หัวข้อ: กบแอฟริกันบูลฟร็อก เริ่มหัวข้อโดย: ใบบุญ ที่ 14 เมษายน 2568 10:56:37 (https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/7/74/Giant_African_Bullfrog_imported_from_iNaturalist_photo_15596239.jpg) กบแอฟริกันบูลฟร็อก กบแอฟริกันบูลฟร็อก (African bullfrog; ชื่อวิทยาศาสตร์: Pyxicephalus adspersus) เป็นกบชนิดที่ใหญ่เป็นอันดับต้น ๆ ของโลก ลำตัวมีสีน้ำตาลปนเขียว จุดสีน้ำตาล บริเวณส่วนหัวสีเขียวเคลือบน้ำตาล ขาทั้งสี่มีลายน้ำตาลดำ ขาหลังมีลายขวาง ลำตัวอ้วนข้างท้องมีลายน้ำตาลใต้ท้องเป็นสีขาว ผิวหนังส่วนใหญ่เรียบจะมีบ้างเป็นบางส่วนที่ขรุขระ มีถิ่นกำเนิดที่ทวีปแอฟริกาแถบแอฟริกากลางจนถึงแอฟริกาใต้ ความแตกต่างระหว่างตัวผู้กับตัวเมีย นอกจากอวัยวะเพศแล้วตัวผู้จะมีวงแก้วหูใหญ่กว่าตาและอยู่ทางด้านหลัง ลำตัวจะมีสีเข้มบริเวณใต้คางซึ่งมีสีจะเหลืองปนเขียวอย่างชัดเจนบริเวณใต้คางจะเป็นสีเหลือง แต่เพศเมียผิวหนังจะสดใสกว่าและมีวงแก้วหูเล็กกว่าตา กบแอฟริกันบูลฟร็อกเมื่อโตเต็มวัยจะมีขนาดยาวประมาณ 8-10 นิ้ว พร้อมผสมพันธุ์ได้เมื่ออายุ 12-18 เดือน ตัวผู้จะส่งเสียงร้องคล้ายวัวเพื่อหาคู่ จึงเป็นที่มาของชื่อ (บูลฟร็อก = กบวัว) หากตัวเมียที่มีความพร้อมบริเวณเอวจะพองโต ท้องอูมเมื่อพลิกด้านท้องขึ้นจะไม่เห็นเส้นเลือดใต้ผิวหนัง เมื่อไข่ถูกผสมน้ำเชื้อแล้วจะฟักออกเป็นตัวภายในเวลา 3 วัน เมื่อฟักเป็นลูกอ๊อดแล้ว ตัวผู้จะเป็นผู้ดูแล เมื่อแหล่งน้ำที่ลูกอ๊อดอาศัยอยู่นั้นเหือดแห้งลง กบแอฟริกันบูลฟร็อกตัวผู้จะใช้ขาหลังขุดดินเพื่อให้แหล่งน้ำที่ลูกอ๊อดอยู่นั้นเชื่อมต่อกับแหล่งน้ำที่ใหญ่กว่า เพื่อให้ลูกอ๊อดอยู่รอดต่อไป กบแอฟริกันบูลฟร็อก ได้กลายเป็นสัตว์เลี้ยงของผู้ที่นิยมเลี้ยงสัตว์แปลก ๆ เช่น สัตว์เลื้อยคลาน, สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ โดยเฉพาะวัยรุ่น โดยมีราคาขายประมาณ 1,500-2,000 บาทต่อตัว ด้วยความที่ใหญ่ในรูปร่างที่ใหญ่กว่ากบทั่วไป จึงอาจสุ่มเสี่ยงที่จะเป็นชนิดพันธุ์ต่างถิ่นที่จะก่อให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อมได้ในอนาคต เนื่องจากกินกบหรือเขียดขนาดเล็ก, ลูกปลาและสัตว์ชนิดอื่นเป็นอาหาร (https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/8/88/Illustrations_of_the_zoology_of_South_Africa_%286263339435%29.jpg/1280px-Illustrations_of_the_zoology_of_South_Africa_%286263339435%29.jpg) |