หัวข้อ: ปาฐกถา เรื่องประโยชน์ของการมีงานขึ้นปีใหม่ เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 31 ธันวาคม 2567 11:49:44 (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/95701154404216_11111_Copy_.jpg) ปาฐกถา เรื่องประโยชน์ของการมีงานขึ้นปีใหม่ หอสมุดแห่งชาติขอนำเสนอรายการ “หนังสือเก่าเล่าเรื่อง” ซึ่งเป็นการนำหนังสือหายากของหอสมุดแห่งชาติ มาสรุปเนื้อหาให้ทุกท่านได้อ่านกัน วันนี้ขอนำเสนอหนังสือเรื่อง “ปาฐกถา เรื่องประโยชน์ของการมีงานขึ้นปีใหม่” โดย นายชาญวิทย์ ฉันทเลิศวิทยา บรรณารักษ์ปฏิบัติการ สำนักหอสมุดแห่งชาติสรุปเนื้อหาได้ดังนี้ หลวงอรรถกัลยาณวินิจ ข้าหลวงประจำจังหวัดยะลา ได้กล่าวไว้ว่า วันนี้เป็นวันเหยียบย่างขึ้นปีใหม่ เป็นวันแรกแห่งปี พ.ศ.2479 ต่างได้มีความสามัคคีกันกระทำพิธีขึ้นปีใหม่ เป็นเวลาถึง 3 วัน 3 คืน ในพิธีของการมีงานขึ้นปีใหม่นั้นเป็นความประสงค์ของบรรพบุรุษที่ได้เคยมีมาแต่ดึกดำบรรพ์ แต่เรามาปล่อยปละละเลยกันไปเมื่อปลายสมัยแห่งการปกครองระบอบประชาธิปไตย ไปเพลิดเพลินเรื่องยศศักดิ์กันหนักไปจนก่อให้เกิดการดูหมิ่นหยามเหยียดชั้นบุคคล แล้วก็ลืมงานพิธีปีใหม่ มาจนกระทั่งได้มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบประชาธิปไตย คุณหลวงธำรงนาวาสวัสดิ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้คิดเห็นว่าการประกอบงานพิธีขึ้นปีใหม่นั้นเป็นงานสำคัญของชาติอันหนึ่งที่พึงต้องประกอบให้ฟื้นฟูขึ้นแก่ประเทศชาติให้เป็นงานประจำทุกๆ ปี เหมือนครั้งบรรพบุรุษที่ได้เคยมีมา สำหรับประโยชน์ของการมีงานขึ้นปีใหม่ สาระสำคัญ คือ 1. พูดในส่วนใหญ่ เป็นสิ่งที่ให้ระลึกถึงชนชาติเดียวกัน ซึ่งเป็นที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ชาติได้ก้าวหน้าด้วยความเป็นเอกราชอีก 1 ปี ความก้าวหน้าของชาติหรือเวลาของชาติที่ได้ผ่านพ้นไปนั้น เป็นเครื่องหมายแห่งความสำเร็จ หรือจะได้ซึ่งประโยชน์ของชาติตามนโยบายของรัฐบาลที่ได้คาดหมายไว้ สำหรับจะกระทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ให้ลุล่วงไป เรียกว่าเป็นประโยชน์ชองชาติ 2. กล่าวในส่วนน้อย ก. เป็นสิ่งที่ให้ระลึกถึงความเป็นไปในตัวบุคคล ควรจะมีความปีติยินดีอย่างยิ่งที่เมื่อถึงเวลามาบรรจบครบรอบปีใหม่นี้ พวกเราต่างก็ได้มีชีวิตยืนยาวมาจนกระทั้งได้สรวลเสเฮฮากันอีกด้วยความร่าเริงสามัคคีกันทำความดีให้แก่ชาติ อย่าปล่อยเวลาไปโดยไร้ประโยชน์ อย่าให้เข้ากับสุภาษิต “การผลัดวันประกันพรุ่งนั้นคือโจรที่ขโมยเวลา” ซึ่งจะเป็นนิสัยติดตัวของเราและเราจะรู้สึกเสียดายภายหลัง ข. เป็นสิ่งที่ให้เราทั้งหลายได้วินิจฉัยตัวเองเสียในวันนี้ว่า เมื่อปีก่อนที่ได้ผ่านมาแล้ว มีอะไรที่เราบกพร่อง ความเบื่อหน่ายต่อการรับราชการ หรือความหยุดยั้งแห่งความคิดก้าวหน้าอันเป็นเครื่องหมายแห่งการถอยหลัง หรือการเกียจคร้านต่อการงาน หรือการใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายที่หมดไปโดยใช่เหตุ หรือการเสพ สุรา จนไม่สามารถจะครองสติสัมปชัญญะ หรือว่าการเล่นการพนันจนลุ่มหลงแล้ว ไม่อาจสลัดตัดได้ เหล่านี้เป็นต้น เราจะไม่ยอมให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นในปีใหม่นับแต่วันใหม่นี้เป็นต้นไปอีก เราจะต้องวินิจฉัยตัวเราเสียทันทีว่า อะไรที่ขาดตกบกพร่องจะต้องแก้ และอะไรที่จะเพิ่มพูลความงามความเจริญแก่ตัวเองและหมู่คณะได้ ก็จะต้องจัดทำซึ่งอย่าลืมว่าจะเป็นประโยชน์ใหญ่ยิ่งของเราทั้งหลาย มีแต่ความสุขทั้งหลายทั่วกัน ค. ในข้อ ข. ได้กล่าวแล้วว่า เราจะต้องแก้ไขข้อขาดตกบกพร่องเมื่อปีก่อน และเพิ่มพูลความเจริญแก่ตัวเราและหมู่คณะ เราจะต้องยอมเสียสละทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับชาติ หรือเมื่อชาติต้องการไม่ว่าจะเป็นเวลาใด ขณะใด หรือที่ไหนเราจะต้องสละทุกขณะ จะเป็นทรัพย์สมบัติของเราก็ดี จะเป็นเลือดเนื้อหรือชีวิตจิตต์ใจของเราก็ดี ยามใดเมื่อชาติต้องการแล้ว เราจะต้องอุทิศให้เสมอ แต่ในขณะที่ชาติยังไม่ต้องการความเสียสละของเรา เราก็ควรคำนึงถึงชาติหรือเพื่อนร่วมชาติของเราอยู่เสมอว่า เราจะประกอบกิจพิเศษอย่างใดให้เกิดประโยชน์ เช่นการช่วยเหลือเกื้อกูลผู้ที่ตกทุกข์ได้ยาก การช่วยป้องกันผู้คิดทำลายล้างชาติของเรา เพื่อให้เกิดประโยชน์ใหญ่ยิ่งแก่ชาติของเราให้จงได้ ดังนี้ก็จะเป็นความสวัสดิมงคลแก่พวกเราและชาติของเรา ขอขอบคุณที่มา : สำนักหอสมุดแห่งชาติ กทม |