หัวข้อ: มีทางเดียวคือการภาวนา โดย พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต เริ่มหัวข้อโดย: Maintenence ที่ 09 เมษายน 2568 18:53:35 (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/75689065580566_480347230_1209971833844304_878.jpg) มีทางเดียวคือการภาวนา พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต ชีวิตของเราไม่ได้มีเพียงภพนี้ชาตินี้เท่านั้น ร่างกายของเราเป็นเหมือนเสื้อผ้าอาภรณ์ของใจเรา ที่มีชีวิตยืนยาวนาน เพราะใจเป็นสิ่งที่ไม่ตาย เวลามาเกิดในภพนี้ชาตินี้ ก็เหมือนกับเอาเสื้อผ้ามาใส่ชุดหนึ่งเท่านั้นเอง เมื่อเสื้อผ้าชุดนี้ขาดไปก็เปลี่ยนชุดใหม่ จะได้ชุดใหม่ที่ดีกว่าเก่าหรือเลวกว่าเก่า ก็อยู่ที่บุญกรรมที่เราสร้างกันในวันนี้ ถ้าสร้างบุญมากกว่าสร้างกรรม เสื้อผ้าชุดใหม่ก็จะดีกว่าชุดเดิม จะได้ภพชาติที่ดีกว่าที่เป็นอยู่ในขณะนี้ แต่ถ้าสร้างกรรมมากกว่าสร้างบุญ ก็จะได้เสื้อผ้าที่แย่กว่า หรือเลวกว่าที่มีอยู่ คือภพชาติที่จะไปเกิดใหม่จะเลวกว่าภพชาติที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ถ้าจะมองชีวิตของเรา จึงอย่าไปมองที่ร่างกายอย่างเดียว ร่างกายนี้ไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของชีวิตของพวกเรา ตัวตนหรือชีวิตที่แท้จริงของพวกเราก็คือใจที่ไม่ตาย ที่จะไปเปลี่ยน ไปครอบครองร่างกายใหม่ เวลาที่ร่างกายนี้แตกสลายไปแล้ว ร่างกายนี้เป็นเหมือนเสื้อผ้าของใจ เสื้อผ้าที่เราใส่ทุกวันนี้ เราก็ใส่ตอนเช้า พอตอนเย็นเราอาบน้ำอาบท่า เราก็เปลี่ยนใหม่ ใส่ชุดใหม่ ชุดเก่าก็ผ่านไป ฉันใดร่างกายนี้ก็เหมือนกัน เมื่อแตกดับสลายไปก็เป็นเหมือนเสื้อผ้าชุดเก่า เราก็ต้องหาชุดใหม่มาเปลี่ยน จะได้ชุดดีกว่าเดิมหรือเลวกว่าเดิม ก็ขึ้นอยู่กับบุญกรรมที่เราสร้างไว้ในภพนี้และภพในอดีต ที่ยังไม่ได้ส่งผล ในอดีตเราก็เคยทำบุญทำกรรมเหมือนกับในภพนี้ชาตินี้ ส่วนที่ยังไม่ได้ส่งผล ก็ยังสามารถส่งผลให้กับเราได้ในชาติหน้า รวมกับบุญกรรมที่เราทำในชาตินี้ นี่คือหลักความจริง ที่พระพุทธเจ้าและพระอรหันตสาวกทั้งหลายได้เข้าถึง เห็นได้ด้วยการปฏิบัติธรรม ถ้าอยากจะรู้เรื่องจิตเรื่องใจของเรา ก็ต้องปฏิบัติภาวนา เพราะถ้าไม่ภาวนาแล้ว จะไม่เห็นตัวใจ เพราะมันคลุกเคล้าอยู่กับรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ อยู่กับร่างกายตลอดเวลา จนทำให้เกิดความรู้สึกว่า ร่างกายกับใจเป็นอันเดียวกัน เป็นเหมือนฝาแฝด ที่ไปไหนก็ไปด้วยกันตั้งแต่เกิดเลย พอเกิดออกมาจากท้องแม่ เราก็มีทั้งกายทั้งใจ แต่ใจเป็นส่วนละเอียด ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เห็นเพียงแต่ร่างกายของเราและร่างกายของคนอื่น ส่วนใจของคนอื่นนั้น เราเห็นได้เพียงแต่ผลที่เกิดจากการกระทำ คือการเคลื่อนไหวของกายและวาจา ที่เป็นผลของการกระทำของใจ จะพูดอะไร ต้องอาศัยใจเป็นผู้สั่งการ ใจต้องคิดแล้วถึงพูดออกมาได้ จะไปไหนมาไหน จะทำอะไร ก็ต้องอาศัยใจเป็นตัวสั่งการ ถ้าร่างกายไม่มีใจ ก็เป็นเหมือนท่อนไม้ท่อนฟืน เป็นซากศพ คนตายจะไม่มีใจอยู่กับร่างกาย ที่จะสั่งให้ร่างกายขยับเขยื้อนไปไหน ไปทำอะไร เมื่อไม่มีใจอยู่ในร่างกายแล้ว ร่างกายก็มีแต่จะรอวันเวลาให้เสื่อมสลายเน่าเปื่อย กลับคืนสู่ธาตุเดิมไป กลับคืนสู่ดิน น้ำ ลม ไฟ ถ้าอยากจะรู้ใจว่าเป็นอย่างไร ก็มีทางเดียวคือการภาวนา. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี กำลังใจ ๒๐ กัณฑ์ที่ ๒๓๔ วันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๔๙ |