[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

นั่งเล่นหลังสวน => สุขใจ อนามัย => ข้อความที่เริ่มโดย: ใบบุญ ที่ 19 มีนาคม 2568 15:51:48



หัวข้อ: น้ำนมราชสีห์
เริ่มหัวข้อโดย: ใบบุญ ที่ 19 มีนาคม 2568 15:51:48

(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/98449334046906__Copy_.jpg)

น้ำนมราชสีห์

ที่มา - มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 28 กุมภาพันธ์ - 6 มีนาคม 2568
คอลัมน์ - โครงการสมุนไพรเพื่อการพึ่งพาตนเอง
เผยแพร่ - วันเสาร์ที่ 1 มีนาคม พ.ศ.2568


ในชั่วโมงนี้เราเสพสื่อ รับข้อมูลข่าวสาร และติดต่อสื่อสารกันในโลกสังคมออนไลน์ แต่ก็พบข่าวสารจำนวนมากเข้าข่ายหลอกลวงเป็นภัยออนไลน์ อีกไม่น้อยไม่น่าเชื่อถือหรือชวนสงสัย โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงวัยที่ตกเป็นเป้าหมายได้ง่าย แม้ว่าทุกวันนี้วัยเก๋าวัยโก๋เรียนรู้พัฒนาการใช้สื่อสังคมออนไลน์กันมากมายขึ้นแล้วก็ตาม ไม่นานมานี้มีการแชร์ความรู้ให้ผู้สูงอายุตื่นเต้น เนื่องจากอาการอย่างหนึ่งที่มักพบบ่อยๆ คือ โรคบ้านหมุน หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า โรคมีเนีย (Meniere’s disease) และในข่าวสารก็อ้างอิงว่าผู้สูงอายุจำนวนมากไม่ค่อยพึงพอใจในการรักษาแบบแผนปัจจุบัน จึงได้มีการโพสต์และแชร์สมุนไพร ชื่อ น้ำนมราชสีห์ รักษาอาการบ้านหมุน

หลักการสำคัญอย่างหนึ่งในการใช้สมุนไพร คือ ต้องใช้ยาให้ถูกต้นหรือใช้สมุนไพรที่ตรงตามตำรับยา เพื่อความปลอดภัยและให้ได้ผลนั่นเอง ในข้อเท็จจริงซึ่งเป็นข้อมูลพื้นฐานของน้ำนมราชสีห์ เป็นพืชในสกุล Euphorbia ซึ่งมีจำนวนสมาชิกพืชมากมาย ในฐานข้อมูลของสวนพฤกษศาสตร์หลวง เมืองคิว รายงานว่ามีมากถึง 2,055 ชนิด แต่ที่อยู่ในกลุ่มน้ำนมราชสีห์ที่มีรายงานว่าพบในประเทศไทย มี 4 ชนิด ดังนี้

(1) Euphorbia hirta L. ถิ่นกำเนิดอยู่ในอเมริกาใต้ นำเข้ามาในประเทศไทย

(2) Euphorbia reniformis Blume มีถิ่นกำเนิดในประเทศไทย

(3) Euphorbia prostrata Aiton ถิ่นกำเนิดอยู่ในอเมริกาใต้ นำเข้ามาในประเทศไทย

(4) Euphorbia thymifolia L. หรือน้ำนมราชสีห์เล็ก ถิ่นกำเนิดอยู่ในอเมริกาใต้ นำเข้ามาในประเทศไทย

นํ้านมราชสีห์ ที่พบมากหรือเป็นที่รู้จักทั่วไปของคนไทย คือ น้ำนมราชสีห์ที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Euphorbia hirta L. มีชื่อท้องถิ่นว่า ผักโขมแดง (ภาคกลาง) หญ้าน้ำหมึก (ภาคเหนือ) หญ้าหลังอึ่ง (เงี้ยว-แม่ฮ่องสอน) น้ำนมราชสีห์ชนิดนี้มีถิ่นกำเนิดในแถบเขตร้อนของทวีปอเมริกา เข้าใจว่ามีการกระจายเข้าไปในแอฟริกา อินเดีย จีนตอนใต้ และต่อมาเข้ามาในประเทศไทยในภายหลัง (ดูภาพประกอบ)

