[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

นั่งเล่นหลังสวน => สุขใจ ตลาดสด => ข้อความที่เริ่มโดย: ใบบุญ ที่ 27 มกราคม 2568 17:50:31



หัวข้อ: ทำไมเรียก “บุหรี่” ว่า “บุหรี่” คำนี้มีที่มาจากไหน
เริ่มหัวข้อโดย: ใบบุญ ที่ 27 มกราคม 2568 17:50:31
(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/80492814795838_cover_buri_696x364_Copy_.jpg)
ภาพประกอบเนื้อหา ภาพเขียนเก่าต้นยาสูบ

ทำไมเรียก “บุหรี่” ว่า “บุหรี่” คำนี้มีที่มาจากไหน

เผยแพร่ - ศิลปวัฒนธรรม วันจันทร์ที่ 27 มกราคม พ.ศ.2568

คำว่าบุหรี่ มาจากไหน? ทำไมเรียกบุหรี่ ว่าบุหรี่

สงสัยหรือไม่ “บุหรี่” ไม่ใช่คำไทยแท้ ทำไมเรียก “บุหรี่” คำนี้มีที่มาจากภาษาอะไร เรื่องนี้ สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงอธิบายไว้ใน “ประชุมพระนิพนธ์เบ็ดเตล็ด” (องค์การค้าคุรุสภา, พิมพ์ครั้งแรกเมื่อ พ.ศ.2504) ดังนี้

ไทยเราเริ่มริสูบบุหรี่ขึ้นเมื่อใด และเหตุใดเราจึงเรียกว่าบุหรี่ ด้วยกระบวนการที่ใช้ใบยาอย่างเดิมเป็นโอสถรักษาโรค ที่เอาใบยาสูบมวนสูบเหมือนบุหรี่ก็มี แม้ทุกวันนี้ยารักษาโรคโรคหืดยังใช้มวนสูบอย่างบุหรี่ แต่เรียกว่ายา หาได้เรียกว่าบุหรี่ ไม่ ถึงบุหรี่จริง ๆ ชาวบ้านนอกก็ยังเรียกว่า “ยา” (แม้บุหรี่สิคาเรต (cigarette) ก็มักเรียกกันว่า “ยากาแรต”)

คำที่เรียกว่าบุหรี่ เป็นคำของผู้ดีพูดเป็นพื้น แต่เมื่อเอาไปใช้ในราชาศัพท์ ก็กลับเรียกว่า “พระโอสถ” อันหมายความว่า “ยา” เหมือนกับชาวบ้านนอกเรียก ดูประหลาดอยู่ พิเคราะห์ดูคำว่าบุหรี่ เห็นว่าเป็นคำภาษาอื่น มิใช้ภาษาไทยเป็นแน่ ไม่มีสงสัย


(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/81498347553941__1_Copy_.jpg)
ร้านขายเหล้าฝรั่งโดยเฉพาะ จะเห็นว่ามีเฉพาะเหล้าประเภทต่างๆ
และบุหรี่ต่างประเทศ ซึ่งเป็นสินค้าคู่กัน [ไม่ปรากฏปี] (ภาพจาก “สำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ”)

พม่าก็สูบบุหรี่ แต่เขาเรียกเป็นคำภาษาพม่าว่า “เฉะลิบ” แปลเป็นภาษาไทย เฉะ ว่า ยา, ลิบ ว่า มวน เขมรเรียกบุหรี่ว่า “บารี” สันนิษฐานว่าจะได้ไปจากคำว่าบุหรี่ที่ไทยเรียกนั้นเอง เพราะคำว่า “บารี” ไม่มีในภาษาเขมร จึงมีปัญหาว่าคำบุหรี่เป็นภาษาอะไร และเหตุใดไทยเราจึงเอามาใช้ในคำพูดภาษาไทย

ได้ให้ค้นหาคำ “บุหรี่” ดูในหนังสืออภิธานภาษาต่าง ๆ พบในอภิธานภาษาเปอเซียมีคำบุรี (Buri) แปลว่า “แหลม” ดูสมกับประเพณีเก่า ซึ่งข้าพเจ้าได้เคยเห็นและเคยทราบความาก่อน คือ บุหรี่ที่ไทยเราสูบชั้นเดิมใช้บุหรี่ก้นแหลมอย่างเดียว มวนด้วยใบตองแห้งบ้าง ใบจากบ้าง

ถ้าจะพิสูจน์ข้อนี้จงพิจารณาดูในพานทองเครืองยศก็จะเห็นได้ว่ามีซอง 2 ใบ ใบเขื่องสำหรับใส่พูล ใบย่อมสำหรับใส่บุหรี่ มีเป็นแบบมาแต่โบราณ ซองใบใส่บุหรี่นั้นต้องเป็นบุหรี่ก้นแหลมจึงจะลงซองได้

บุหรี่อย่างก้นป้านพึ่งเกิดขึ้นในตอนปลายรัชกาลที่ 4 กรุงรัตนโกสินทร์นี้ เขาว่าพระองค์เจ้าสิงหนาทราชดุรงตฤทธิ์ กับใครอีกบ้างจำไม่ได้คิดประดิษฐ์ขึ้น เพื่อจะได้สูบควัน และอมยากับหมากไปพร้อมกัน

บุหรี่ก้นป้านสมัยนั้นจึงปล่อยยาไว้นอกใบตองพอให้อมได้ เรียกว่า “บุหรี่ขำตา” ตามชื่อของผู้มวนขาย บุหรี่ก้นป้านอย่างที่ตัดยาเพียงใบตอง หรือที่มวนด้วยใบตองอ่อน และใบบัว เป็นของเกิดชั้นหลังมาอีก ข้าพเจ้าเข้าใจว่าประดิษฐ์ขึ้นในรัชกาลที่ 5 ทั้งนั้น

ด้วยเค้าเงื่อนมีดังกล่าวมา จึงสันนิษฐานว่าพวกแขกเปอเซีย (ต้นสกุลของพวกแขกเจ้าเซ็นทุกวันนี้) ซึ่งเข้าในสมัยกรุงศรีอยุธยา จะมาสูบบุหรี่ขึ้นก่อน ไทยเราเอาอย่างมาสูบจึงเรียกว่าบุหรี่ตามคำพวกเปอเซีย


(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/44531858588258__2_Copy_.jpg)
ร้านนี้จำหน่ายสินค้าจากต่างประเทศ ทั้งเครื่องใช้ต่างๆ บุหรี่ และเหล้า นอกจากนี้ยังมีการวัดสายตาประกอบแว่นด้วย
ส่วนมุมบนจะเห็นพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว



... อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.silpa-mag.com/culture/article_131272 (https://www.silpa-mag.com/culture/article_131272)