หัวข้อ: เงินโบราณ - หรียญดอกไม้อยุธยา เริ่มหัวข้อโดย: ใบบุญ ที่ 10 กุมภาพันธ์ 2568 17:02:41 เงินตรา เงินตรา เป็นสิ่งที่มนุษย์คิดประดิษฐ์ขึ้นมาเพื่อใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนสินค้า และเป็นเครื่องวัดมูลค่าของสิ่งของและการบริการ บริเวณอันเป็นที่ตั้งของประเทศไทยในปัจจุบันนี้ ได้พบเงินตราโบราณที่ผลิตขึ้นตั้งแต่ยุคฟูนัน (พุทธศตวรรษที่ 6) ยุคทวารวดี (พุทธศตวรรษที่ 11) ยุคศรีวิชัย (พุทธศตวรรษที่ 13) และยุคลพบุรี (พุทธศตวรรษที่12) เมื่ออาณาจักรสุโขทัยก่อตั้งขึ้นในพุทธศตวรรษที่ 18 ได้มีการผลิตเงินตราพดด้วงขึ้นเป็นครั้งแรก และได้ใช้สืบต่อกันมาจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ สำหรับเงินพดด้วงนั้นถือได้ว่าเป็นเอกลักษณ์ทางเงินตราของไทย เนื่องจากมีรูปร่างไม่เหมือนเงินตราสกุลอื่นใดในโลก นอกจากเงินพดด้วงยังมีเงินชนิดอื่น ได้แก่ "เบี้ย" ซึ่งเป็นเปลือกหอยน้ำเค็มชนิดหนึ่ง ที่ชาวต่างชาตินำเข้ามาจากหมู่เกาะมัลดีฟ และได้ใช้เป็นเงินตราในช่วงเดียวกับที่มีการใช้เงิน พดด้วง คือตั้งแต่สมัยสุโขทัยจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวซึ่งในขณะนั้นประเทศไทยมีการติดต่อค้าขายกับต่างประเทศมากขึ้น การใช้เงินพดด้วงซึ่งผลิตด้วยมือไม่คล่องตัวจึงได้โปรดเกล้าฯ ให้ตั้งโรงงานผลิตเงินเหรียญแบบต่างประเทศเป็นครั้งแรก โดยใช้เครื่องจักรจากประเทศอังกฤษเพื่อใช้แทนการใช้เงินพดด้วง และยังใช้สืบต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/96185180172324_111_Copy_.jpg) เหรียญดอกไม้อยุธยา จดหมายเหตุโหรสมัยอยุธยาบันทึกไว้สั้น ๆ ว่า ในรัชกาลสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ พ.ศ.๒๒๘๗ ใช้แปะประกับมิใช้เบี้ย เดิมพระยาโบราณราชธานินทร์ สมุหเทศาภิบาลมณฑลกรุงเก่าขุดตรวจที่ในพระราชวังหลวงอยุธยาพบดินเผาตีตราต่าง ๆ ฝังไว้เป็นจำนวนมาก ทำให้เข้าใจว่าคือประกับที่กล่าวไว้ในจดหมายเหตุโหร ประกับดินเผาในที่นี้คือ ดินเผากลมแบน ขึ้นรูปด้วยแม่พิมพ์ เส้นผ่าศูนย์กลางราว ๑.๕ - ๒.๙ เซนติเมตร หนาราว ๐.