[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

นั่งเล่นหลังสวน => สุขใจ อนามัย => ข้อความที่เริ่มโดย: ใบบุญ ที่ 17 พฤศจิกายน 2567 14:12:36



หัวข้อ: ยาสตรีเพื่อสตรี
เริ่มหัวข้อโดย: ใบบุญ ที่ 17 พฤศจิกายน 2567 14:12:36

(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/36820604403813__2048x1559_Copy_.jpg)

ยาสตรีเพื่อสตรี


ที่มา - มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 15 - 21 พฤศจิกายน 2567
คอลัมน์    - โครงการสมุนไพรเพื่อการพึ่งพาตนเอง
เผยแพร่ - วันเสาร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ.2567


ปัจจุบันประชากรไทยตามรายงานสถานะทางทะเบียนราษฎรเมื่อสิ้นปี 2566 โดยรวมประมาณ 66 ล้านคน และเป็นที่รับรู้กันว่าถ้าแบ่งเป็นชายหญิงนั้น ประชากรชายมีจำนวนประมาณร้อยละ 49 ส่วนประชากรหญิงมีมากกว่าประมาณร้อยละ 51 นอกจากจำนวนสตรีมีมากกว่าชายแล้วอายุขัยเฉลี่ยสตรียังมากถึง 79.9 ปี แต่ชายไทยมีอายุขัยเฉลี่ยเพียง 71.9 ปี

และข้อมูลจาก Health Data Center (HDC) ของกระทรวงสาธารณสุขให้ตัวเลขว่า สุขภาพอนามัยของสตรีมีอัตราเจ็บป่วยสูงกว่าชาย จึงต้องเผชิญโรคภัยไข้เจ็บมากกว่า เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูก อาการป่วยเกี่ยวกับทารกในครรภ์ เป็นต้น

นอกจากนี้ อาการไม่สบายที่สตรีมีมากกว่าชายแน่ๆ คือ สตรีวัยเจริญพันธุ์ไปจนถึงราวอายุ 45 ปี บางท่านก็ 50 ปี จะต้องรับมือกับอาการปวดประจำเดือนกันทุกคน ที่จริงการมีประจำเดือนเป็นภาวะธรรมชาติของสตรีทุกคน เรียกว่าทุกรอบเดือน ซึ่งส่วนใหญ่จะมาตามนัด 28 วัน บางคนอาจมา 30 วันหรือ 45 วันก็มี แต่ถ้ามาบ้างไม่มาบ้างผิดนัดละก็ เข้าข่ายภาวะไม่ปกติ

การมีประจำเดือนที่เป็นปกตินี้ประมาณว่าร้อยละ 70 ของสตรีทุกคนจะต้องผ่านอาการปวดประจำเดือน เป็นประสบการณ์ร่วม บางคนปวดมากจนทนแทบไม่ไหวต้องหยุดกิจกรรมต่างๆ บางคนก็ปวดไม่มาก

ในสตรีที่ปวดรุนแรงน่าจะอยู่ในกลุ่มร้อยละ 20-30 ใครที่หนักหนาสาหัสเช่นนี้ควรปรึกษาสูติ-นารีแพทย์ ช่วยดูแลรักษาแต่เนิ่นๆ จะช่วยให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น สำหรับสตรีร้อยละ 70-80 ที่ปวดไม่รุนแรง ถ้าลองคำนวณจากจำนวนประชากรสตรีช่วงอายุ 11-45 ปี จะมีผู้หญิงไทยอยู่ประมาณ 15-16 ล้านคน ถ้าคิดว่าร้อยละ 70 มักมีอาการปวดประจำเดือนไม่รุนแรงก็มีกลุ่มเป้าหมายราว 12 ล้านคนเลยทีเดียว

ตำรับยาไทยหรือยาสมุนไพรไทยมีคำตอบ และน่าจะเป็นจุดแตกต่างจากหลักทฤษฎีของการแพทย์แบบตะวันตกด้วย เพราะสมุนไพรในตำรับยาสตรีที่เกี่ยวกับแก้โจทย์ประจำเดือนจะเป็นยาช่วยเรื่องเลือดลม หรือแก้โลหิตสำหรับสตรี

ในภูมิปัญญาดั้งเดิมมีตำรับยามากมายหลายขนานที่เกี่ยวกับระบบประจำเดือนของสตรี แต่ที่จะขอกล่าวถึงเป็นตำรับยาที่สาวๆ ชาวมูลนิธิสุขภาพไทยใช้มาตั้งแต่วัยยังสาวปวดท้องประจำเดือนจนกระทั่งล่วงเลยตามวัยทองหมดประจำเดือน ซี่งเป็นตำรับยาดีมาเกือบ 30 ปีมาแล้ว

ปัจจุบันตำรับยานี้ได้รับการขึ้นทะเบียนในรายการบัญชียาหลักแห่งชาติด้านสมุนไพร ซึ่งสามารถเบิกจ่ายได้ในระบบหลักประกันสุขภาพของประเทศทุกระบบ มีชื่อเรียกตำรับยาว่า ยาเลือดงาม

เคล็ดลับของตำรับยานี้จากประสบการณ์ผู้ใช้ แนะนำว่าถ้าสามารถคาดการณ์รอบเดือนได้ว่าจะมาช่วงวันไหน ให้กินยาไทยเลือดงามนี้ก่อนสัก 2-3 วัน จะช่วยลดอาการปวดท้องประจำเดือนได้ดีมาก และเมื่อโลหิตระดูมาก็จะมาดีไม่ติดขัด ทั้งยังช่วยให้เนื้อตัวเบาสบายไม่ปวดเมื่อย คงมีสตรีสงสัยว่าถ้ารอบเดือนมาไม่แน่นอนคาดเดายาก หรือกินยาเลือดงามไม่ทันแต่ประจำเดือนมาแล้วยังกินยาได้หรือไม่ ตอบฟันธงว่ากินในช่วงเวลาที่ประจำเดือนมาแล้วก็ได้ผลเช่นกัน

ตำรับยานี้ประกอบด้วยตัวยาจำนวนมาก ได้แก่ เหง้าขิงแห้ง ตะไคร้บ้าน (ลำต้น) สะระแหน่ (ทั้งต้น) เหง้ากระชาย เหง้ากระทือ ผิวมะกรูด ใบมะนาว รากและใบกะเพรา เหง้ากระเทียม เปลือกเพกา โกฐจุฬาลัมพา ช้าพลู (ทั้งต้น) ลูกเร่วหอม ลูกจันทน์ ดอกกานพลู ดอกดีปลี เหง้าไพล พริกไทยล่อน รากเจตมูลเพลิงแดง รากชะเอมเทศ หนักสิ่งละ 5 กรัม และพิมเสน การบูร หนักสิ่งละ 1 กรัม

วิธีกินทำได้ 2 วิธี คือ แบบฉบับดั้งเดิมเอาผงยา 1-2 กรัม ละลายน้ำสุกกินวันละ 3 ครั้ง ก่อนอาหาร และในปัจจุบันมีการพัฒนาบรรจุในแคปซูล ซึ่งมักมีบริการในสถานพยาบาลหรือมีวางจำหน่ายเป็นผลิตภัณฑ์สมุนไพรเพื่อให้ใช้ได้สะดวกขึ้น ก็ยังคงกินวันละ 3 ครั้ง ก่อนอาหาร

ตำรับยานี้มีข้อห้ามใช้ในหญิงตกเลือด สตรีหลังคลอด หญิงตั้งครรภ์ และผู้ที่กำลังมีไข้ก็ไม่ควรใช้เช่นกัน

นอกจากตำรับยาไทยที่มีมากมายแล้วนั้น มีการศึกษาวิจัยอาการปวดประจำเดือนโดยใช้สมุนไพรเดี่ยวๆ ให้ง่ายต่อการบรรเทาอาการในยามฉุกเฉิน ซึ่งสมุนไพรนี้มีฤทธิ์ลดอาการปวดประจำเดือนอีก เช่น

เทียนตาตั๊กแตน มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Anethum graveolens Linn. ในเทียนตาตั๊กแตนมีน้ำมันระเหยง่าย (Dill Seed Oil) ร้อยละ 1.2-7.7 ซึ่งมีสารสำคัญหลักคือคาร์โวน (carvone) จึงทำให้เทียนตาตั๊กแตนมีกลิ่นหอมเฉพาะ มีรสขม เผ็ดเล็กน้อย พบว่ามีการศึกษาช่วยแก้อาการปวดเกร็งกล้ามเนื้อที่ท้องน้อยอันเกิดจากการปวดประจำเดือนของสาวๆ ได้อย่างมีประสิทธิผลไม่แพ้ยาแผนปัจจุบัน

เทียนข้าวเปลือก มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Foeniculum vulgare Mill. var. dulce Alef. มีการศึกษาพบว่า ผู้หญิงที่ปวดประจำเดือนปานกลางถึงรุนแรง เมื่อกินน้ำมันหอมระเหยจากเทียนข้าวเปลือกปริมาณ 25 หยดทุก 4 ชั่วโมง ช่วยลดอาการปวดได้แต่ยังไม่เท่ายา mefenamic acid ที่ใช้แก้ปวดประจำเดือน แต่ถ้าเป็นประเภทสารสกัดจากเทียนข้าวเปลือกนั้นจะมีประสิทธิผลลดอาการปวดได้ดีพอๆ กับยาฝรั่ง ซึ่งในอนาคตน่าจะมีการศึกษาเพิ่มเติมและน่าจะได้รับการบรรจุในรายการบัญชียาหลักแห่งชาติต่อไป

ที่จริงยังมีความรู้จากชุมชน 4 ภาคของไทยอีกมากมายที่เกี่ยวกับการแก้ปวดประจำเดือน การบำรุงโลหิตให้สตรีมีเลือดลมไหลเวียนดี ช่วยให้ผิวพรรณหน้าตาสดใส สุขภาพสตรีแข็งแรง ในนโยบายสาธารณสุขที่กำลังส่งเสริมยาสมุนไพรในบัญชียาหลักทดแทนยาแผนฝรั่งใน 10 กลุ่มโรคนั้น ยังไม่มีกลุ่มโรคสตรี

หากรัฐช่วยส่งเสริมและหนุนการศึกษาวิจัยอย่างเป็นระบบ เราจะมีตำรับยาสตรีเพื่อสตรีที่เป็นจุดเด่นแตกต่างจากยาแผนตะวันตกอย่างแน่นอน •



... อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.matichonweekly.com/column/article_812869