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของน้ำนมราชสีห์ เป็นไม้ล้มลุกขนาดเล็ก ลำต้นมีขนสีน้ำตาลปนเหลือง ใบ ใบเรียงตรงข้าม ใบเดี่ยว รูปรี ปลายใบแหลม โคนใบสอบเบี้ยวเล็กน้อย ขอบใบหยักฟันเลื่อย ผิวใบมีขนทั้งสองด้าน ดอก ดอกช่อออกตามซอกใบ ดอกแยกเพศ ไม่มีกลีบดอกและกลีบเลี้ยง ใบประดับเป็นรูปถ้วยสีเขียว เกสรตัวผู้มี 5 อัน เกสรตัวเมียมี 1 อัน รังไข่รูปกลมแกมสามเหลี่ยม มีท่อรังไข่ 3 อัน ผล ผลแห้งแตกได้ 3 พู ผลกลม และเป็นพืชที่เจริญเติบโตในทุ่งหญ้าโล่ง ริมถนน และทางเดินทั่วไปหากเราสังเกตดีๆ ก็จะพบได้ง่าย

ในวัฒนธรรมพื้นบ้านหลายประเทศจะมีการใช้กันอย่างแพร่หลายในสรรพคุณยาสมุนไพร โดยเฉพาะโรคหอบหืด โรคผิวหนัง และความดันโลหิตสูง

ในตำรายาไทยใช้ทั้งต้น ซึ่งมีรสขม เย็นจัด ใช้ดับร้อน แก้พิษ ขับน้ำนม แก้ผดผื่นคัน ลำไส้อักเสบเฉียบพลัน ฝีพิษบวมแดง เช่น การใช้ทั้งต้นแห้ง 6-7 กรัม (สด 30-60 กรัม) ต้มน้ำดื่ม หรือต้มเอาน้ำชะล้างหรือตำพอกแผล แก้บาดแผลมีเลือดออก ใช้ใบสดขยี้หรือตำพอกแผลห้ามเลือด และยางขาวใช้ทาบ่อยๆ ช่วยกัดหูด ตาปลา ในกรณีที่เป็นฝีมีหนองลึกๆ ให้ใช้ใบสด 1 กำมือ ผสมเกลือและน้ำตาลทรายแดงอย่างละเล็กน้อยตำพอก แก้ฝีในปอด ใช้ต้นสด 1 กำมือ ตำคั้นเอาน้ำครึ่งแก้ว ผสมน้ำดื่ม แก้ฝีที่เต้านม ใช้ต้นสด 60 กรัม รวมกับเต้าหู้ 120 กรัม ต้มรับประทาน และ ใช้ต้นสด 1 กำมือ ผสมเกลือเล็กน้อย ตำผสมน้ำร้อนเล็กน้อยพอกบริเวณที่เป็นฝี

ใช้แก้บิดมูกเลือดหรือบิดจากแบคทีเรีย นำทั้งต้นแห้ง 15-25 กรัม ผสมน้ำตาลทรายหรือจะเป็นน้ำตาลแดงก็ได้ ใส่น้ำสะอาดตั้งไฟอ่อนๆ ต้มประมาณ 1 ชั่วโมง (ทำแบบตุ๋นอาหาร) กินน้ำยาตุ๋นนี้ ถ้าใช้แก้เบาขัด หนองใน ปัสสาวะเป็นเลือด นำต้นสด 30-60 กรัม ต้มน้ำดื่มวันละ 2 ครั้ง ถ้าใช้แก้เด็กเป็นตานขโมย (ผอม พุงโร ก้นปอด) นำต้นสด 30 กรัม กับตับหมู 120 กรัม ตุ๋นรับประทาน แก้เด็กศีรษะมีแผลเปื่อยเน่า มีน้ำเหลือง นำต้นสด 1 กำมือ ต้มเอาน้ำชะล้างแผล แก้ขาเป็นกลาก เน่าเปื่อย