๕ เซนติเมตร ด้านหน้ามีลวดลายดอกบัว ไก่ กระต่าย ครุฑ เป็นต้น . ขณะที่แปะประกับอาจหมายถึงเหรียญดอกไม้อยุธยา ซึ่งคนพื้นที่อยุธยาเรียกว่า "ดอกไม้พระร่วง" มีลักษณะเป็นเหรียญหล่อจากแม่พิมพ์โลหะและแม่พิมพ์หิน พบกระจายทั่วไปที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยเฉพาะในแม่น้ำบริเวณด้านท้ายวัดพนัญเชิงและป้อมเพชร ซึ่งพบเป็นจำนวนมาก เหรียญดอกไม้อยุธยาแบ่งเป็นกลุ่มใหญ่ได้ ๕ ขนาด ขนาดใหญ่สุดน้ำหนักราว ๗๒ กรัม ซึ่งพบยากมาก ขนาดรองลงมาน้ำหนัก ๒๓ - ๓๗ กรัม ๑๒ - ๑๘ กรัม ๒.๙ - ๓.๖ กรัม และ ๑.๓ - ๑.๔ กรัม บางขนาดมีลักษณะกลมแบน บางขนาดเป็นกลีบดอกไม้ ทุกขนาดมีรูกลมตรงกลาง สันนิษฐานว่า เหรียญดอกไม้อยุธยาอาจมีมูลค่าเท่ากับ ๑,๖๐๐ เบี้ย ๘๐๐ เบี้ย ๔๐๐ เบี้ย ๑๐๐ เบี้ย และ ๕๐ เบี้ย ตามลำดับ ที่มา ศูนย์การเรียนรู้แบงก์ชาติ - BOTLC หัวข้อ: Re: เหรียญกษาปณ์ พระมหามงกุฎ พระแสงจักร พระเต้า (เงินโบราณ) เริ่มหัวข้อโดย: ใบบุญ ที่ 21 มีนาคม 2568 12:35:15 (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/74811113004883_9_Copy_.jpg) การพัฒนาจากเงินพดด้วงเป็นเหรียญกษาปณ์แบบกลมแบนได้เริ่มขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๓ โดยให้ช่างชาวต่างประเทศผลิตเหรียญเมืองไทขึ้นแต่ไม่ได้นำออกใช้ และหลังจากที่สยามได้ทำสนธิสัญญาเบาว์ริงกับอังกฤษ รัชกาลที่ ๔ จึงสั่งให้ช่างทำเหรียญของไทยขึ้นโดยประทับตราที่สำคัญต่าง ๆ และยังมีการตอกตราประทับบนเหรียญต่างประเทศเพื่อให้ประชาชนยอมรับ นับเป็นจุดเริ่มต้นการนำเหรียญแบบกลมแบนมาใช้ในประเทศไทย และต่อมาในรัชกาลที่ ๕ และ ๖ ก็ได้พัฒนารูปแบบของตราต่าง ๆ ให้มีความเป็นเอกลักษณ์ของไทยมากยิ่งขึ้น โดยจะนำเสนอมาให้ท่านได้รู้จักเรียงตาม Timeline ในช่วงสมัยรัชกาลที่ ๔ - ๖ จำนวน ๘ ตอนดังนี้ ๑. เหรียญกษาปณ์ พระมหามงกุฎ พระแสงจักร พระเต้า ๒. เหรียญกษาปณ์เงินต่างประเทศ ๓. เหรียญกษาปณ์เงินต่างประเทศ ตอกตราฯ ๔. เหรียญกษาปณ์ทองแดง จ.ป.ร. ช่อชัยพฤกษ์ ๕. เหรียญกษาปณ์เงิน พระบรมรูป ตราแผ่นดิน ๖. เหรียญกษาปณ์นิกเกิล ช้างสามเศียร ช่อชัยพฤกษ์ ๗. เหรียญกษาปณ์เงิน พระบรมรูป ไอราพต ชนิดราคา ๑ บาท รัชกาลที่ ๕ ๘. เหรียญกษาปณ์เงิน พระบรมรูป ไอราพต ชนิดราคา ๑ บาท รัชกาลที่ ๖ - เหรียญกษาปณ์ พระมหามงกุฎ พระแสงจักร พระเต้า - ราว พ.