[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

นั่งเล่นหลังสวน => สุขใจ ตลาดสด => ข้อความที่เริ่มโดย: Kimleng ที่ 03 พฤษภาคม 2568 17:12:31



หัวข้อ: ไข่นกกระจอกเทศ ปัจจุบันถือเป็นอาหารพิเศษที่หรูหรา
เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 03 พฤษภาคม 2568 17:12:31

(https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/2/22/Syrischer_Maler_um_1335_001.jpg/1920px-Syrischer_Maler_um_1335_001.jpg)
นกกระจอกเทศฟักไข่ จากหนังสือสัตว์ของอัลจาฮิซ (the Book of Animals of al-Jahiz)

ไข่นกกระจอกเทศ

ไข่นกกระจอกเทศ (Ostrich egg) เป็นไข่ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดาสัตว์ปีกยังมีชีวิตอยู่ (มีขนาดใหญ่กว่าไข่ของนกช้างสกุล Aepyornis ซึ่งสูญพันธุ์ไปแล้ว) ในอดีตไข่นกกระจอกเทศไม่นิยมนำมารับประทาน และเป็นเวลานานมาแล้วที่มนุษย์นำเปลือกไข่ของนกกระจอกเทศมาใช้เป็นภาชนะและงานศิลปะตกแต่ง

นกกระจอกเทศตัวเมียจะวางไข่ที่ได้รับการผสมพันธุ์ในรังรวมแห่งเดียว โดยนกกระจอกเทศตัวผู้จะขุดลงไปในพื้นดิน ซึ่งเป็นหลุมธรรมดา ลึก ๓๐ ถึง ๖๐ เซนติเมตร (๑๒-๒๔ นิ้ว) และกว้าง ๓ เมตร (๙.๘ ฟุต) นกกระจอกเทศตัวเมียที่มีอำนาจเหนือกว่าจะวางไข่ก่อน และเมื่อถึงเวลาต้องกลบไข่เพื่อฟัก นกกระจอกเทศตัวเมียจะทิ้งไข่ส่วนเกินที่อ่อนแอกว่า โดยส่วนใหญ่แล้วจะมีไข่เหลืออยู่ประมาณ ๒๐ ฟอง (นกกระจอกเทศตัวเมียสามารถแยกไข่ของตัวเองออกในรังรวมได้) โดยเฉลี่ยแล้วไข่นกกระจอกเทศมีความยาว ๑๕ เซนติเมตร (๕.๙ นิ้ว) กว้าง ๑๓ เซนติเมตร (๕.๑ นิ้ว) และมีน้ำหนัก ๑.๔ กิโลกรัม (๓.๑ ปอนด์) มากกว่าน้ำหนักของไข่ไก่ ๒๐ เท่า มีสีครีมมันวาว มีเปลือกหนาและมีรอยบุ๋มเล็ก ๆ

ไข่จะถูกฟักโดยตัวเมียในเวลากลางวันและโดยตัวผู้ในเวลากลางคืน ซึ่งใช้สีสันของทั้งสองเพศเพื่อหลีกหนีการตรวจจับของรัง เนื่องจากตัวเมียที่มีสีหม่นจะกลมกลืนไปกับผืนทราย ในขณะที่ตัวผู้สีดำแทบจะมองไม่เห็นในเวลากลางคืน ระยะฟักไข่คือ ๓๕ ถึง ๔๕ วัน

โดยปกติ ตัวผู้จะปกป้องลูกนกที่เพิ่งฟักและสอนให้พวกมันกินอาหาร แม้ว่าตัวผู้และตัวเมียจะร่วมมือกันในการเลี้ยงลูกนกก็ตาม แต่ลูกนกที่รอดชีวิตถึงอายุ ๑ ปี มีเพียง ๑๕% เท่านั้น

ต้นกำเนิดที่เป็นไปได้ของตำนานที่ว่านกกระจอกเทศเอาหัวฝังทรายเพื่อหลีกเลี่ยงอันตราย อาจมาจากข้อเท็จจริงที่ว่านกกระจอกเทศจะเก็บไข่ไว้ในหลุมในทรายแทนที่จะเป็นรัง และต้องใช้จะงอยปากหมุนไข่ในระหว่างการฟักไข่ ซึ่งการขุดหลุม การนำไข่มาวาง และการหมุนไข่อาจถูกเข้าใจผิดว่าเป็นความพยายามที่จะเอาหัวฝังทราย