นำต้นสด 100 กรัม แช่ในแอลกอฮอล์ 75% จำนวน 500 มิลลิลิตร 3-5 วัน เอาไว้ทาบริเวณที่เป็นบ่อยๆ


นํ้านมราชสีห์จัดเป็นสมุนไพรชนิดหนึ่งที่เก่าที่สุดของอินดีย ในทางอายุรเวทใช้รักษาโรคของผู้หญิง โรคทางเดินหายใจ (ไอ หวัด หลอดลมอักเสบ และหอบหืด) การติดเชื้อพยาธิในเด็ก โรคบิด โรคดีซ่าน สิว หนองใน ปัญหาการย่อยอาหาร และเนื้องอก

มีรายงานว่าน้ำนมราชสีห์ชนิดนี้ประกอบด้วยอัลเคน (alkanes) ไตรเทอร์ปีน (triterpenes) ไฟโตสเตอรอล (phytosterols) แทนนิน (tannins) โพลีฟีนอล (polyphenols) และฟลาโวนอยด์ (flavanoids) สารสำคัญที่มีอยู่ในน้ำนมราชสีห์ใช้รักษาอาการหอบหืดได้เป็นอย่างดี จึงมีชื่อสามัญในภาษาอังกฤษว่า Asthma-plant หรือสมุนไพร (แก้) หอบหืด นั่นเอง

ในฟิลิปปินส์ (ซึ่งเรียกว่า ทาวา-ทาวา) ใช้เป็นยาพื้นบ้านสำหรับไข้โดยเฉพาะสำหรับไข้เลือดออกและมาลาเรีย ในอินโดนีเซียใช้รักษาแผลในกระเพาะ โรคบิด โรคติดเชื้อในทางเดินอาหาร โรคติดเชื้อที่ผิวหนัง โรคเบาหวาน และความผิดปกติของระบบทางเดินหายใจ โดยเฉพาะโรคที่เกิดจากการติดเชื้อจุลินทรีย์ มีการศึกษาวิจัยพบว่าน้ำนมราชสีห์มีฤทธิ์ต้านจุลินทรีย์ ต้านอนุมูลอิสระ ต้านเบาหวาน ต้านความเครียด ต้านมะเร็ง และต้านนิ่วในไต สารสกัดจากน้ำนมราชสีห์ประกอบด้วยเดดเคอร์เซตริน (dedquercetrin) ไดเมทอกซีเคอร์เซทริน (dimethoxyquercetrin) เฮอร์ต้าคูมาโรฟลาโวโนไซด์ (hirta coumaroflavonoside) และเฮอร์ต้าฟลาโวโนไซด์บี (hirta flavonoside-B) ที่มีคุณสมบัติในการยับยั้งกิจกรรมของอัลฟากลูโคซิเดส (?-glucosidase) ที่เทียบได้กับอะคาร์โบส (acarbose) จึงมีศักยภาพสูงที่จะพัฒนาเป็นยาต้านโรคเบาหวาน

จากการสืบค้นเอกสารไม่น้อยกว่า 10 รายการ ยังไม่พบว่ามีการนำมาใช้รักษาอาการบ้านหมุนหรือหูอื้อ ทำให้ไม่แน่ใจว่าสรรพคุณนี้อาจได้มาจากประสบการณ์ตรงของชุมชนใดชุมชนหนึ่ง เมื่อใช้รักษาหาย จึงมีการบอกต่อๆ กันมา ที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือ น้ำนมราชสีห์มีถึง 4 ชนิด เป็นชนิดไหนที่นำมาใช้หรือสามารถใช้แทนกันได้ จึงควรสืบค้นและศึกษาให้เคลียร์ชัดเพื่อประโยชน์ต่อคนส่วนมากต่อไป •


... อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.matichonweekly.com/column/article_829620