ศ. ๒๓๙๙ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้โรงทำเงินหลวงทำเงินเหรียญนี้ขึ้นจำนวนหนึ่งโดยทดลองทำเป็นเหรียญเงินกลมแบน และนำตราเงินพดด้วงมาประทับบนด้านหน้าเหรียญเพียงด้านเดียว ได้แก่ ตราพระมหามงกุฎ พระแสงจักร และพระเต้า เป็นเหรียญแบนรุ่นแรกของไทย สันนิษฐานว่าผลิตขึ้นเพื่อทดลองออกใช้ เพราะพบจำนวนเพียงเล็กน้อย ก่อนที่จะได้รับเครื่องจักรผลิตเหรียญจากประเทศอังกฤษ เหรียญนี้ผลิตชนิดทองคำ ชนิดราคากึ่งเฟื้อง และเหรียญเงินชนิดราคา ๑ สลึง และ ๑ เฟื้อง . ขอชวนมาชมเหรียญกษาปณ์ พระมหามงกุฎ พระแสงจักร พระเต้า ที่พิพิธภัณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทย สามารถเข้าชมได้ วันอังคาร - อาทิตย์ เวลา ๐๙.๓๐ – ๑๖.๓๐ น. โดยไม่ต้องจองล่วงหน้า (กรณีต้องการผู้นำชม มี ๓ รอบ ได้แก่ ๑๐.๓๐ น., ๑๓.๓๐ น. และ ๑๕.๐๐ น.) ที่มา ศูนย์การเรียนรู้แบงก์ชาติ - BOTLC หัวข้อ: Re: เงินโบราณของไทย - เหรียญอีแปะ เริ่มหัวข้อโดย: ใบบุญ ที่ 10 เมษายน 2568 11:57:08 (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/20140856297479_486487616_1069285818575182_114.jpg) เหรียญอีแปะ คำว่า อีแปะ หรือ กะแปะ เป็นคำที่ใช้เรียกเหรียญจีนกลมแบนมีรูตรงกลาง เป็นเงินปลีกที่มักทำจากทองเหลือง ทองแดง พบแพร่หลายในไทยเพราะมีการค้าขายกับเมืองจีนมาก ในอดีตภาคใต้ของไทยมีการผลิตเงินปลีกออกใช้ในรูปลักษณะคล้ายอีแปะ แต่มีขนาดใหญ่กว่าเล็กน้อยและผลิตจากดีบุกผสมตะกั่ว ดังที่สังฆราชปาลเลอกัวซ์บันทึกในหนังสือ เล่าเรื่องกรุงสยาม ซึ่งพิมพ์ในสมัยรัชกาลที่ ๕ เมื่อ พ.ศ. ๒๓๙๗ ว่า พระเจ้าแผ่นดินพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้หัวเมืองที่ห่างไกลสร้างเงินปลีกออกใช้ได้ อีแปะภาคใต้สร้างโดยเจ้าเมือง อาทิ สงขลา พัทลุง กาญจนดิษฐ์ รวมทั้งชุมชนที่เรียกว่า กงสี บางครั้งจึงเรียกว่า เหรียญกงสี อีแปะภาคใต้ที่สร้างโดยเจ้าเมืองมักมีภาษาไทยระบุชื่อเมือง ส่วนที่ผลิตโดยกงสีส่วนใหญ่ใช้ภาษาจีนระบุชื่อเมืองหรือกงสีนั้น ๆ บางเหรียญก็จะมี ๓ ภาษาคือ อักษรไทยและมลายูด้านหน้า ด้านหลังเป็นอักษรจีน . เหรียญอีแปะนี้ ในสมัยรัชกาลที่ ๕ เรียกว่า เงินเบี้ย ปกติมี ๓ ขนาด คือ ๔๐๐ เบี้ย (กึ่งเฟื้องหรือซีก) ๒๐๐ เบี้ย (เสี้ยว) และ ๑๐๐ เบี้ย (อัฐ) แต่ส่วนใหญ่จะพบชนิด ๔๐๐ เบี้ย ซึ่งมีเส้นผ่าศูนย์กลางราว ๓.๕ เซนติเมตร อัตราแลกเปลี่ยนนี้อาจไม่แน่นอน ขึ้นกับสถานที่และห้วงเวลา เช่น ที่เมืองนครศรีธรรมราชใน พ.