณ ซึ่งประกอบตบแต่งกันอย่างอลังการและวิจิตรพิศดารยิ่งกว่าของเทพยดาทั้งปวง อันกลิ่นสุรภีคันธมาลย์นั้นหอมหวนโชยระรื่นไปยังโลกธาตุทั่วทศทิศ โพธิสัตว์ผู้ได้สูดดมแล้ว ย่อมล้วนบำเพ็ญในพุทธจริยา หากมิเป็นดังประการนี้แล้วไซร้ เราจักมิขอสำเร็จพระสัมโพธิญาณ ๓๓. เพื่อการเป็นพระพุทธะแล้ว บรรดาสรรพสัตว์หลากสายพันธุ์ในพุทธเกษตรทั้งหลายที่มีจำนวนอจินไตยและหาประมาณมิได้ตลอดทั้งทศทิศนั้น เมื่อผู้ที่กายนั้นได้สัมผัสต้องกับประภารัศมีแห่งเราแล้ว กายแลจิตจักได้อ่อนโยนยิ่งกว่าเทพและมนุษย์ หากมิได้เป็นเช่นนี้แล้วไซร้ เราจักมิขอสำเร็จพระสัมโพธิญาณ ๓๔. เพื่อการเป็นพระพุทธะแล้ว บรรดาสรรพสัตว์หลากสายพันธุ์ในพุทธเกษตรทั้งหลายที่มีจำนวนอจินไตยและหาประมาณมิได้ตลอดทั้งทศทิศนั้น เมื่อได้สดับนามของเรา แล้วมิได้บรรลุในอนุตปตติก ธรรมกษานติ และธารณีอันคัมภีรภาพทั้งปวงแล้วไซร้ เราจักมิขอสำเร็จพระสัมโพธิญาณ ๓๕. เพื่อการเป็นพระพุทธะแล้ว บรรดาพุทธเกษตรทั้งหลายที่มีจำนวนอจินไตยและหาประมาณมิได้ตลอดทั้งทศทิศนั้น ภายในนั้นหากจักมีอิสตรีที่ได้สดับนามของเรา แล้วปีติยินดีศรัทธาปสาทะได้บังเกิดโพธิจิต เอือมระอาอย่างหนักหนาในสตรีกาย เมื่อหลังจากชีวาดับสิ้นแล้วยังมีรูปลักษณ์เป็นสตรีอีกไซร้ เราจักมิขอสำเร็จพระสัมโพธิญาณ ๓๖. เพื่อการเป็นพระพุทธะแล้ว บรรดาโพธิสัตว์ในพุทธเกษตรทั้งหลายที่มีจำนวนอจินไตยและหาประมาณมิได้ตลอดทั้งทศทิศนั้น เมื่อได้สดับนามของเรา แลเมื่อภายหลังที่วายชนม์แล้ว ย่อมจักบำเพ็ญในพรหมจริยาวัตรโดยนิจศิล ตราบจนสำเร็จพุทธมรรค หากมิได้เป็นเช่นนี้แล้วไซร้ เราจักมิขอสำเร็จพระสัมโพธิญาณ ๓๗. เพื่อการเป็นพระพุทธะแล้ว บรรดาประชากรชาวสวรรค์และมนุษย์ในพุทธเกษตรทั้งหลายที่มีจำนวนอจินไตยและหาประมาณมิได้ตลอดทั้งทศทิศนั้น เมื่อได้สดับนามของเรา แล้วจักกระทำเบญจางคประดิษฐ์อภิวาทนมัสการ จิตบังเกิดความปีติยินดีน้อมใจศรัทธา ได้มาบำเพ็ญในโพธิสัตวจริยาแล้ว อันบรรดาเทพแลมนุษย์โลกทั้งหลายจักมินอบน้อมยำเกรง(แก่ผู้ที่อภิวาทนมัสการนั้น)ก็หาไม่ หากมิเป็นดังประการฉะนี้แล้วไซร้ เราจักมิขอสำเร็จพระสัมโพธิญาณ ๓๘. เพื่อการเป็นพระพุทธะแล้ว บรรดาเทวดาและมนุษย์ในโลกธาตุ เมื่อต้องการพัสตราภรณ์แพรพรรณก็ย่อมได้ตามความระลึกนั้น ประดุจที่พระพุทธองค์ทรงสรรเสริญในเครื่องนุ่งห่มอันเลิศที่สมธรรม อันจักอยู่บนกายได้เอง หากมีการย้อม เย็บ ซักและตากอยู่แล้วไซร้ เราจักมิขอสำเร็จพระสัมโพธิญาณ ๓๙. เพื่อการเป็นพระพุทธะแล้ว หากบรรดาเทวดาและมนุษย์ในโลกธาตุ ได้เสวยซึ่งความสุขสวัสดีทั้งปวง มิดั่งเช่นภิกษุผู้เป็นพระขีณาสพผู้ปราศจากกิเลสาสวะแล้วไซร้ เราจักมิขอสำเร็จพระสัมโพธิญาณ ๔๐. เพื่อการเป็นพระพุทธะแล้ว โพธิสัตว์ในโลกธาตุ เมื่อปรารถนาจักทอดทัศนาความวิสุทธิอลังการของพุทธเกษตรต่างๆจำนวนไม่มีประมาณในทศทิศ ใน เพลานั้นย่อมจักได้สมดังมโนรถ ด้วยในรัตนพฤกษ์ล้วนจักสำแดงปรากฏให้เห็นได้ ประดุจคันฉ่องสะอาดใสยังให้ประจักษ์อยู่เบื้องหน้า หากมิได้เป็นเช่นนี้แล้วไซร้ เราจักมิขอสำเร็จพระสัมโพธิญาณ ๔๑. เพื่อการเป็นพระพุทธะแล้ว บรรดาโพธิสัตว์ในโลกธาตุแดนอื่น เมื่อได้สดับนามของเราแล้ว ตราบจนได้บรรลุความเป็นพระพุทธะ (ในระหว่างนั้น)หากสรรพอินทรีย์เกิดอัปลักษณ์มิสมประกอบบริบูรณ์แล้วไซร้ เราจักมิขอสำเร็จพระสัมโพธิญาณ ๔๒. เพื่อการเป็นพระพุทธะแล้ว บรรดาโพธิสัตว์ในโลกธาตุแดนอื่น เมื่อได้สดับนามของเราแล้ว ให้ล้วนบรรลุถึงวิสุทธิวิมุตติสมาธิ เมื่อดำรงในสมาธินี้แล้ว ในชั่วขณะหนึ่งจักสามารถถวายสักการะบรรดาพระพุทธโลกนาถเจ้าทั้งหลายจำนวนอนันตอสงไขยได้ โดยจิตมิบกพร่องในสมาธินี้ หากมิเป็นดังประการนี้แล้วไซร้ เราจักมิขอสำเร็จพระสัมโพธิญาณ ๔๓. เพื่อการเป็นพระพุทธะแล้ว บรรดาโพธิสัตว์ในโลกธาตุแดนอื่น เมื่อได้สดับนามของเรา แลเมื่อวายชนม์แล้วในภายหลัง จักได้ไปบังเกิดยังตระกูลที่สูงส่ง หากมิเป็นเช่นนี้แล้วไซร้ เราจักมิขอสำเร็จพระสัมโพธิญาณ ๔๔. เพื่อการเป็นพระพุทธะแล้ว บรรดาโพธิสัตว์ในโลกธาตุแดนอื่น เมื่อได้สดับนามของเราแล้ว ให้เกิดอุเพคาปีติจนโลมาลุกชัน ได้บำเพ็ญโพธิสัตวจริยา สมบูรณ์พร้อมในพีชะแห่งคุณธรรม หากมิประดุจฉะนี้แล้วไซร้ เราจักมิขอสำเร็จพระสัมโพธิญาณ ๔๕. เพื่อการเป็นพระพุทธะแล้ว บรรดาโพธิสัตว์ในโลกธาตุแดนอื่น เมื่อได้สดับนามของเราแล้ว ล้วนแต่บรรลุในสมันตนุคตสมาธิ เมื่อดำรงในสมาธินี้แล้ว ตราบจนได้สำเร็จความเป็นพระพุทธะ ย่อมจักได้ประสบกับบรรดาพระพุทธเจ้าจำนวนอนันตอสงไขยทั้งปวงโดยนิจศิล หากมิเป็นไปดังเช่นนี้แล้วไซร้ เราจักมิขอสำเร็จพระสัมโพธิญาณ ๔๖. เพื่อการเป็นพระพุทธะแล้ว โพธิสัตว์ในโลกธาตุ ย่อมจักได้สดับพระธรรมกถาตามใจปรารถนา โดยจักได้สดับเฉพาะตน หากมิประดุจเช่นนี้แล้วไซร้ เราจักมิขอสำเร็จพระสัมโพธิญาณ ๔๗. เพื่อการเป็นพระพุทธะแล้ว บรรดาโพธิสัตว์ในโลกธาตุแดนอื่น เมื่อได้สดับนามของเราแล้ว ยังเป็นผู้ที่มิบรรลุซึ่งความมิเสื่อมถอยย้อนกลับแล้วไซร้ เราจักมิขอสำเร็จพระสัมโพธิญาณ ๔๘. เพื่อการเป็นพระพุทธะแล้ว บรรดาโพธิสัตว์ในโลกธาตุแดนอื่น เมื่อได้สดับนามของเราแล้ว ยังมิบรรลุในธรรมกษานติ ประการที่ ๑ ที่ ๒ และที่ ๓ แลในสรรพพุทธธรรม มิสามารถบรรลุถึงความเป็นผู้มิเสื่อมถอยย้อนกลับแล้วไซร้ เราจักมิขอสำเร็จพระสัมโพธิญาณ ด้วยประการฉะนี้แล ที่มา : - Wikepedia - มหาปณิธาน ๔๘ ประการ ของพระอมิตาภะพุทธเจ้า - อมิตาพุทธสูตร เก็บถาวร 2011-10-18 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, หน้า 6 - ฉัตรสุมาลย์ กบิลสิงห์ ษัฏเสน. พระพุทธศาสนาแบบทิเบต.กทม.ศูนย์ไทยทิเบต.2538 - enlightenmentthangka.com (ภาพประกอบ) |