การใช้งานของมนุษย์
ในเมืองธีบส์ ประเทศอียิปต์ หลุมฝังศพของฮาเรมฮับ ซึ่งมีอายุประมาณ ๑๔๒๐ ปีก่อนคริสตกาล แสดงให้เห็นภาพชายคนหนึ่งถือชามใส่ไข่นกกระจอกเทศและไข่ขนาดใหญ่ชนิดอื่น ซึ่งคาดว่าเป็นไข่นกกระทุง เป็นเครื่องบูชา

เปลือกไข่นกกระจอกเทศถูกใช้เป็นภาชนะในแอฟริกาเหนือตั้งแต่ช่วงสหัสวรรษที่ ๔ ก่อนคริสตกาล และในสุสานหลวงที่เมืองอูร์ตั้งแต่สหัสวรรษที่ ๓ ตั้งแต่สหัสวรรษแรกในอารยธรรมพูนิกโบราณ มีตัวอย่างไข่นกกระจอกเทศจำนวนมากที่ตกแต่งด้วยลวดลายเรขาคณิตสำหรับใช้เป็นถ้วยและชาม พบในคาร์เธจ ซาร์ดิเนีย ซิซิลี คาบสมุทรไอบีเรีย และอีบิซา ประเพณีการใช้ไข่นกกระจอกเทศเป็นภาชนะ (บางครั้งก็มีการตกแต่ง) ยังคงดำเนินต่อไปในหมู่ชาวซาน (San people)

ในยุคกลาง ไข่นกกระจอกเทศจากเอธิโอเปียถูกส่งออกผ่านท่าเรือบาดิบนทะเลแดง ในช่วงยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาในยุโรป (คริสต์ศตวรรษที่ ๑๕-๑๖) ไข่นกกระจอกเทศถูกประดับด้วยเงินเป็นถ้วยสำหรับจัดแสดงในตู้โชว์ของสะสม ไข่ที่ตกแต่งยังคงจัดแสดงอย่างแพร่หลายในโบสถ์ออร์โธดอกซ์ตะวันออก แม้ว่าจะยังมีการโต้แย้งเกี่ยวกับสัญลักษณ์ของไข่เหล่านี้ ไข่เหล่านี้อาจสื่อถึงการประสูติของพระแม่มารี  มีตำนานว่านกกระจอกเทศวางไข่ในทรายและไข่เหล่านี้ฟักออกมาโดยอาศัยแสงอาทิตย์เพียงอย่างเดียว ความสำคัญนี้ปรากฏเป็นไข่ที่แขวนอยู่เหนือพระแม่มารีในภาพวาดพระแม่มารีเบรรา (Brera Madonna) ของเปียโร เดลลา ฟรานเชสกา (Piero della Francesca)


(https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/0/09/Reliquary%2C_Tournai%2C_late_15th_to_early_16th_century%2C_ostrich_egg%2C_gilt_silver_-_Cinquantenaire_Museum_-_Brussels%2C_Belgium_-_DSC08775.jpg/800px-Reliquary%2C_Tournai%2C_late_15th_to_early_16th_century%2C_ostrich_egg%2C_gilt_silver_-_Cinquantenaire_Museum_-_Brussels%2C_Belgium_-_DSC08775.jpg)
ไข่นกกระจอกเทศนำไปประดับ สมัยศตวรรษที่ 15

(https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/4/41/Vessel_of_ostrich_eggs_gold_copper_Mycenaean_1400_BC%2C_NAMA_7337_080864.jpg/800px-Vessel_of_ostrich_eggs_gold_copper_Mycenaean_1400_BC%2C_NAMA_7337_080864.jpg)

(https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/d/d2/Landesmuseum_W%C3%BCrttemberg_-_Kunstkammer_-_Strau%C3%9Feneier1270.jpg/800px-Landesmuseum_W%C3%BCrttemberg_-_Kunstkammer_-_Strau%C3%9Feneier1270.jpg)
ไข่นกกระจอกเทศแกะสลัก (ศตวรรษที่ ๑๗)

(https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/9/9e/Piero_della_Francesca_046.jpg/800px-Piero_della_Francesca_046.jpg)
ภาพวาด พระแม่มารีเบรรา มาดอนน่า โดยปิเอโร เดลลา ฟรานเชสกา (ค.ศ.๑๔๗๔) มีไข่นกกระจอกเทศแขวนอยู่เหนือเศียร


(https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/6/6d/Struthio_camelus_egg.jpg)
ในปัจจุบันไข่นกกระจอกเทศถือเป็นอาหารพิเศษที่หรูหรา

(https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/d/d0/Bushmen_drinkingwater.jpg)