ศ. ๒๔๒๗ เงินเบี้ยซึ่งเป็นอักษรจีนทั้งสองด้าน ๑๐ อัน เท่ากับ ๑ ก้อน (๑ สลึง) ๓ สลึงเท่ากับ ๑ เหรียญรูเปีย และ ๖ สลึงครึ่งเท่ากับ ๑ เหรียญนกเม็กซิโก ขณะเดียวกันที่เมืองปัตตานีและเมืองกลันตันซึ่งขึ้นกับสยามในเวลานั้น ใช้เงินอีแปะหรือเงินเบี้ยที่เป็นอักษรเฉพาะของเมืองนั้น ๆ ด้วย โดยเป็นอักษรมลายูทั้งสองด้าน เงินเบี้ยปัตตานี ๑๒๐ เหรียญเท่ากับ ๑ สลึง และ ๙๖๐ เหรียญเท่ากับเหรียญนกเม็กซิโก ๑ เหรียญ หากเป็นที่เมืองกลันตันอัตรา ๖๐ เหรียญเท่ากับ ๑ สลึง และ ๙๖๐ เหรียญเท่ากับเหรียญนกเม็กซิโก ๑ เหรียญ . ขอชวนมาชมเหรียญอีแปะที่พิพิธภัณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทย สามารถเข้าชมได้ วันอังคาร - อาทิตย์ เวลา ๐๙.๓๐ – ๑๖.๓๐ น. โดยไม่ต้องจองล่วงหน้านะคะ (กรณีต้องการผู้นำชม มี ๓ รอบ ได้แก่ ๑๐.๓๐ น., ๑๓.๓๐ น. และ ๑๕.๐๐ น.) ที่มา ศูนย์การเรียนรู้แบงก์ชาติ - BOTLC หัวข้อ: Re: เงินโบราณ - เงินคุบ เริ่มหัวข้อโดย: ใบบุญ ที่ 10 เมษายน 2568 12:02:01 (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/90414171541730_487058274_1069144138589350_493.jpg) เงินคุบ เมื่อเข้าสู่ยุคประวัติศาสตร์ ยังมีพัฒนาการของเงินตราอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดความคล่องตัวมากขึ้นและสะดวกในการนำไปใช้ โดยมีการปรับรูปลักษณ์ของเงิน จากที่เป็นก้อนของเงินพดด้วงให้เป็นแบบกลมแบนและบางเบาโดยมีรูตรงกลางเป็นเงินเหรียญ ก่อนปรับเปลี่ยนเป็นเหรียญกษาปณ์ จึงขอนำมาจัดเรียงกันเป็นไทม์ไลน์ให้เห็นการเปลี่ยนแปลงจำนวน ๔ ตอนดังนี้ ๑. เงินคุบ ๒. อีแปะ ๓. เหรียญดอกไม้อยุธยา ๔. เหรียญทองแดงตราช้าง และตราดอกบัว เมืองไท เงินคุบ เป็นเงินที่สันนิษฐานว่ามีมาตั้งแต่สุโขทัย พบบริเวณภาคกลางและภาคเหนือ ทำด้วยโลหะที่มีราคาต่ำ เช่น ตะกั่วและดีบุก นำมาหลอมผสมกันเรียกว่า ชิน รวมทั้งมีชนิดที่เป็นเนื้อโลหะสังกะสีด้วย มีลักษณะเป็นก้อนคล้ายเงินพดด้วง บ้างก็เป็นรูปร่างอื่น ๆ เช่น ก้อนกลมคล้ายเงินกำไล แต่โดยเจตนาแล้วต้องการทำให้มีลักษณะคล้ายพดด้วง มีตราประทับตั้งแต่ ๒ ถึง ๙ ตรา เช่น ตราจักร ช้าง และตราที่เลียนแบบเงินพดด้วงบ้าง เงินคุบไม่ได้ทำขึ้นโดยโรงทำเงินหลวง แต่ราษฎรทำขึ้นเองเพื่อใช้ในพิธีกรรมตามความเชื่อหรืออาจเป็นเครื่องรางของขลังประเภทหนึ่ง เงินคุบมีขนาดใหญ่กว่าเงินพดด้วงปกติ มีน้ำหนักตั้งแต่ ๒๐ - ๑๗๐ กรัม กล่าวได้ว่าไม่มีระบบของน้ำหนักและตราประทับที่ชัดเจน และไม่ได้ใช้จ่ายแลกเปลี่ยนซื้อขายกัน ขอชวนมาชมเงินคุบที่พิพิธภัณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทย สามารถเข้าชมได้ วันอังคาร - อาทิตย์ เวลา ๐๙.๓๐ – ๑๖.๓๐ น. โดยไม่ต้องจองล่วงหน้า (กรณีต้องการผู้นำชม มี ๓ รอบ ได้แก่ ๑๐.๓๐ น., ๑๓.๓๐ น. และ ๑๕.๐๐ น.) ที่มา ศูนย์การเรียนรู้แบงก์ชาติ - BOTLC หัวข้อ: Re: เงินโบราณ เงินพดด้วงเถาที่ระลึก ตราพระแสงจักร พระจุลมงกุฎ ช่อรำเพย เริ่มหัวข้อโดย: ใบบุญ ที่ 10 เมษายน 2568 12:08:19 (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/42287209257483_486518191_1069058335264597_303.jpg) เงินพดด้วงเถาที่ระลึก ตราพระแสงจักร พระจุลมงกุฎ ช่อรำเพย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดงานบำเพ็ญพระราชกุศลแด่สมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี พระราชชนนี เมื่อพระองค์มีพระชนมายุครบ ๒๘ พรรษา ใน พ.ศ. ๒๔๒๓ เนื่องจากเป็นปีที่พระองค์มีพระชนมพรรษาเท่ากับสมเด็จพระราชชนนีเมื่อตอนสิ้นพระชนม์ คือ ๒๘ พรรษา ในงานบำเพ็ญพระราชกุศลแด่สมเด็จพระราชชนนีนี้ ได้มีการจัดทำเงินพดด้วงที่ระลึกตราพระแสงจักร พระจุลมงกุฎ ช่อรำเพย มี ๖ ชนิดราคาและมีจำนวนการผลิต ดังนี้ ๑ ชั่ง (๘๐ บาท) มี ๘ เม็ด กึ่งชั่ง (๔๐ บาท) มี ๑๘ เม็ด ๕ ตำลึง (๒๐ บาท) มี ๔๒ เม็ด สองตำลึงกึ่ง (๑๐ บาท) มี ๗๕ เม็ด ๑ ตำลึง (๔ บาท) มี ๑๑๕ เม็ด และ กึ่งตำลึง (๒ บาท) มี ๒๐๕ เม็ด รวม ๖ ขนาดเป็นจำนวน ๔๖๒ เม็ด จำนวนที่ผลิตนี้เก็บไว้เป็นเงินคงคลังของหลวงอย่างละ ๒ เม็ด นอกนั้นพระราชทานให้พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการ เจ้านายเป็นที่ระลึก ด้านบนของเงินพดด้วงเป็นตราพระแสงจักร หมายถึงราชวงศ์จักรี ด้านหน้าเป็นตราจุลมงกุฎหรือพระเกี้ยวซึ่งเป็นตราประจำพระองค์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวประดิษฐานบนพานแว่นฟ้า มีฉัตร ๕ ชั้น กระหนาบสองข้าง มีกรอบล้อมสองชั้น พื้นเป็นลายกระหนก ด้านหลังเป็นตราช่อรำเพย อันหมายถึงพระนามเดิมของสมเด็จพระบรมราชชนนี คือ หม่อมเจ้าหญิงรำเพย (รัชกาลที่ ๔ ทรงสถาปนาเป็นพระองค์เจ้ารำเพยภมราภิรมย์ ในพ.ศ. ๒๓๙๕ พระองค์ประสูติเมื่อวันที่ ๑๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๓๗๗ สวรรคตเมื่อวันที่ ๙ กันยายน พ.ศ. ๒๔๐๔) มีตัวเลขไทยบอกจุลศักราช ๑๒๔๒ อยู่ใต้ช่อรำเพย ตราของเงินพดด้วงชนิดราคา ๑ ชั่ง (๘๐ บาท) และ กึ่งชั่ง (๔๐ บาท) แกะสลักตราด้วยมือ โดยช่างสิบหมู่ ส่วนขนาดเล็กลงมาจะใช้แม่ตราที่จัดทำขึ้นโดยเฉพาะตีประทับ ทั้งนี้ จำนวนกลีบพระแสงจักร จุดและรัศมีซึ่งประทับด้านบนของเงินพดด้วงที่เรียกว่า ตราบน นั้น ไม่เท่ากันทุกชนิดราคา เช่น ชนิดราคา ๑ ชั่ง พระแสงจักรเป็นจักร ๑๐ กลีบ กึ่งชั่ง พระแสงจักรเป็นจักร ๑๒ กลีบ หรือ กึ่งตำลึง พระแสงจักรเป็นจักร ๘ กลีบ เป็นต้น ชวนมาชมเงินพดด้วงเถาที่ระลึก ตราพระแสงจักร พระจุลมงกุฎ ช่อรำเพย ที่พิพิธภัณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทย สามารถเข้าชมได้ วันอังคาร - อาทิตย์ เวลา ๐๙.๓๐ – ๑๖.๓๐ น. โดยไม่ต้องจองล่วงหน้า (กรณีต้องการผู้นำชม มี ๓ รอบ ได้แก่ ๑๐.๓๐ น., ๑๓.๓๐ น. และ ๑๕.๐๐ น.) ที่มา ศูนย์การเรียนรู้แบงก์ชาติ - BOTLC หัวข้อ: Re: เงินโบราณ - เหรียญกษาปณ์เงินต่างประเทศ เริ่มหัวข้อโดย: ใบบุญ ที่ 14 เมษายน 2568 10:51:42 (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/74856026801798_487907724_1077737181063379_904.jpg) เหรียญกษาปณ์เงินต่างประเทศ เหรียญกษาปณ์เงินต่างประเทศ นิยมเรียกกันว่า เงินเหรียญนอก อาทิ เงินเหรียญเม็กซิกัน เงินเหรียญเปรู เงินเหรียญรูปี เงินเหรียญฮอลแลนด์ นับเป็นรูปแบบหนึ่งของเหรียญกษาปณ์ที่ใช้เพื่อการค้า เนื่องจากรัฐไม่สามารถผลิตพดด้วงได้ทันตามความต้องการ ใน พ.ศ. ๒๔๐๐ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีประกาศอนุญาตให้ใช้เงินเหรียญนอก ดังความสำคัญว่า ผู้ใดมีเหรียญเงิน เหรียญทองก็จงใช้สอยปนไปกับเงินตราในเวลานั้นคือเงินพดด้วง เพราะลูกค้าต่างประเทศเอาเข้ามาใช้สอยมาก ไม่ค่อยจะเป็นเงินปลอมเพราะปลอมยาก รัชกาลที่ ๔ ไม่ห้ามการใช้สอยเงินเหรียญในการซื้อขายเลย แม้ในท้องพระคลังเวลานี้ก็มีเงินเหรียญนอกมาก ในราชการก็จะใช้เงินเหรียญนอกปะปนไปกับเงินตราไทย โดยกำหนดอัตราแลกเปลี่ยน ๓ เหรียญเท่ากับ ๕ บาท . ขอชวนมาชมเหรียญกษาปณ์เงินต่างประเทศที่พิพิธภัณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทย สามารถเข้าชมได้ วันอังคาร - อาทิตย์ เวลา ๐๙.๓๐ – ๑๖.๓๐ น. โดยไม่ต้องจองล่วงหน้า (กรณีต้องการผู้นำชม มี ๓ รอบ ได้แก่ ๑๐.๓๐ น. ๑๓.๓๐ น. และ ๑๕.๐๐ น.) ที่มา ศูนย์การเรียนรู้แบงก์ชาติ - BOTLC หัวข้อ: Re: เงินโบราณ - หรียญดอกไม้อยุธยา เริ่มหัวข้อโดย: ใบบุญ ที่ 22 เมษายน 2568 17:16:33 (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/70847589605384_486501472_1069287858574978_396.jpg) เหรียญทองแดง ตราช้าง เมืองไท และเหรียญทองแดง ตราดอกบัว เมืองไท เหรียญเมืองไทคือเหรียญทองแดงตัวอย่างที่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ โปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์ (ดิศ บุนนาค) ครั้งดำรงตำแหน่งเจ้าพระยาพระคลัง คิดออกแบบเพื่อให้สยามมีเหรียญกษาปณ์ตามแบบตะวันตก ซึ่งเจ้าพระยาพระคลังได้มอบหมายให้นายรอเบิร์ต ฮันเตอร์ พ่อค้าชาวอังกฤษเป็นผู้ดำเนินการให้ โดยมีการผลิตที่โรงงานบริษัทฮีตัน ประเทศอังกฤษ เหรียญเมืองไทมีสองแบบ ได้แก่ “เหรียญทองแดง ตราช้าง เมืองไท” ซึ่งได้แบบจากเหรียญซีลอน (ศรีลังกา) ด้านหนึ่งเป็นรูปช้างเต็มตัวยืนหันหัวไปทางซ้าย ด้านล่างมีเลขไทย ๑๑๙๗ บอกปีจุลศักราชที่ผลิต ตรงกับ พ.ศ. ๒๓๗๘ ส่วนด้านหลังมีตัวอักษร “เมืองไท” มีรูปดาว ๑๖ แฉกอยู่เบื้องบนและเบื้องล่างของตัวอักษรไทยอย่างละ ๑ ดวง แบบที่สองคือ “เหรียญทองแดง ตราดอกบัว เมืองไท” ด้านหนึ่งเป็นรูปดอกบัวผลิบานอยู่เหนือใบบัว ด้านล่างมีเลขไทย ๑๑๙๗ บอกปีจุลศักราชที่ผลิต ส่วนด้านหลังมีลักษณะเช่นเดียวกับเหรียญแบบแรก เมื่อพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทอดพระเนตร ไม่โปรดลวดลายบนเหรียญ สันนิษฐานว่าเนื่องจากเหรียญตราช้าง เมืองไท คล้ายกับเหรียญซีลอนของรัฐบาลอังกฤษ ขณะที่เหรียญตราดอกบัว เมืองไท คล้ายกับเหรียญของรัฐอาเจะห์ในเกาะสุมาตรา จึงเป็นเหตุให้ไม่มีพระบรมราชานุญาตให้ผลิตเหรียญทองแดงตามตัวอย่างชุดนี้ ขอชวนมาชมเหรียญทองแดง ตราช้าง เมืองไท และเหรียญทองแดง ตราดอกบัว เมืองไท ที่พิพิธภัณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทย สามารถเข้าชมได้ วันอังคาร - อาทิตย์ เวลา ๐๙.๓๐ – ๑๖.๓๐ น. โดยไม่ต้องจองล่วงหน้านะคะ (กรณีต้องการผู้นำชม มี ๓ รอบ ได้แก่ ๑๐.๓๐ น., ๑๓.๓๐ น. และ ๑๕.๐๐ น.) ที่มา ศูนย์การเรียนรู้แบงก์ชาติ - BOTLC หัวข้อ: Re: เงินโบราณ - หรียญดอกไม้อยุธยา เริ่มหัวข้อโดย: ใบบุญ ที่ 12 พฤษภาคม 2568 11:31:36 (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/37225969591074_495568226_1104384068398690_251.jpg) เหรียญกษาปณ์ทองแดง จ.ป.ร. ช่อชัยพฤกษ์ เหรียญกษาปณ์ทองแดงนี้เกิดขึ้นจากการขาดแคลนเหรียญชนิดราคาปลีกที่จำเป็นต้องใช้ในท้องตลาด เหรียญปลีกในเวลานั้นส่วนใหญ่เป็นดีบุกและทองแดง ซึ่งส่วนหนึ่งราษฎรหลอมไปขายเนื่องจากขณะนั้นราคาโลหะสูงกว่าราคาหน้าเหรียญ เมื่อเหรียญปลีกย่อยขาดแคลนทำให้ราษฎรนิยมใช้ปี้กระเบื้องโรงบ่อนเป็นเงินปลีกแทน จึงโปรดเกล้าฯ ให้สั่งทำเหรียญทองแดง ตรา จ.ป.ร. ช่อชัยพฤกษ์ จากโรงกษาปณ์เมืองเบอร์มิงแฮม ประเทศอังกฤษ ประกาศออกใช้ครั้งแรกชนิดราคาเสี้ยว อัฐ โสฬส ใน พ.ศ.๒๔๑๘ ส่วนราคาซีกออกใช้หลังจากนั้น ๒ ปี ขอชวนมาชมเหรียญกษาปณ์ทองแดง จ.ป.ร. ช่อชัยพฤกษ์ ที่พิพิธภัณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทย สามารถเข้าชมได้ วันอังคาร - อาทิตย์ เวลา ๐๙.๓๐ – ๑๖.๓๐ น. โดยไม่ต้องจองล่วงหน้านะคะ (กรณีต้องการผู้นำชม มี ๓ รอบ ได้แก่ ๑๐.๓๐ น. ๑๓.๓๐ น. และ ๑๕.๐๐ น.) ที่มา ศูนย์การเรียนรู้แบงก์ชาติ - BOTLC หัวข้อ: Re: เงินโบราณ - เหรียญกษาปณ์เงิน พระบรมรูป ตราแผ่นดิน เริ่มหัวข้อโดย: ใบบุญ ที่ 26 พฤษภาคม 2568 12:10:23 (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/20306657420264_495541108_1104386645065099_427.jpg) เหรียญกษาปณ์เงิน พระบรมรูป ตราแผ่นดิน เหรียญกษาปณ์ทองแดงนี้เกิดขึ้นจากการขาดแคลนเหรียญชนิดราคาปลีกที่จำเป็นต้องใช้ในท้องตลาด เหรียญปลีกในเวลานั้นส่วนใหญ่เป็นดีบุกและทองแดง ซึ่งส่วนหนึ่งราษฎรหลอมไปขายเนื่องจากขณะนั้นราคาโลหะสูงกว่าราคาหน้าเหรียญ เมื่อเหรียญปลีกย่อยขาดแคลนทำให้ราษฎรนิยมใช้ปี้กระเบื้องโรงบ่อนเป็นเงินปลีกแทน จึงโปรดเกล้าฯ ให้สั่งทำเหรียญทองแดง ตรา จ.ป.ร. ช่อชัยพฤกษ์ จากโรงกษาปณ์เมืองเบอร์มิงแฮม ประเทศอังกฤษ ประกาศออกใช้ครั้งแรกชนิดราคาเสี้ยว อัฐ โสฬส ใน พ.ศ.๒๔๑๘ ส่วนราคาซีกออกใช้หลังจากนั้น ๒ ปี ขอชวนมาชมเหรียญกษาปณ์ทองแดง จ.ป.ร. ช่อชัยพฤกษ์ ที่พิพิธภัณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทย สามารถเข้าชมได้ วันอังคาร - อาทิตย์ เวลา ๐๙.๓๐ – ๑๖.๓๐ น. โดยไม่ต้องจองล่วงหน้า (กรณีต้องการผู้นำชม มี ๓ รอบ ได้แก่ ๑๐.๓๐ น. ๑๓.๓๐ น. และ ๑๕.๐๐ น.) ที่มา ศูนย์การเรียนรู้แบงก์ชาติ - BOTLC [/size] ที่มา ศูนย์การเรียนรู้แบงก์ชาติ - BOTLC |